ตอนที่ 963 ยกทัพบุกไปถึงที่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 963 ยกทัพบุกไปถึงที่

เว่ยจ้าวเหนียนหันไปมองทางไป๋ชิงเหยียน จากนั้นถามเข้าประเด็นอย่างไม่คิดอ้อมค้อม “เสี่ยวไป๋ไซว่ต้องการให้คุณหนูห้า คุณหนูหกและคุณหนูเจ็ดเข้าร่วมกองทัพไป๋หรือขอรับ”

ทายาทตระกูลไป๋ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีที่อายุครบสิบปีล้วนต้องเข้าร่วมการฝึกฝนในค่ายทหารของกองทัพไป๋ ทว่า เมื่อตระกูลไป๋เผชิญปัญหาใหญ่ เรื่องนี้จึงพลอยยุติลงตามไปด้วย

บัดนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น ไป๋ชิงเหยียนจึงอยากให้กฎนี้ดำเนินต่อไป

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เสี่ยวอู่มีนิสัยคล้ายกับเสี่ยวซื่อมากที่สุด ดังนั้นข้าจึงอยากให้เสี่ยวอู่ไปอยู่ค่ายของลุงเสิ่น ลุงเสิ่นได้โปรดช่วยข้าอบรมสั่งสอนนางด้วย มีท่านคอยดูแลข้าจะวางใจมาก”

เสิ่นคุนหยางมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างอึ้งๆ ไม่นานจึงได้สติ จากนั้นรีบพยักหน้ารัว “เสี่ยวไป๋ไซว่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ!”

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนถูกไป๋ฉีซานส่งไปอยู่กับเสิ่นคุนหยาง ไป๋ฉีซานก็กล่าวเช่นนี้กับเสิ่นคุนหยางเช่นเดียวกัน เขาบอกให้เสิ่นคุนหยางช่วยอบรมไป๋ชิงเหยียน บอกว่ามีเสิ่นคุนหยางคอยดูแลไป๋ชิงเหยียน เขาจะวางใจมาก

เสิ่นคุนหยางนั่งตาแดงก่ำมองดูไป๋ชิงเหยียนส่งไป๋จิ่นหวาไปอยู่ในสังกัดของกู่เหวินชัง จากนั้นยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย

รองแม่ทัพไป๋ฉีซานคงนอนตายตาหลับแล้ว บัดนี้เสี่ยวไป๋ไซว่ที่รองแม่ทัพไป๋ฉีซานเคยเป็นกังวลมากที่สุดเติบโตขึ้นมาในแบบที่รองแม่ทัพไป๋ฉีซานอยากให้เป็นแล้ว

“ส่วนเสี่ยวชี ข้าอยากให้เสี่ยวชีไปอยู่ในการดูแลของแม่ทัพเว่ย” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเว่ยจ้าวเหนียน “แม้เสี่ยวชีจะอายุยังน้อย ทว่า นางมีไหวพริบดีที่สุดในบรรดาพี่น้อง ท่านอาสี่เคยชมว่าแม่ทัพเว่ยคือแม่ทัพที่วางแผนเก่งที่สุดในสังกัดของท่านอาสี่ ท่านอาสี่ให้ความสำคัญกับท่านมาก ดังนั้นข้าจึงอยากฝากเสี่ยวชีไว้กับแม่ทัพเว่ย หวังว่าแม่ทัพเว่ยจะช่วยสั่งสอนนางให้ดี!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างชัดเจนว่าไป๋จิ่นเซ่อไม่ถนัดการทำสงครามดุดันเหมือนเฉิงหย่วนจื้อและเสิ่นคุนหยาง ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงอยากให้ไป๋จิ่นเซ่อเรียนการวางแผนกลยุทธ์ในสงคราม เรียนรู้การเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจในการวางแผนการรบจากเว่ยจ้าวเหนียน

เว่ยจ้าวเหนียนมองไปทางไป๋จิ่นเซ่อที่อายุยังน้อยแวบหนึ่ง ไป๋จิ่นเซ่อลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับเว่ยจ้าวเหนียน “แม่ทัพเว่ยได้โปรดสั่งสอนข้าด้วยเจ้าค่ะ”

เว่ยจ้าวเหนียนรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพกลับ จากนั้นหันไปโค้งคำนับไป๋ชิงเหยียน “เสี่ยวไป๋ไซว่เชื่อใจข้า เว่ยจ้าวเหนียนจะสั่งสอนและคุ้มครองคุณหนูเจ็ดด้วยชีวิตขอรับ!”

เมื่อจัดการเรื่องของน้องสาวทั้งสามเสร็จสิ้น ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวต่อ “รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหกอวิ๋นพั่วสิงถูกกองทัพไป๋ล้อมจับ ศัตรูอยู่ใกล้เพียงเอื้อม ทว่า ข้าจำต้องปล่อยเขาไปก่อนเพื่อตระกูลไป๋ ตอนนั้นข้าให้เวลาตัวเองและอวิ๋นพั่วสิงสามปี ข้าให้สัญญากับพี่น้องและทหารในกองทัพไป๋ว่าจะพาพวกเขาไปแก้แค้นให้คนตระกูลไป๋และสหายกองทัพไป๋ อีกไม่กี่เดือนก็จะครบกำหนดสามปีแล้ว…”

บรรดาเสิ่นคุนหยางขยับร่างกายนั่งหลังตรงทันที

ลมพัดเข้ามาในศาลาแม่ทัพจนผ้าม่านผืนบางกันแมลงของศาลาแม่ทัพสะบัดพลิ้วเล็กน้อย เสียงแมลงเงียบลงราวกับรอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ

“เมื่อถึงเวลานั้น หากอวิ๋นพั่วสิงไม่มาหาเรา แม่ทัพทุกคนได้โปรดยกทัพตามไป๋ชิงเหยียนบุกไปหาเขาถึงที่!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงหนักแน่นจนทุกคนสัมผัสได้ว่าหญิงสาวต้องการแก้แค้นจริงๆ “แก้แค้นให้กองทัพไป๋ด้วย!”

เว่ยจ้าวเหนียนรู้ดีว่าไม่ว่าครั้งนี้ซีเหลียงจะเสนอข้อเสนอใดมา ไป๋ชิงเหยียนไม่มีทางยอมทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับซีเหลียงแน่นอน

เขากำหมัดแน่น หากเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมไป๋ชิงเหยียนควรทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับซีเหลียง ปล่อยให้ต้าเยี่ยนและหรงตี๋ไปต่อสู้กับซีเหลียงเอง!

ทว่า ในฐานะกองทัพไป๋ ไป๋ชิงเหยียนเคยให้สัญญากับพวกเขาไว้ว่าจะพาพวกเขาไปแก้แค้นหลังจากครบเวลาสามปี หากไป๋ชิงเหยียนผิดสัญญากับพวกเขาเพราะผลประโยชน์ของแคว้น พวกเขาสามารถเข้าใจได้ ทว่า คงผิดหวังมาก…

“ยังเหลือเวลาอีกสักพัก ก่อนที่ต้าโจวจะยกทัพบุกไปยังซีเหลียง พวกเราจะปล่อยให้ต้าเยี่ยนอยู่อย่างสบายไม่ได้…” เว่ยจ้าวเหนียนกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ทุกคนของแคว้นต้าเยี่ยนตั้งแต่จักรพรรดิจนไปถึงชาวบ้านธรรมดาในแคว้นล้วนเป็นคนเข้มแข็ง หากปล่อยให้ต้าเยี่ยนพักฟื้นอย่างสบายขณะที่ต้าโจวทำสงครามกับซีเหลียง พวกเขาอาจฉวยโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในตอนสุดท้ายได้”

“ต้าเยี่ยนทำสัญญากับหรงตี๋ว่าพวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหากหรงตี๋ทำสงครามกับซีเหลียงในช่วงสามปีนี้” ไป๋ชิงเหยียนลูบนิ้วไปที่ขอบโต๊ะเบาๆ “แม้ตอนนี้ต้าเยี่ยนจะเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งเหมือนกัน ทว่า พวกเขายังสู้ต้าโจวของเราไม่ได้ พวกเขาคงไม่กล้าบุ่มบ่ามเปิดศึกในตอนนี้! ดังนั้นหากต้าโจวทำสงครามกับซีเหลียง สิ่งแรกที่ต้าเยี่ยนจะทำคือการโจมตีหรงตี๋”

“หากต้าโจวและหรงตี๋บุกโจมตีซีเหลียงพร้อมกัน ต้าเยี่ยนจะยกทัพอ้อมไปโจมตีทางด้านเหนือจนถึงเมืองหลวงของหรงตี๋ เช่นนี้หรงตี๋ต้องถอยทัพกลับไปแคว้นของตัวเองแน่นอน ตอนนั้นกองทัพของต้าโจวอยู่ที่ซีเหลียงแล้ว ต่อให้สามารถแบ่งกองกำลังไปช่วยหรงตี๋ได้ ทว่า ต้าเยี่ยนอยู่ติดกับทางตะวันตกของต้าโจว พวกเขาต้องยกทัพบุกมาแน่นอน…” ไป๋ชิงเหยียนจินตนาการภาพความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน “ทั้งสี่แคว้นต้องเกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้นอย่างแน่นอน”

เฉิงหย่วนจื้อขบกรามแน่น เขาอยากติดตามเสี่ยวไป๋ไซว่บุกไปทำลายซีเหลียงจริงๆ ทว่า หากต้าเยี่ยนถือโอกาสนี้ก่อความวุ่นวายขึ้นมา พวกเขาคงไม่อาจป้องกันได้ทั้งหมด…

เฉิงหย่วนจื้อนึกถึงแม่ทัพดุดันที่ขึ้นชื่อของต้าเยี่ยนอย่างเซี่ยสวินและองค์ชายรองมู่หรงผิงขึ้นมา

“หากเสี่ยวไป๋ไซว่เป็นห่วงเมืองทางตะวันตกของต้าโจว เฉิงหย่วนจื้อยินดีนำทัพไปคุ้มกันดินแดนทางตะวันตกให้เองขอรับ ต่อให้ตายข้าก็ไม่มีวันปล่อยให้กองทัพต้าเยี่ยนรุกล้ำเข้ามาในเขตของต้าโจวแน่นอนขอรับ! อยากบุกไปหรงตี๋ พวกเขาต้องข้ามศพเฉิงหย่วนจื้อไปก่อนขอรับ!” เฉิงหย่วนจื้อลุกขึ้นยืน จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเพื่อรอคำสั่ง

การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งต้องการคนบุกอยู่ด้านหน้าสุดเพื่อทำสงคราม ขณะเดียวกันก็ต้องการคนคอยคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังด้วย ในเมื่อเสี่ยวไป๋ไซว่จะพาพวกเขาไปรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เช่นนั้นก็ห้ามมีสิ่งใดผิดพลาดเด็ดขาด

ศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ด้านข้าง เฉิงหย่วนจื้อยินดีเป็นคนที่คุ้มกันอยู่ทางด้านหลัง เป็นคนที่คอยขจัดความกังวลให้เสี่ยวไป๋ไซว่และกองทัพไป๋

“ข้าจะไปคุ้มกันชายแดนที่ติดกับต้าเยี่ยนเอง!” เว่ยจ้าวเหนียนคลายมือที่กำแน่นออก จากนั้นกล่าวออกมาอย่างตัดสินใจได้ “แม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อคือแม่ทัพที่ดุดันของกองทัพไป๋ ชื่อเสียงของเจ้าจะทำให้ทหารซีเหลียงหวั่นวิตก ส่วนข้าเหมาะสมที่จะรั้งต้าเยี่ยนไว้มากกว่าเจ้า”

เว่ยจ้าวเหนียนไม่ได้กล่าวออกไปว่าการรั้งต้าเยี่ยนต้องใช้สมอง แม้เฉิงหย่วนจื้อจะฉลาดในการทำสงคราม ทว่า เขาเป็นคนหยาบ บางทีอาจขาดความรอบคอบไปบ้าง

“ข้าจะไปเอง…”

จู่ๆ ไป๋ชิงอวิ๋นที่นั่งอยู่บนรถเข็นนิ่งๆ ก็กล่าวขึ้น

ไป๋ชิงอวิ๋นหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “หากพี่หญิงใหญ่ไว้ใจข้า ข้าจะปกป้องชายแดนที่ติดกับต้าเยี่ยนเองขอรับ ข้าจะไม่ปล่อยให้ต้าเยี่ยนรุกล้ำเข้ามาในต้าโจวแม้แต่ก้าวเดียวขอรับ!”

หลายปีมานี้ตอนที่ไป๋ชิงอวิ๋นอยู่ที่สำนักซื่อไห่บนภูเขาหลัวพาน ชายหนุ่มไม่เคยหยุดฝึกฝนตัวเองเลยสักวัน เซียวรั่วไห่และเซียวรั่วเจียงรู้เรื่องนี้ดีกว่าผู้ใดทั้งหมด

ไป๋ชิงอวิ๋นฝึกฝนอย่างอื่นทดแทนขาทั้งสองข้าที่พิการของตัวเองแทบทั้งวันทั้งคืน

สำนักซื่อไห่บนภูเขาหลัวพานมีมานานหลายร้อยปี การมีอยู่ของสำนักซื่อไห่เปรียบเสมือนหุบเขาแห่งวิญญาณที่เป็นเพียงตำนานสำหรับคนธรรมดา ผู้คนมากมายออกตามหาสำนักซื่อไห่บนภูเขาหลัวพาน ทว่า แทบไม่เคยมีผู้ใดพบที่อยู่ของมันจริงๆ

ทุกคนกล่าวกันว่าสำนักซื่อไห่บนภูเขาหลัวพานคือสำนักของเทพเซียน ลูกศิษย์ของสำนักซื่อไห่ล้วนเป็นยอดบัณฑิตและนักรบ อีกทั้งได้ร่ำเรียนวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย[1]

[1] ฉีเหมินตุ้นเจี่ย คือหนึ่งในสุดยอดวิชาลึกลับของจีนโบราณ ประกอบด้วยสองส่วน ฉีเหมิน เป็นส่วนหยางของวิชา เอาไว้กระทำการต่างๆ หรือ กิจกรรมที่เป็นกายภาพ เช่น การรบ, การต่อรอง, การโฆษณา ตุ้นเจี่ย เป็นส่วนหยินของวิชา เอาไว้ป้องกัน หลบหนี หรือ กิจกรรมที่เป็นจิตภาพ เช่น การใช้วิชาฉีเหมิน ในส่วนของเต๋า, ฉีเหมินเวทมนต์

————————————-