ตอนที่ 962 พยัคฆ์เสียน้ำตา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 962 พยัคฆ์เสียน้ำตา

เมื่อเฉิงหย่วนจื้อที่เมื่อครู่เพิ่งหัวเราะเยาะที่กู่เหวินชังร้องไห้มองเห็นไป๋ชิงเหยียนที่ผอมซูบลงกว่าเดิมเดินมาทางพวกเขา จมูกของเขาแสบร้อน เขากำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียนเสียงสะอื้นอย่างควบคุมไม่อยู่ “เสี่ยวไป๋ไซว่ แม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อแห่งกองทัพไป๋กลับมาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีราชาภิเษกที่เมืองหลวงตามคำสั่งแล้วขอรับ ข้าจะร่วมสานต่อปณิธานที่ยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษไป๋และกองทัพไป๋ไปพร้อมกับเสี่ยวไป๋ไซว่ จะทำสงครามเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง! หากไม่ตาย! ไม่มีวันถอดเกราะขอรับ!”

เฉิงหย่วนจื้ออดกลั้นอารมณ์พุ่งพล่านของตัวเองมาตลอดทาง บัดนี้เมื่อพบหน้าไป๋ชิงเหยียนจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียงแหบกร้าวของเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง ใบหน้าดำคล้าเกร็งแน่น น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ

คำกล่าวของเขาไม่เพียงทำให้ไป๋ชิงเหยียนขอบตาร้อนผ่าวเท่านั้น คนตระกูลไป๋และแม่ทัพกองทัพไป๋คนที่เหลือต่างตาแดงก่ำเช่นเดียวกัน

กองทัพไป๋ที่เหลือรอดทุกคนต่างเห็นประกาศของไป๋ชิงเหยียน ต่างรับรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนตามพวกเขากลับมาร่วมพิธีบรมราชภิเษกที่เมืองหลวง รู้ว่าหญิงสาวต้องการสานต่อปณิธานของบรรพบุรุษไป๋และกองทัพไป๋ร่วมกันกับพวกเขาทุกคน

เสิ่นคุนหยางกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา ดวงตาที่แดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เทียบกับคำว่าฝ่าบาทแล้ว กองทัพไป๋รู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนคือเสี่ยวไป๋ไซว่ของพวกเขา คือทายาทของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงและเจิ้นกั๋วกงไป๋ฉีซาน คือสัญลักษณ์ที่มั่นคงของกองทัพไป๋!

เสิ่นคุนหยางคล้อยตามอารมณ์ของเฉิงหย่วนจื้อ เขากำหมัดคารวะ “แม่ทัพของกองทัพไป๋ยินดีติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่ทำสงครามเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง! หากไม่ตาย! ไม่มีวันถอดเกราะขอรับ!”

กู่เหวินชังเกือบร้องไห้ออกมาอีกครั้งเพราะคำกล่าวของเฉิงหย่วนจื้อ เขา เว่ยจ้าวเหนียนและเสิ่นเหลียงอวี้คุกเข่าลงบนพื้นพลางกำหมัดคารวะ “ยินดีติดตามรับใช้เสี่ยวไป๋ไซว่ทำสงครามเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง! หากไม่ตาย! ไม่มีวันถอดเกราะขอรับ!”

ตอนที่ประกาศของไป๋ชิงเหยียนถูกส่งไปถึงหนานเจียง แม่ทัพเก่าแก่คนใดของตระกูลไป๋ได้ยินแล้วไม่ร้องไห้บ้าง

บรรดาทหารกองทัพไป๋ในค่ายทหารที่รอดชีวิตจากสงครามหนานเจียงในครานั้นต่างร้องไห้ราวกับคนอ่อนแอ

เพราะเสี่ยวไป๋ไซว่ของพวกเขายังจดจำพวกเขาทุกคนที่รอดชีวิตจากสงครามหนานเจียงได้ เสี่ยวไป๋ไซว่อยากให้พวกเขากลับไปร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีบรมราชาภิเษกในเมืองหลวง

บัดนี้เสี่ยวไป๋ไซว่แห่งกองทัพไป๋ของพวกเขายืนอยู่บนจุดสูงสุด กลายเป็นจักรพรรดินีของต้าโจว เสี่ยวไป๋ไซว่จะพาพวกเขาไปรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง สร้างใต้หล้าที่มีแต่สันติสุขขึ้นมา

การเสียชีวิตของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง เจิ้นกั๋วกงไป๋ฉีซานและแม่ทัพทุกคนของตระกูลไป๋ในสงครามหนานเจียงของรัชศกเซวียนเจียเปรียบเสมือนหมอกที่มืดหม่นที่ติดอยู่ในสมองและหัวใจของทุกคนในกองทัพไป๋ จนพวกเขาไม่อาจปล่อยวางได้

ทว่า คำกล่าวที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับกองทัพไป๋ทุกคนเปรียบเสมือนแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางความมืดมิดที่ค่อยๆ พังทลายความหม่นหมองในใจของพวกเขา ทำให้พวกเขาเห็นความหวังครั้งใหม่และมีเป้าหมายขึ้นอีกครั้ง

บัดนี้ความหวังและเป้าหมายของพวกเขายืนอยู่บนจุดที่สูงสุดและมีเกียรติมากที่สุดในต้าโจว

“ลุงเสิ่น ลุงกู่ แม่ทัพเว่ย แม่ทัพเฉิง แม่ทัพเสิ่นลุงขึ้นเถิด” ไป๋ชิงเหยียนประคองร่างแม่ทัพทุกคนให้ลุกขึ้น “ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเมื่อย่างเข้าฤดูฝนลุงกู่จะปวดขามาก เมื่อทานยาของท่านหมอหงไปแล้วท่านดีขึ้นบ้างหรือไม่ บาดแผลของลุงเสิ่น แม่ทัพเว่ย แม่ทัพเฉิงและแม่ทัพเสิ่นหายดีแล้วหรือไม่”

เฉิงหย่วนจื้อใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง จากนั้นทุบไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างแรง “เสี่ยวไป๋ไซว่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าหายดีแล้ว ตอนนี้แข็งแรงมากขอรับ!”

“หายดีแล้วขอรับ หายดีกันทุกคนแล้วขอรับ…” เสิ่นคุนหยางพยักหน้ายิ้มๆ ตอนทำพิธีราชาภิเษกเสิ่นคุนหยางไม่มีเวลาสนทนากับไป๋ชิงเหยียนเป็นการส่วนตัว บัดนี้จึงอดเป็นห่วงร่างกายของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ “ตอนอยู่ที่หนานเจียงข้าได้ยินข่าวว่าเสี่ยวไป๋ไซว่รับธนูแทนอดีตรัชทายาทจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พวกข้าเป็นกังวลมากขอรับ”

“นั่นนะสิ! เสี่ยวไป๋ไซว่หายดีแล้วหรือไม่ขอรับ” กู่เหวินชังมองสำรวจไป๋ชิงเหยียน “เหตุใดจึงผอมกว่าตอนเจอกันครั้งที่แล้วอีก ยังไม่หายดีหรือขอรับ”

“ข้าหายดีแล้ว ลุงกู่ไม่ต้องเป็นห่วง” รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนอ่อนโยนมากกว่าเดิม

เว่ยจ้าวเหนียนเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงอวิ๋นที่นั่งอยู่บนรถเข็น เมื่อไม่เห็นไป๋ชิงฉีจึงเอ่ยถามขึ้น “ได้ยินว่าคุณชายสามกลับมาแล้วเช่นกัน เหตุใดจึงไม่เห็นคุณชายสามขอรับ”

“อาฉีมีเรื่องด่วนต้องทำจึงไปจากเมืองหลวงแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเสิ่นเหลียงอวี้ที่ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ จากนั้นมองไปทางเสิ่นคุนหยาง กู่เหวินชัง เว่ยเจ้าเหนียนและเฉิงหย่วนจื้อ จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ข้าให้คนเตรียมสุราต้อนรับพวกท่านที่ศาลาแม่ทัพแล้ว พวกเราไปสนทนากันต่อที่นั่นเถิด”

ทุกคนต่างพยักหน้า จากนั้นเดินตามไป๋ชิงเหยียนไปยังศาลาแม่ทัพ

เมื่อกู่เหวินชังเห็นเฉิงหย่วนจื้อกำลังเช็ดน้ำตาของตัวเองจึงอดแขวะกลับไม่ได้ “บนหน้าของเจ้ามีสิ่งใดติดอยู่กัน! ชายอกสามศอกแท้ๆ เหตุใดจึงร้องไห้เช่นนี้!”

“เหล่าเฉิงไม่ได้ร้องไห้ นี่เรียกว่าพยัคฆ์เสียน้ำตาต่างหาก!” เสิ่นคุนหยางกล่าวหยอก

เฉิงหย่วนจื้อ “…”

เมื่อมีเสียงหัวเราะของบุรุษทั้งหลาย บันไดหยกที่เดิมทีควรน่าเกรงขามและทรงพลังจึงดูอบอุ่นขึ้นท่ามกลางความมืดของท้องฟ้า

ไป๋ชิงเจวี๋ยนั่งมองแม่ทัพของกองทัพไป๋คุยเล่นสนุกกันอยู่บนรถเข็น เขากำเสื้อของตัวเองแน่น จู่ๆ ก็นึกถึงภาพที่ตนเองและบรรดาพี่น้องนั่งคุยเล่นสนุกกับญาติผู้ใหญ่ในตระกูลไป๋กลางค่ายที่พักในสนามรบขึ้นมา

อาจเป็นเพราะญาติผู้ใหญ่ของตระกูลไป๋เสียชีวิตลงหมดแล้ว เมื่อไป๋ชิงเจวี๋ยเห็นแม่ทัพอาวุโสอย่างเสิ่นคุนหยาง กู่เหวินชังและเว่ยจ้าวเหนียนที่มักยืนอยู่เคียงข้างญาติผู้ใหญ่ของเขาในสนามรบและแม่ทัพกองทัพไป๋ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับบิดาของเขา เขาจึงเห็นคนเหล่านี้เป็นดังญาติผู้ใหญ่ของตัวเองจริงๆ

เมื่อบรรดาพวกของเสิ่นคุนหยางมองเห็นไป๋ชิงอวิ๋น ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ทว่า พวกเขาไม่ได้กล่าวถ้อยคำอ่อนโยนแบบที่พวกเขากล่าวกับบรรดาคุณหนูตระกูลไป๋กับไป๋ชิงอวิ๋น พวกเขากล่าวกับไป๋ชิงอวิ๋นเพียงว่าวันหน้าคงมีโอกาสได้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีก! ค่ายโหยวหลงไม่อาจขาดไป๋ชิงเจวี๋ยและไป๋ชิงอวิ๋นไปได้…

ไป๋ชิงอวิ๋นพยักหน้าอย่างตื้นตัน

ทุกคนเดินไปถึงศาลาแม่ทัพได้ไม่นาน เสิ่นชิงจู๋และเซียวรั่วเจียงก็ตามมาถึง

เสิ่นชิงจู๋ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน คุณหนูตระกูลไป๋คนอื่นๆ และไปชิงเจวี๋ย จากนั้นหันไปทำความเคารพเสิ่นคุนหยางอย่างนอบน้อม “ท่านพ่อบุญธรรม!”

เสิ่นคุนหยางพยักหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “รีบนั่งลงเถิด พวกเราพ่อลูกไม่จำเป็นต้องมีพิธีมากนัก”

เสิ่นชิงจู๋และเซียวรั่วเจียงทำความเคารพแม่ทัพทุกคนของตระกูลไป๋ จากนั้นจึงนั่งลง

ไป๋ชิงเหยียนสอบถามแม่ทัพทุกคนถึงการฝึกซ้อมทหารที่หนานเจียง จากนั้นจึงให้ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อทำความเคารพแม่ทำทุกคนอย่างเป็นทางการ

เสิ่นคุนหยางรีบลุกขึ้นโบกมือ “ไม่ต้องขอรับ ไม่ต้องขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะกลมยิ้มออกมาน้อยๆ จากนั้นสื่อให้เสิ่นคุนหยางนั่งลง “พวกท่านสมควรได้รับการคารวะนี้เจ้าค่ะ! ตอนที่ท่านปู่ ท่านพ่อและบรรดาท่านอายังมีชีวิตอยู่ เมื่อพวกเราทุกคนเข้าไปฝึกฝนในค่ายทหาร พวกเราล้วนต้องทำความเคารพแม่ทัพทุกท่าน สำหรับพวกเราทุกคนแล้วพวกท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสกว่า พวกท่านยังเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของพวกเราทุกคนด้วยเจ้าค่ะ! เสี่ยวอู่ เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชีทำความเคารพแม่ทัพทุกท่าน!”

ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อทำความเคารพแม่ทัพทุกคนของตระกูลไป๋อย่างนอบน้อม

บรรดาแม่ทัพต่างลุกขึ้นยืนทำความเคารพกลับ

เว่ยเจ้าเหนียนเป็นคนที่มีไหวพริบดีที่สุดในบรรดาแม่ทัพทั้งหมด ขณะที่แม่ทัพคนอื่นๆ ยังไม่ได้สติ เขากลับเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาทันที