ตอนที่ 975 พอใจทั้งสองฝ่าย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 975 พอใจทั้งสองฝ่าย

สตรีหม้ายจำนวนมากในเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่กับป้ายวิญญาณของสามีจึงเริ่มหวั่นไหว ต่างอยากลองแต่งงานใหม่อีกครั้งบ้าง

สามีภรรยาของครอบครัวยากจนแตกต่างจากสามีภรรยาของครอบครัวขุนนาง ครอบครัวยากจนต่างหลับหูหลับตาแต่งงานกันไปโดยไม่คิดสิ่งใดมาก คนส่วนใหญ่แต่งงานเพื่อเอาตัวรอด เพื่อสืบทอดทายาท ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาค่อยๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ทว่า น้อยครอบครัวนักที่จะรักใคร่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง

ถึงแม้สามีภรรยาจะมีความรักให้แก่กัน ทว่า สามีที่สูญเสียภรรยาไปแล้วจะรู้สึกว่ามีชีวิตต่ออย่างยากลำบาก การไม่มีคนคอยอยู่เคียงข้างมันทุกข์ทรมานเกินไป พวกเขาจึงแต่งงานใหม่ ส่วนภรรยาที่สูญเสียสามีกลับต้องครองตนเป็นหม้ายไปตลอดชีวิต แม้สตรีเหล่านั้นจะไม่อยากใช้ชีวิตเช่นนี้ ทว่า พวกนางทำสิ่งใดไม่ได้

ทว่า บัดนี้มีกฎหมายใหม่เช่นนี้ออกมา พวกนางจึงเริ่มคิดว่าพวกนางไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรตัวคนเดียวได้ บางคนไม่อยากทนเหงาอีกต่อไป พวกนางรวบรวมความกล้าอยากก้าวออกไปแต่งงานใหม่ บางคนกล้าถึงขนาดเริ่มปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่สามีของตัวเอง

ตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนไปอธิบายที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนและจัดการกับคนชราที่จับลูกสะใภ้ของตัวเองถ่วงน้ำ การผลักดันระบอบการปกครองใหม่เริ่มรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ

บรรดาตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างเอนเอียงไปตามทิศทางของอำนาจ พวกเขาเริ่มปล่อยให้ลูกสะใภ้หม้ายของพวกเขากลับไปยังตระกูลมารดา อนุญาตให้พวกนางแต่งงานใหม่ได้

ต่งฉางหยวนถือโอกาสนี้ติดต่อกับแม่สื่อในเมืองหลวง ให้พวกนางช่วยหาคู่ให้สตรีหม้ายเหล่านั้น จากนั้นมอบเงินรางวัลให้แม่สื่อคนละสามตำลึง

สตรีหม้ายจึงกลายเป็นที่ต้องการตัวในเมืองหลวงขึ้นมาภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะสตรีหม้ายที่ยังสาวและสามารถมีบุตรได้ ประตูจวนมีแม่สื่อเดินเข้าออกไม่หยุด

เมื่อหลี่จือเจี๋ยเห็นว่าการปกครองใหม่ของต้าโจวเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วจึงรู้สึกไม่สงบขึ้นมาทันที

ตั้งแต่ที่ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์จนถึงคงตอนนี้ ยังไม่มีผู้ใดในราชสำนักต้าโจวออกมาให้คำตอบอย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาจะทำสัญญาผูกมิตรกับหรงตี๋หรือซีเหลียงกันแน่ ได้แต่ปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายรออยู่เช่นนี้

อ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ยังไม่จากไป หลี่จือเจี๋ยจึงยังไม่กล้าจากไปเช่นเดียวกัน

หลี่จือเจี๋ยนั่งเอนกายใช้มือค้ำศีรษะบนหมอนอิงพลางมองไปที่ม่านผืนบางที่สะบัดพลิ้วตามแรงลมอยู่บนเก้าอี้ยาวนุ่ม ชายหนุ่มเคาะพัดลงบนฝ่ามือเป็นจังหวะ สีหน้าเยือกเย็นเคร่งขรึม “พวกเราอยู่ในต้าโจวสิบแปดวันแล้ว จักรพรรดินีแห่งต้าโจวขึ้นครองราชย์ได้แปดวันแล้ว ทว่า ตอนนี้ยังไม่ตกลงเรื่องการทำสัญญาพันธมิตรเสียที พวกเจ้ามีข้อเสนอแนะใดบ้างหรือไม่”

ที่ปรึกษาที่หลี่จือเจี๋ยพามาต้าโจวด้วยนั่งอยู่ด้านข้างหลี่จือเจี๋ยคนละฝั่ง พวกเขาไม่รู้จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรเช่นกัน

“ได้ยินว่าใต้เท้าหลิ่วที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องนี้นำของขวัญที่ท่านอ๋องมอบให้เขาตอนนั้นไปมอบให้หลู่ไท่เว่ยหมดเลยพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นี้หัวแข็งยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”

“ใต้เท้าหลิ่วผู้นี้ให้พวกเรากับทูตของหรงตี๋เข้าปรึกษาพร้อมกันไม่ใช่เพราะต้องการเรียกร้องผลประโยชน์ที่มากขึ้นอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ซีเหลียงของเรายอมยกเมืองให้ตั้งยี่สิบเมือง อีกทั้งมอบของล้ำค่าให้อีกมากมาย ทว่า จักรพรรดินีแห่งต้าโจวก็ยังไม่ยอมทำสัญญากับพวกเราเสียที กระหม่อมรู้สึกว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวต้องการเข้าแทรกแซงตอนที่ซีเหลียงทำสงครามกับหรงตี๋พ่ะย่ะค่ะ” ที่ปรึกษาข้างกายของหลี่จือเจี๋ยวิเคราะห์

“หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราควรรีบกลับไปเผชิญชะตากรรมร่วมกับซีเหลียงของพวกเรา!” ที่ปรึกษาอีกคนของหลี่จือเจี๋ยกล่าวขึ้น

หลี่จือเจี๋ยชะงักมือที่กำลังเคาะพัดอยู่นิ่ง เม้มปากเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้น “อย่าเพิ่งร้อนใจไป ให้คนนำจดหมายไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบก่อนว่าดูเหมือนว่าต้าโจวจะไม่ต้องการผูกมิตรกับซีเหลียง พวกเราจะไปจากต้าโจวไม่ได้จนกว่าจะได้รับคำตอบที่แน่นอน!”

ที่ปรึกษาที่อาวุโสที่สุดของหลี่จือเจี๋ยกล่าวขึ้น “ท่านอ๋องลองไปพบอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนแห่งต้าเยี่ยนดูสักครั้งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ดูว่าหากสุดท้ายต้าโจวเลือกที่จะร่วมมือกับหรงตี๋โจมตีซีเหลียงจริงๆ ต้าเยี่ยนจะยอมยกทัพบุกโจมตีต้าโจวผ่านเขตแดนทางตะวันตกหรือไม่”

หลี่จือเจี๋ยคิดวิธีนี้ออกตั้งแต่งานราชาภิเษกของไป๋ชิงเหยียนจบลงแล้ว ทว่า นี่คือวิธีสุดท้ายที่เขาคิดจะใช้หากหาทางออกไม่ได้จริงๆ

หลี่จือเจี๋ยที่สีหน้าเคร่งเครียดวางพัดกลมในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นเม้มปากแน่นโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากใช้วิธีนี้

“ท่านอ๋อง กระหม่อมคิดว่าพวกเราไปพบหน้าอ๋องหน้ากากผีของหรงตี๋โดยตรงเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หรงตี๋กับซีเหลียงไม่ได้มีความแค้นใดต่อกัน ที่ซีเหลียงโจมตีพวกเราคงเป็นเพราะเขาอยากกลายเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งเหมือนต้าโจวและต้าเยี่ยนดั่งที่ท่านอ๋องเคยวิเคราะห์พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อที่ปรึกษาผู้นั้นเห็นว่าหลี่จือเจี๋ยไม่ได้คัดค้านจึงกล่าวต่อ “พวกเขาก็แค่อยากยึดเมืองของพวกเราเท่านั้น พวกเรามอบเมืองที่เราเตรียมจะมอบให้ต้าโจวให้แก่หรงตี๋เพื่อยุติสงครามกับพวกเขา ยื้อเวลาจนครบกำหนดสามปีที่ต้าเยี่ยนกับหรงตี๋ทำไว้! หากพวกเราทำสัญญาสงบศึกกับหรงตี๋แล้ว ถ้าพวกเขายังคิดบุกโจมตีพวกเรา พวกเขาจะกลายเป็นคนไร้เหตุผลทันที ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยขอให้ต้าเยี่ยนยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่จือเจี๋ยเงยหน้าขึ้น แววตาเยือกเย็น “เจ้าหมายความว่าจะให้ซีเหลียงของเรายอมเป็นแคว้นบรรณาการของต้าเยี่ยนจะดีกว่าอย่างนั้นหรือ”

เมื่อเห็นว่าหลี่จือเจี๋ยไม่เห็นด้วย ที่ปรึกษาจึงรีบคุกเข่าขอขมา “กระหม่อมกล่าวผิดไปพ่ะย่ะค่ะ…”

“ลุกขึ้นเถิด!” หลี่จือเจี๋ยกล่าวเสียงราบเรียบ วางน้ำชาลงบนโต๊ะจากนั้นลุกขึ้น “ข้าจะไปเข้าเฝ้าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวด้วยตัวเอง ครั้งนี้ต้องให้ต้าโจวให้คำตอบที่แน่ชัดกับซีเหลียงให้ได้ว่าจะทำสัญญาพันธมิตรหรือจะเปิดศึก จากนั้นพวกเราค่อยมาหารือกันใหม่”

“ท่านอ๋องทรงปรีชาชาญพ่ะย่ะค่ะ” ที่ปรึกษาโค้งกายคำนับหลี่จือเจี๋ย

หลี่จือเจี๋ยไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาด บัดนี้ซีเหลียงอ่อนแอเกินไปจริงๆ…

ตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนของซีเหลียงยังมีชีวิตอยู่ ซีเหลียงคือแคว้นที่แข็งแกร่งที่สามารถคานอำนาจกับต้าจิ้นได้ ตอนนั้นหลี่จือเจี๋ยเคยโน้มน้าวจักรพรรดิซีเหลียงแล้ว ทว่า จักรพรรดิซีเหลียงไม่ฟังความเห็นของผู้ใด ต้องการร่วมมือกับหนานเยี่ยนบุกโจมตีต้าจิ้นให้ได้ สุดท้ายผลเป็นเช่นไร…ซีเหลียงสูญเสียทหารยอดฝีมือนับแสนในสนามรบที่หนานเจียง เมื่อชาวบ้านซีเหลียงได้ยินนามของกองทัพไป๋ต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่น

สงครามครั้งนั้นทำให้แคว้นซีเหลียงที่เคยแข็งแกร่งกลายเป็นแคว้นที่อ่อนแอ จวบจนวันนี้ก็ยังฟื้นตัวไม่ได้

หากไม่มีสงครามหนานเจียงในครั้งนั้น ซีเหลียงในตอนนี้จะหวาดกลัวหรงตี๋ได้อย่างไร

หลิ่วหรูซื่อกำลังนั่งรายงานผลการเจรจากับซีเหลียงและหรงตี๋ให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอยู่บนที่นั่งที่ถัดจากไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนยกกาน้ำชารินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย วางม้วนไม้ไผ่ลงข้างกายพลางตั้งใจฟังสิ่งที่หลิ่วหรูซื่อรายงาน

“แม้ตอนนี้กระหม่อมจะยังไม่ได้ให้คำตอบทูตของหรงตี๋และซีเหลียงอย่างแน่ชัดตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ทว่า หากยื้อต่อไปเช่นนี้คงไม่เหมาะสมเท่าใดนักพ่ะย่ะค่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ พ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อเป็นคนไม่เคยกลัวสิ่งใดอยู่แล้ว เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนตามตรง “ฝ่าบาท กระหม่อมทราบดีว่าฝ่าบาททรงมีความแค้นส่วนตัวกับอวิ๋นพั่วสิง ทว่า หากพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ตอนนี้ซีเหลียงมอบผลประโยชน์ให้ต้าโจวมากจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดพิจารณาอีกครั้งด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงรินน้ำชาให้หลิ่วหรูซื่อด้วยตัวเอง จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง เขาหันไปสั่งให้ขันทีเล็กปรับไฟโคมไฟภายในตำหนักให้สว่างกว่านี้

“ต้าโจวของเราสามารถรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หลังจากหรงตี๋และซีเหลียงพ่ายแพ้ทั้งคู่ได้…” หลิ่วหรูซื่อกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะไม่ยอมละทิ้งความแค้นของตระกูลไป๋จึงกล่าวต่อ “การทำสัญญาผูกมิตรกับซีเหลียงอย่างมากก็เพียงเสียเวลาแก้แค้นไปสองสามปี ทว่า สามารถลดทอนกำลังทหารของหรงตี๋และซีเหลียงให้อ่อนแอลงได้ ถึงเวลานั้นต้าโจวค่อยส่งกองทัพบุกไป เช่นนี้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บของเหล่าทหารได้ กระหม่อมคิดว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายพ่ะย่ะค่ะ”

************