ภาค-6-จบบริบูรณ์ ตอนที่ 34 ค่ำคืนแห่งหิมะบนเรือโหลวฉวน (1)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

ความจริงแล้วลู่ช่านลอบฝึกยอดทหารม้าในสู่จง เก็บเป็นความลับมิให้ผู้ใดล่วงรู้ ชุยเจวี๋ยกับต่งซานแห่งกองทัพต้ายงร่วมมือกันโจมตีโซ่วชุน สือกวนยืนหยัดตั้งรับมิถอย ลู่ช่านออกคำสั่งลับให้ยอดทหารม้าซุ่มซ่อนเคลื่อนทัพสู่ไหวซี

วันที่ยี่สิบเอ็ด กองทัพต้ายงโหมบุกโจมตีจนอ่อนล้า ถึงยามอู่ กองทหารม้าชั้นยอดของหนานฉู่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ทลายกองทัพต้ายงใต้กำแพงเมือง กองทัพต้ายงใช้กองทัพของต่งซานสกัดท้าย กองทัพของชุยเจวี๋ยฝ่าวงล้อมหนีไป ทว่าก็ยังสูญเสียกำลังพลสี่ห้าส่วนจากสิบส่วน

ต่งซาน คนหล่งซีเมืองเทียนสุ่ย กำพร้าบิดามารดาแต่ยังเล็ก ใจกล้าชอบต่อยตี ญาติทั้งหลายชิงชังเขา ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมกองทหาร เริ่มแรกเป็นแม่ทัพในสังกัดของฉีอ๋อง รัชศกหลงเซิ่งปีที่ห้า ย้ายไปรับตำแหน่งที่สวีโจว เป็นแม่ทัพใต้บัญชาของเผยอวิ๋นผู้บัญชาการทหารไหวหนาน รัชศกหลงเซิ่งปีที่เจ็ด รับคำสั่งบุกไหวซี ยึดเมืองจงหลี บุกตีโซ่วชุน พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่โซ่วชุน คนแซ่ต่งอาสาสกัดศัตรูท้ายขบวน จึงถูกกองทัพหนานฉู่โอบล้อม ยามนั้นกองทัพหนานฉู่เกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนน เขากลับใช้วาจายั่วยุอีกฝ่าย ให้ลู่อวิ๋นกับสืออวี้จิ่นออกมาสู้ตายกับเขา ลู่อวิ๋นกับสืออวี้จิ่นสังหารต่งซาน กองทัพต้ายงจึงยอมจำนน

…ประชุมพงศาวดาร บันทึกต้ายงเล่มที่สาม

ค่ำคืนเดือนสิบเอ็ด วันที่ยี่สิบเอ็ด ณ ท่าเรือกวาโจว เมืองจิงโข่ว หมอกหนาปกคลุมแม่น้ำ ลู่ช่านยืนอยู่บนเรือโหลวฉวน ทอดสายตามองน้ำไหลเชี่ยวในแม่น้ำ หลังร่างของเขาคือกองเรือของค่ายใหญ่จิ่วเจียงที่เตรียมตัวพรักพร้อม หมายจะฉวยโอกาสนี้ข้ามแม่น้ำลอบจู่โจม ระหว่างยี่สิบกว่าวันที่ประจันหน้าคุมเชิงกับกองทัพต้ายง แม้สีหน้าลู่ช่านจะสงบนิ่ง แต่ในใจวิตกกังวล

เขามิได้กังวลเรื่องเผยอวิ๋นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แม้กองทัพต้ายงที่อยู่อีกฟากฝั่งน้ำจะมีไพร่พลมากมายเกือบแสนนาย แต่กองเรือของพวกเขามีกำลังพลเพียงสองหมื่นกว่าคนกับเรือมิถึงพันลำ กำลังทหารเช่นนี้อยากข้ามแม่น้ำมาบุกยึดจิงโข่วย่อมเป็นไปมิได้ แน่นอนว่าหากฝั่งลู่ช่านต้องการยึดหยางโจวคืนมา อาศัยกองเรือห้าหมื่นก็ยากจะทำสำเร็จเช่นกัน ที่ท่าเรือกวาโจวแห่งนี้ ทั้งสองกองทัพล้วนไม่มีฝั่งใดมีโอกาสชนะเด็ดขาดแน่นอน นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลายวันนี้ทั้งสองกองทัพมิออกมาท้าสู้

เพียงแต่ว่าเผยอวิ๋นย่อมรออย่างสบายใจได้ แต่ตนเองยังต้องเป็นห่วงศึกอีกหลายที่ ไหวซีจะคว้าชัยชนะได้ตามแผนการที่ตนวางไว้หรือไม่ เซียงฝานจะมั่นคงดั่งเขาไท่ซานหรือไม่ ด่านจยาเหมิงจะปลอดภัยไร้อันตรายหรือไม่ ในหมู่ศึกสงครามเหล่านี้ ศึกที่สำคัญที่สุดก็คือศึกที่ไหวซี หากไหวซีพ่าย นับจากนี้ไหวหนานก็จะมิใช่ของหนานฉู่อีกต่อไป กองทัพต้ายงจะตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างเซียงฝานกับเจียงหลิงได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเป็นเช่นนี้ จิงเซียงก็จะโดดเดี่ยว อีกทั้งกองทัพต้ายงยังล่องน้ำลงมาตามฉางเจียงยกพลประชิดเมืองติดแม่น้ำได้อีก สิ้นฉางเจียง ย่อมมิมีสิ่งใดชะลอการบุกได้อีก ถึงเวลานั้นต่อให้ซุนวูกลับมาเกิดใหม่อีกหนก็มิอาจกอบกู้สถานการณ์ได้แล้ว

หลังจากทราบทิศทางเคลื่อนไหวและกำลังพลที่ถูกวางตัวให้บุกทิศทางต่างๆ ของกองทัพต้ายง ลู่ช่านก็มองออกว่ากองทัพต้ายงทราบความสำคัญของไหวซีเป็นอย่างดี สู่จงกับเซียงหยางล้วนใช้ยอดแม่ทัพเป็นผู้บุกจู่โจม นี่ก็ทำเพื่อถ่วงเวลาทั้งสองที่นี้ มิให้พวกเขาแบ่งกำลังพลออกมา สถานที่สองแห่งนี้ล้วนป้องกันง่ายบุกตียาก อีกทั้งแม่ทัพฝั่งหนานฉู่ที่รับผิดชอบป้องกันเมืองก็ฝีมือมิธรรมดา หากต้ายงตั้งใจบุกยึดที่ใดที่หนึ่งจริง อย่างน้อยก็ต้องเพิ่มกำลังพลขึ้นอีกหนึ่งเท่าจึงจะทำได้

ไหวตงมีสภาพเละเทะอยู่ตั้งแต่แรก เผยอวิ๋นจึงบุกเดี่ยวเข้ามาได้ เดิมทีกองทัพต้ายงใช้สถานที่นี้เป็นฐานบุกทะลวงได้ แต่จักรพรรดิต้ายงคงมองออกว่าไหวตงมีสายน้ำแตกสาขาเป็นตาข่าย เป็นประโยชน์ต่อการบุกโจมตีและป้องกันของกองทัพหนานฉู่มากกว่า ดังนั้นแม้เผยอวิ๋นจะบุกยึดไหวตงมาได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมิบุ่มบ่ามบุกต่อ ถึงขั้นที่เจตนาจะล่อตนเข้ามาอยู่ในบึงโคลนแห่งการแย่งชิงไหวตงด้วย

ดังนั้นสำหรับกองทัพต้ายง เป้าหมายที่แท้จริงยังเป็นไหวซี แม้กองทัพต้ายงจะชูธงลั่นกลองศึกเสียยิ่งใหญ่ ใช้ทัพใหญ่บุกโจมตีสามทางปิดบังเป้ามายที่แท้จริงของกองทัพ แต่เขาก็ทราบว่าจุดที่ปลายศาสตราวุธชี้ไปย่อมเป็นโซ่วชุนเท่านั้น

ทว่าแม้ลู่ช่านจะมองจุดนี้ออกแต่ก็ทำสิ่งใดมิได้ หากอวี๋เหมี่ยน หรงเยวียนหย่อนยานแม้เพียงน้อย ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ากองทัพต้ายงจะฉวยโอกาสยกพลใหญ่บุกโจมตี ส่วนจิงโข่วหากมิป้องกันเอาไว้ เผยอวิ๋นก็คงข้ามแม่น้ำมายึดเจี้ยนเย่เป็นแน่ วันใดพลเดินเท้ากับทหารม้าหนึ่งแสนนายของต้ายงข้ามแม่น้ำมา หากหวังพึ่งแต่กำลังของกองทหารราชองครักษ์เจี้ยนเย่ น่ากลัวว่าเหตุการณ์ในอดีตคงเกิดซ้ำอีกหน

ดังนั้นแม้ลู่ช่านจะเก่งกาจเท่าใดก็ทำได้เพียงมองกองทัพต้ายงยึดไหวซี หากกองทัพต้ายงส่งยอดแม่ทัพกับไพร่พลจำนวนมากบุกไหวซี เช่นนั้นลู่ช่านก็มิอาจทำสิ่งใดได้แล้ว แต่ความดูแคลนศัตรูที่มีอยู่เต็มเปี่ยมของของราชสำนักต้ายงทำให้หลี่จื้อมิส่งยอดแม่ทัพมาคุมกองทัพฝั่งไหวซี เพียงส่งกำลังพลจากกองทัพของจ่างซุนจี้กับเผยอวิ๋นมาร่วมมือกันบุกตีโซ่วชุนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ลู่ช่านจึงมีโอกาสพลิกแพ้เป็นชนะ

เพื่อคว้าชัยชนะที่ไหวซี กล่าวได้ว่าลู่ช่านทุ่มเทความคิดและกำลังทั้งหมดที่มี สือกวนแม่ทัพใหญ่แห่งไหวซี แม้มิใช่ผู้มีความสามารถล้ำเลิศประการใดแต่ก็สุขุมหนักแน่น เชื่อถือได้ เพื่อล่อหลอกกองทัพต้ายง มิให้กองทัพต้ายงส่งยอดแม่ทัพผู้แบกรับการใหญ่ได้มาบุกตีไหวซี ลู่ช่านจงใจ ‘ละเลย’ สถานการณ์ศึกของโซ่วชุน มิเคยส่งกองหนุนไปช่วยเหลือไหวซี หลังจากนั้นเขายังมิหวงแหนชีวิตของบุตรชายสุดที่รัก ให้ลู่อวิ๋นไปช่วยเหลือสือกวนที่โซ่วชุน

เรื่องนี้ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง หากมีอะไรผิดพลาดไปสักเล็กน้อย ต่อให้ไหวซีชนะ ชีวิตของลู่อวิ๋นก็อาจต้องทิ้งไว้ที่โซ่วชุนก็เป็นได้ ทว่าหากมิทำเช่นนี้ย่อมมิมีทางรักษาขวัญกำลังใจของทหารและประชาชนโซ่วชุนให้มั่นคงและมิอาจถ่วงรั้งกองทัพต้ายงจนถึงจุดที่เหน็ดเหนื่อยสิ้นเรี่ยวแรง ยิ่งมิอาจอาศัยกองทหารม้าชั้นยอดเก้าพันนายทลายกองทัพต้ายง อย่างสุดท้ายลู่ช่านเคลื่อนกำลังพลค่ายเฟยฉีที่ซุกซ่อนมาตลอด

หนานฉู่มิค่อยให้ความสำคัญกับทหารม้า นี่เป็นเพราะข้อจำกัดในด้านภูมิประเทศ แล้วก็เป็นเพราะตั้งแต่หนานฉู่ก่อตั้งแคว้นมา พวกเขาขาดความมั่นใจที่จะบุกขึ้นเหนือ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมายามรบกับต้ายงหนานฉู่จึงตกเป็นรอง ต้องก้มหัวเป็นประเทศราช สถานการณ์นี้เริ่มเปลี่ยนไปสมัยเต๋อชินอ๋องจ้าวเจวี๋ยเป็นผู้นำกองทัพ จ้าวเจวี๋ยเจ็บปวดใจกับสถานการณ์ตกเป็นรองของกองทหารหนานฉู่ยิ่งนัก ด้วยแรงสนับสนุนของเขา ในที่สุดหนานฉู่ก็มีกองทหารม้าในครอบครองของตนเอง

อาศัยกองทหารม้ามิถึงสองหมื่นคน จ้าวเจวี๋ยขัดขวางกองทัพอาชาเหล็กที่บุกลงใต้เอาไว้ได้ ทั้งยังกรีฑาทัพบุกตีสู่จง เมื่อครั้งฉีอ๋องหลี่เสี่ยนบุกเซียงหยางสองหน เขาล้วนอาศัยทหารม้ากองนี้โจมตีประสานกับกองทหารรักษาเมืองในนครจึงคว้าชัยชนะในตอนสุดท้ายมาได้ ทว่าหลังจากสิ้นเต๋อชินอ๋อง เจ้าแผ่นดินกับขุนนางหนานฉู่ผู้ถูกทำให้เสียขวัญรู้สึกอัปยศอย่างยิ่ง มิเพียงมิย้ำเตือนตนเองถึงความอัปยศที่ได้รับแล้วแสวงหาหนทางชำระแค้น ตรงกันข้ามกลับปล่อยให้ขั้วอำนาจสายประนีประนอมชูคอขึ้นมา

ยามนั้นผู้ที่รับช่วงควบคุมกองทัพต่อจากเต๋อชินอ๋องก็คือเจิ้นหย่วนกงลู่ซิ่น เขาเป็นทหารเรือแต่กำเนิดจึงมิเห็นความสำคัญของทหารม้ามากมายนัก ดังนั้นทหารม้ากองนี้จึงมิเพียงมิขยายใหญ่ขึ้น แต่กลับค่อยๆ ถูกทำให้อ่อนแอลง หากมิใช่ว่ากำลังพลเก่าของเต๋อชินอ๋องพยายามต่อสู้ดิ้นรน คงยากจะรักษากองทหารม้าเซียงหยางเอาไว้

หลังจากลู่ช่านรับช่วงต่อตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ เขาก็ตัดสินใจส่งเสริมกองทหารม้าใหม่อีกหน แต่มีพวกซั่งเหวยจวินคอยขัดขวาง กองทหารม้าเจียงเซี่ยเพิ่งจะมีกำลังพลเพียงสามพันคนก็มิได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักต่อแล้ว ถึงขนาดที่ถูกราชสำนักเล่นงาน ตำหนิว่าลู่ช่านสิ้นเปลืองเบี้ยหวัดทหาร คิดก่อตั้งทหารม้าอันไร้ประโยชน์และสิ้นเปลือง ถึงขั้นมีคนตำหนิว่าลู่ช่านอาศัยการฝึกฝนกองทัพใหม่เจตนาสร้างกองทัพใต้บังคับบัญชาโดยตรงของตนเอง

แน่นอนว่าลู่ช่านมิอาจตั้งตัวเป็นศัตรูกับซั่งเหวยจวิน จึงจำใจต้องล้มเลิกเรื่องการสร้างกองทหารม้า แต่ลู่ช่านมิได้ยอมแพ้ หลังจากเขาได้ชัยชนะครั้งใหญ่ที่ด่านจยาเหมิง เขาก็ฝึกปรือกองทหารม้าอย่างลับๆ ในสู่จง อวี๋เหมี่ยนเคารพลู่ช่านอย่างยิ่ง เขาทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ภายในกองทัพหนานฉู่อำนาจของลู่ช่านแทบจะยกมือเดียวปิดฟ้า ดังนั้นมิใช่เพียงสายลับของต้ายงที่มิล่วงรู้การมีอยู่ของกองทัพทหารม้ากองนี้ในสู่จง แม้แต่ราชสำนักหนานฉู่เองก็มิทราบเช่นกัน

อาชาศึกหลักๆ ได้มาจากสามแหล่ง แหล่งที่หนึ่งจากตอนที่กองทหารม้าที่เต๋อชินอ๋องก่อตั้งถูกลดจำนวน อาชาศึกที่ถูกปลดระวางถูกลู่ช่านส่งไปยังสู่จงสร้างเป็นลานเลี้ยงม้าอย่างลับๆ

แหล่งที่สองคืออาชาศึกของเป่ยฮั่นที่ลักลอบขนมาทางทะเล ทางเส้นนี้มิดีนัก เพราะต้ายงมีอำนาจทางฝั่งตงไห่กล้าแข็งอย่างยิ่ง อีกทั้งการขนส่งทางทะเลก็ยากลำบาก อาชาศึกยากจะทนไหว แล้วยังต้องเดินทางไกลพันลี้กว่าจะขนมาถึงสู่จง แต่อาชาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ชั้นเยี่ยมมากมายในลานม้าของสู่จงล้วนเข้ามาผ่านช่องทางเส้นนี้ เพียงแต่ว่าหลังจากเป่ยฮั่นล่มสลาย ช่องทางเส้นนี้ก็แทบจะใช้มิได้อีกต่อไป

นอกเหนือจากสองช่องทางนี้ ลู่ช่านถึงกับเคยส่งคนสนิทไปซื้อม้าถึงถู่ปัว ความยากเย็นของการทำเช่นนี้มิต้องถามก็คงทราบ ลู่ช่านดำเนินการมาอย่างลำบากยากเย็น ในที่สุดก็มีกองทหารม้าเก้าพันนายของค่ายเฟยฉีในวันนี้

คนที่ถูกเลือกมาเป็นทหารม้า ลู่ช่านใช้โอกาสต่างๆ คัดเลือกทหารกล้ามาจากในกองทัพหนานฉู่ ส่วนแม่ทัพผู้คอยฝึกฝนกองทัพ บางคนเป็นแม่ทัพที่ยอมสวามิภักดิ์จากสู่จง บางคนเป็นกำลังพลเก่าของเต๋อชินอ๋อง แม่ทัพที่ยอมสวามิภักดิ์จากสู่จงก็ช่างเถิด แต่กำลังพลเก่าของเต๋อชินอ๋องมาอยู่ในสู่จงได้เช่นไร นี่ก็เป็นเพราะหรงเยวียนแม่ทัพใหญ่แห่งเซียงหยาง หรงเยวียนผู้นี้พรสวรรค์ในการวางแผนการโดดเด่นเหนือผู้อื่น เพียงแต่จิตใจมิกว้างขวางพอ หลังจากรับช่วงเป็นแม่ทัพเซียงหยาง เขาก็ขับไล่แม่ทัพส่วนหนึ่งที่มิถูกกับเขามาตลอดออกไป

ยามนั้นลู่ซิ่นเป็นผู้ปกครองกองทัพหนานฉู่ ลู่ซิ่นมิต้องการล่วงเกินเขา จึงลอบช่วยแม่ทัพเหล่านี้ให้ลงหลักปักฐานแทน ในหมู่คนเหล่านี้มีมิน้อยที่เคยเป็นแม่ทัพทหารม้า ต่อมาคนเหล่านี้จึงถูกลู่ช่านเกลี้ยกล่อมให้มาฝึกฝนกองทัพทหารม้า

สิบปีแห่งการบ่มเพาะ ในที่สุดลู่ช่านก็มีทหารม้าชั้นยอดกองหนึ่งอยู่ในกำมือ อีกทั้งยังมิมีผู้ใดล่วงรู้ ทหารม้ากองนี้กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้หนานฉู่คว้าชัยชนะ ก่อนศึกที่ไหวซีจะเริ่มขึ้น ลู่ช่านออกคำสั่งลับให้ทหารม้ากองนี้ลักลอบเคลื่อนพลมายังเจียงหลิง

แม้หนทางในแคว้นสู่จะเดินทางลำบากยากเย็น แม้สายลับของกองทัพต้ายงจะมีหูตาทั่วหล้า แต่สู่จงจดเจียงเซี่ยตกอยู่ใต้การปกครองของตระกูลลู่มาหลายปี เมื่อเขาใช้กองทัพทหารม้าเจียงเซี่ยอำพราง ในที่สุดทหารม้ากองนี้ก็เดินทางมาถึงเจียงหลิงอย่างเงียบเชียบได้สำเร็จ

หลังจากสงครามในไหวซีเข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดที่สุด ทหารม้ากองนี้ก็ฉวยโอกาสยามสงครามกำลังชุลมุนเดินทางมาถึงโซ่วชุน อาศัยยามค่ำคืน หุ้มผ้าหนาไว้ที่กีบเท้าม้า ให้พลทหารคาบท่อนไม้ ปลดกระดิ่งลงจากตัวอาชา เดินทางมาถึงชานเมืองโซ่วชุนอย่างเงียบเชียบ ซุ่มซ่อนรอคอยโอกาสโจมตี

กองทัพต้ายงอ่อนล้า อีกทั้งต้องคอยกังวลว่ากองทัพหนานฉู่จะลอบจู่โจมค่ายหรือซุ่มดักสังหาร ดังนั้นตอนกลางคืนจึงมิได้ส่งทหารสอดแนมออกมาสอดส่องดูสถานการณ์ ด้วยเหตุนี้ค่ายเฟยฉีจึงโจมตีกองทัพต้ายงอย่างหนักหน่วงสำเร็จ พร้อมกับคว้าชัยชนะครั้งใหญ่มาให้แก่ไหวซี