บทที่ 978 ทะเลาะกันหน้าประตูบ้านตระกูลเจียง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 978 ทะเลาะกันหน้าประตูบ้านตระกูลเจียง

บทที่ 978 ทะเลาะกันหน้าประตูบ้านตระกูลเจียง

หลิวเทียนฉือจะมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนได้อย่างไร บั้นท้ายของนางได้รับบาดเจ็บจากการล้มกระแทกลงบนพื้น และน้ำตาก็ไหลออกมาในดวงตา

เมื่อคนยกเกี้ยวเห็นว่าคุณหนูถูกดึงตกลงมาจากเกี้ยว พวกเขาจึงวางเกี้ยวอย่างรวดเร็ว และกำลังจะเข้ามาคว้าตัวกู้เสี่ยวหวาน

ฉินเย่จือจะปล่อยให้มือสกปรกเหล่านั้นสัมผัสกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร เขาจึงดึงกู้เสี่ยวหวานมาไว้ในอ้อมแขนทันที

อาโม่ก็ทุบตีคนยกเกี้ยวเหล่านั้นลงกับพื้น

เสี่ยวเถาที่กำลังไปเคาะประตู ครั้นได้ยินบางเสียงประหลาดจากด้านหลังก็หันศีรษะกลับมาทันที และเห็นว่าคุณหนูของนางถูกกู้เสี่ยวหวานดึงออกจากเกี้ยว

เสี่ยวเถารีบปรี่เข้าไปช่วยหลิวเทียนฉือทันที

เมื่อเห็นว่าผู้ร้ายคือกู้เสี่ยวหวาน เสี่ยวเถารู้สึกร้อนใจเล็กน้อยขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แต่นางยังคงถามอย่างมั่นใจ “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ากล้าหาญมากที่กล้าทำร้ายคุณหนูของข้าเช่นนี้ เจ้ายังต้องการชีวิตที่ไร้ค่าของเจ้าอยู่หรือไม่?”

“ชีวิตที่ไร้ค่าหรือ?” เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินคำว่าชีวิตที่ไร้ค่าจากปากของเสี่ยวเถา นางก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ผละออกจากอ้อมกอดของฉินเย่จือพลางก้าวไปข้างหน้า มองไปที่เสี่ยวเถาและหลิวเทียนฉือที่เอาแต่กรีดร้อง นางแสยะยิ้มเย็นชา “ในสายตาของคุณหนูจากเมืองหลวง ชีวิตของพวกเราชาวชนบทเป็นชีวิตที่ไร้ค่าที่เจ้าสามารถทำลายได้ตามต้องการอย่างนั้นหรือ?”

บั้นท้ายของหลิวเทียนฉือเจ็บปวดจากแรงกระแทก น้ำตาไหลอาบแก้ม และเจ็บปวดมากจนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาได้

ครั้นได้ยินว่าเป็นเสียงของกู้เสี่ยวหวาน นางจึงเริ่มด่าทันที “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าคนป่าเถื่อน เจ้ากล้าตีข้าได้อย่างไร ใครให้เจ้ากินดีหมีหัวใจเสือ*[1] กัน ตีนางเดี๋ยวนี้ ตีให้แรง!”

ดูเหมือนว่าหลิวเทียนฉือจะไม่เข้าใจสถานการณ์ ยกเว้นนางและเสี่ยวเถา ผู้ชายทุกคนที่อยู่รอบตัวนางถูกอาโม่ทุบตีลงกับพื้น

พวกเขาทั้งหมดนอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้เป็นเวลานาน พวกเขาจะสนใจคำสั่งของหลิวเทียนฉือได้อย่างไร?

“หลิวเทียนฉือ อย่าคิดว่าการที่เจ้ามาจากเมืองหลวงแล้วข้าจะกลัวเจ้านะ เจ้ามาขอความร่วมมือกับข้า แต่ข้าก็ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าจึงเริ่มคิดถึงท่านอาของข้า บอกข้ามาว่าเจ้าเอาท่านอาของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน?” ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานแดงก่ำ นางก้าวไปข้างหน้า แล้วก้มตัวลงคว้าคอเสื้อของหลิวเทียนฉือ

เมื่อเห็นท่าทางราวกับกำลังจะกินคนของกู้เสี่ยวหวาน เสี่ยวเถาก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

แต่ในฐานะคนรับใช้ของหลิวเทียนฉือ แม้ว่าชีวิตนางจะตกอยู่ในอันตราย นางก็ยังต้องปกป้องคุณหนูของตนเอง

นางยืนขึ้นและขวางกู้เสี่ยวหวานไว้ นางเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อในมือของกู้เสี่ยวหวาน และด่าอย่างกระวนกระวาย “กู้เสี่ยวหวาน ปล่อยคุณหนูของข้า ปล่อยเดี๋ยวนี้!”

กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ในอารมณ์โกรธในขณะนี้ ดังนั้นนางจึงไม่สนใจและโบกมือผลักเสี่ยวเถาไปด้านหน้า

โดยไม่มีเสี่ยวเถายืนขวางทาง กู้เสี่ยวหวานก็คว้าคอเสื้อของหลิวเทียนฉืออย่างแรงและถามอย่างดุร้ายว่า “หลิวเทียนฉือ ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ท่านอาของข้า เจ้าเอาท่านอาของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน!?”

เสี่ยวเถาต้องการไปช่วยหลิวเทียนฉือ แต่ป้าจางเห็นดังนั้นจึงตรึงนางไว้กับพื้นจนไม่สามารถขยับได้

เสี่ยวเถาเห็นว่านางถูกคนอื่นควบคุมไว้ และคุณหนูก็ถูกกู้เสี่ยวหวานรังแกอีกครั้ง นางจึงตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีคนจะถูกฆ่า!”

ท้องฟ้าเกือบจะมืดแล้ว หากแต่ในถนนยังมีผู้คนอยู่

ผู้คนที่นั่งรถม้ากลับมาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่นี่ด้วย จึงรีบมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผู้สูงศักดิ์จากเมืองหลวงของตระกูลเจียงถูกคว้าคอเสื้อและสาวใช้ของนางก็ถูกตรึงไว้ พวกเขาก็อ้าปากค้าง

คนเหล่านี้คือใครกัน ทำไมถึงกล้ารุกรานหลิวเทียนฉือเช่นนี้?

ถ้าเจียงอวิ้นหลิ่วรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจะไม่ถลกหนังคนเหล่านี้เลยหรือ?

ผู้คนที่อาศัยอยู่บนถนนสายนี้ล้วนมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและสูงส่ง

เมื่อเห็นหญิงสาวที่ดึงเสื้อผ้าของหลิวเทียนฉือและยังดูคุ้นเคย และเมื่อเข้าไปใกล้ ๆ จึงรู้ว่าเป็นกู้เสี่ยวหวาน คนทำบัญชีของร้านจิ่นฝู

ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมารวมกัน

ทุกคนเริ่มส่งเสียงทันทีและเถียงกับว่าใครจะเป็นคนไปช่วย

“แม่นางกู้ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ขอให้เจ้าปล่อยมือของเจ้าก่อน นางคือคุณหนูหลิวจากเมืองหลวง หากนายท่านเจียงรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะเป็นหายนะ” คำพูดแสดงเจตนาดี

ยังมีพวกที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ดูตื่นเต้นและกลัวว่าจะไม่เกิดเรื่องจึงส่งเสียงดังจากข้างหลังเพราะกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวาย

ฉินเย่จือเฝ้าดูอยู่เคียงข้างและไม่เคยห่างกู้เสี่ยวหวานไปแม้แต่ครึ่งก้าว เขามองหลิวเทียนฉืออย่างเย็นชาและกลอกตา แต่ยังคงเฉยเมย

กู้เสี่ยวหวานเหนื่อยแล้วจึงหยุด ในเวลานี้ หลิวเทียนฉือจึงหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งและเห็นฉินเย่จือยืนอยู่ด้านข้าง

ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันทีและน้ำตาไหลลงมาราวกับสร้อยลูกปัดที่ด้ายขาด

“พี่ใหญ่ฉิน พี่ใหญ่ฉินช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย”

น้ำเสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ราวกับกระแสน้ำอุ่นกระทบโสตประสาทโดยตรง

ท่าทางของดอกสาลี่ต้องหยาดฝนและใบหน้าที่แดงก่ำนั้น ทำให้ผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ ตกตะลึงในทันทีและมีความรู้สึกชาวาบตั้งแต่กระดูกก้นกบขึ้นมา ซึ่งกระทบสัมผัสที่หกของชายคนนั้นโดยตรง

หลิวเทียนฉือไม่ได้คาดหวังว่าเมื่อตัวเองพูดด้วยท่าทางน่ารักเช่นนี้น ฉินเย่จือจะไม่ขยับเลย

ราวกับฝ้ายที่โดนหินกระทบแล้วไม่เกิดปฏิกิริยาใด ๆ

ตรงกันข้าม มีชายวัยกลางคนมองนางด้วยสีหน้าลามก

หลิวเทียนฉือกลับมารู้สึกตัว หยุดร้องไห้และพูดอย่างจริงจังทันที “กู้เสี่ยวหวาน รีบปล่อยข้า!”

หลังจากพูดจบ นางก็กำลังจะไปจับมือกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานจะถูกนางคุกคามได้อย่างไร หลายปีมานี้ตัวเองได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากฉินเย่จือจะต้องไม่เปล่าประโยชน์

แม้ว่าการจัดการกับผู้ชายที่โตแล้วจะไม่เกิดผลเลยแม้แต่น้อย แต่การจัดการกับผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นนางก็เปลี่ยนเรื่องง่ายดาย

มือข้างหนึ่งของกู้เสี่ยวหวานปัดมือที่หลิวเทียนฉือกำลังจะคว้าตัวเอง และหักมือนั้นไปไขว้หลัง แต่มือขวาของนางยังคงจับคอเสื้อของหลิวเทียนฉืออยู่

และเอ่ยด้วยสีหน้ามาดร้าย “ท่านอาของข้าล่ะ พูดมา”

หลิวเทียนฉือเยาะเย้ย “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ท่านอาของเจ้าหายไป ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านอาของเจ้าหายไปไหน คงไม่ได้หนีไปกับใครบางคนหรอกหรือ?” ในช่วงครึ่งหลังของประโยค หลิวเทียนฉือกระซิบเบา ๆ ที่หูของกู้เสี่ยวหวาน

*[1] มีความกล้ามากกว่าปกติ