ตอนที่ 976 เรื่องสำคัญที่สุด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 976 เรื่องสำคัญที่สุด

หลิ่วหรูซื่อไม่รู้ว่าตอนนี้หรงตี๋อยู่ในการควบคุมของไป๋ชิงอวี๋แทบจะหมดแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้หรงตี๋คือเมืองของต้าโจวแล้ว ในฐานะขุนนางหลิ่วหรูซื่อมีแผนการเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนยังไม่สามารถบอกฐานะที่แท้จริงของอาอวี๋ให้หลิ่วหรูซื่อรับรู้ได้ หญิงสาวจึงทำได้เพียงกล่าวขึ้น “ที่ให้ใต้เท้าหลู่ถ่วงเวลาหรงตี๋และซีเหลียงไว้เพราะสายลับของเราในซีเหลียงถูกจับตัวได้ ทว่า บัดนี้ข้ายังไม่รู้ว่าเขาถูกจับได้เพราะตัวตนถูกเปิดเผยหรือเพราะสาเหตุใดกันแน่! ไป๋ชิงฉีเดินทางไปยังซีเหลียงแล้ว ไป๋ชิงฉีจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าเราจะทำสัญญาผูกมิตรกับซีเหลียงหรือไม่ ทว่า หลี่จือเจี๋ยจะยังไปจากต้าโจวไม่ได้จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อย”

หลิ่วหรูซื่อตะลึง จากนั้นพยักหน้ารับ “ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้กระหม่อมก็เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่า เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงเดินทางมายังต้าโจวเพื่อแสดงความยินดีกับฝ่าบาท หากพวกเรากักตัวเขาไว้ที่เมืองหลวงต่ออาจถูกผู้อื่นครหาได้พ่ะย่ะค่ะ”

“หลี่จือเจี๋ยไม่มีทางไปจากเมืองหลวงจนกว่าจะได้รับคำตอบเรื่องสัญญาพันธมิตรอย่างแน่ชัด เขามีเพียงสามทางเลือก ทางแรกคือทำสัญญาผูกมิตรกับต้าโจว ทางที่สองคือร่วมมือกับอ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ต่อต้านแคว้นที่แข็งแกร่งกว่า ทางสุดท้ายคือการร่วมมือกับอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนแห่งต้าเยี่ยน เมื่อหรงตี๋และซีเหลียงทำสงครามกัน เขาต้องการให้ต้าเยี่ยนยกทัพบุกโจมตีต้าโจว!”

หลิ่วหรูซื่อเตรียมกล่าวสิ่งใดต่อ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนยกมือให้เขาฟังนางกล่าวให้จบก่อน “เป้าหมายของต้าโจวคือการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ดังนั้นพวกเราไม่สามารถปล่อยให้ซีเหลียงหรือหรงตี๋ทำลายอีกแคว้นหนึ่งจนกลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่แคว้นที่สามขึ้นมาได้ มิเช่นนั้นการรวบรวมใต้หล้าของต้าโจวจะยิ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม!”

หลิ่วหรูซื่อเป็นคนตรงไปตรงมา เขารู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวโดยการพิจารณาจากภาพรวมแล้ว ทว่า หลิ่วหรูซื่อคิดว่าถึงแม้จะเห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลักก็ไม่ควรละทิ้งคำว่าคุณธรรมอยู่ดี

“กระหม่อมไม่ได้มองในจุดที่ฝ่าบาทประทับอยู่ดังนั้นกระหม่อมจึงไม่เข้าใจความคิดของฝ่าบาท ทว่า กระหม่อมเข้าใจคำตรัสของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อกล่าวอย่างนอบน้อมที่สุด “ทว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ กระหม่อมก็อยากทูลฝ่าบาทตามตรงว่าผู้อื่นสามารถขัดขวางไม่ให้เหยียนอ๋องไปจากเมืองหลวงได้ ทว่า ต้าโจวของเราเป็นแคว้นศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ หากพวกเราขัดขวางไม่ให้ทูตของแคว้นอื่นเดินทางกลับแคว้น ชื่อเสียงของต้าโจวอาจเสียหายได้! เมื่อทำผิดต่อซีเหลียง เราจะครอบครองดินแดนของซีเหลียงได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดพิจารณาอีกครั้งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

สิ้นเสียงของหลิ่วหรูซื่อ คนด้านนอกตำหนักรายงานว่าเสนาบดีกรมการคลังเว่ยปู่จิ้งมาขอพบไป๋ชิงเหยียน

หลิ่วหรูซื่อลุกขึ้นยืน เดินไปกลางตำหนักพลางโค้งกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“ใต้เท้าหลิ่ว ข้ามีอีกเรื่องอยากให้ท่านช่วยจัดการ” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลิ่วหรูซื่อยิ้มๆ “ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปจงส่งขุนนางในราชสำนักไปอภิปรายเรื่องในราชสำนักกับบัณฑิตที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนทุกๆ สามวันด้วย ใต้เท้าหลิ่วลองไปสอบถามความเห็นเรื่องการทำสัญญาผูกไมตรีกับหรงตี๋และซีเหลียงกับบัณฑิตเหล่านั้นดูก่อนเถิด”

หลิ่วหรูซื่อนึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะให้เขานำเรื่องในราชสำนักไปปรึกษากับบัณฑิตที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน ทว่า เขาก็ยังรับคำและโค้งกายทำความเคารพจากไป

หลิ่วหรูซื่อพบกับเว่ยปู้จิ้งที่นอกตำหนัก ทั้งสองทำความเคารพซึ่งกันและกัน สนทนาทักทายกันสองสามประโยค จากนั้นพวกเขาจึงเห็นไป๋จิ่นเซ่อเดินถือน้ำแกงและขนมมาให้ไป๋ชิงเหยียน พวกเขารีบทำความเคารพพลางหลีกทางให้ไป๋จิ่นเซ่อเข้าไปก่อน

เว่ยปู้จิ้งที่ไปบรรเทาทุกข์ชาวบ้านมาซูบผอมและคล้ำลงไม่น้อย เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวงเขาก็ได้ยินข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนจะเปิดสำนักศึกษาตามเมืองต่างๆ โดยเร็วที่สุด

กรมการคลังที่ดูแลเรื่องเงินต้องเริ่มเคลื่อนไหวทำเรื่องที่ต้องใช้เงินเป็นกรมแรก หลายวันมานี้เว่ยปู้จิ้งคำนวณเรื่องเงินที่ต้องใช้จ่ายทั้งหมดจนเกือบไม่ได้หลับไม่ได้นอน จากนั้นจึงมาขอพบไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนต้องการเปิดสำนักศึกษาของบุรุษและสตรีในทุกอำเภอ ทว่า บัดนี้เงินในการคลังยังขัดสนอยู่ เว่ยปู้จิ้งจึงมาปรึกษากับไป๋ชิงเหยียนว่าสามารถลดจำนวนสถานศึกษาให้น้อยลงกว่านี้ครึ่งหนึ่งได้หรือไม่

เมื่อได้ยินรายงานจากเว่ยปู้จิ้ง จู่ๆ ไป๋ชิงเหยียนก็นึกถึงคำกล่าวที่ท่านปู่กล่าวตอนโมโหจนเขวี้ยงแส้ม้าลงบนพื้นหลังจากมาขอเงินชดเชยให้ทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บในกองทัพขึ้นมาได้

ท่านปู่กล่าวว่าเสนาบดีกรมการคลังคือคนดูแลกระเป๋าเงินของแคว้น ทว่า ผู้ที่คร่ำครวญว่าตัวเองจนที่สุดในแคว้น หากเสนาบดีกรมการคลังคือที่สองคงไม่มีผู้ใดกล้าแซงหน้าเขากลายเป็นที่หนึ่งแน่นอน

ท่านพ่อปลอบท่านปู่ว่าเสนาบดีกรมการคลังก็มีเรื่องลำบากใจของพวกเขา พวกเขาดูแลเงินทั้งแคว้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ท่านปู่เป็นคนสอนเรื่องนี้กับพวกเขาเองแท้ๆ เหตุใดยิ่งแก่ถึงยิ่งเลอะเลือนเช่นนี้ ทำตัวเหมือนเด็กยิ่งกว่าอาเป่าเสียอีก

ท่านปู่กล่าวสิ่งใดไม่ออก ได้แต่ชี้หน้าท่านพ่อพลางด่าว่าท่านพ่อเข้าข้างคนนอก

เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้

เว่ยปู้จิ้งที่นั่งก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงข้ามไป๋ชิงเหยียนอยู่บนที่นั่งของตัวเองทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน

ไป๋จิ่นเซ่อเห็นดังนั้นจึงนำน้ำแกงไปวางไว้ด้านข้างไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวกับเว่ยปู้จิ้ง “พี่หญิงใหญ่คงกำลังนึกถึงคำที่ท่านปู่เคยกล่าวว่าเสนาบดีกรมการคลังคือคนที่ชอบบ่นว่าตัวเองไม่มีเงินที่สุดเจ้าค่ะ…”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าเว่ยปู้จิ้งจึงทำหน้าไม่ถูก เขาได้แต่กล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท การสร้างสำนักศึกษาไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ พวกเราสามารถรออีกหน่อยได้ กระหม่อมจึงกล้าบังบาจมาทูลฝ่าบาทเช่นนี้ ฝ่าบาทได้โปรดพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“แบ่งขนมไปให้ใต้เท้าเว่ยครึ่งหนึ่ง น้ำแกงด้วย”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ใต้เท้าเว่ยคงยังไม่ได้ทานอาหารมา ทานของว่างรองท้องก่อนเถิด พวกเราทานไปพลางปรึกษากันไปพลาง”

เว่ยปู้จิ้งไม่เคยพบจักรพรรดิที่เป็นกันเองเช่นนี้ เขารีบก้มศีรษะคำนับพลางกล่าวว่าไม่กล้า

“ใต้เท้าเว่ยไม่ต้องสำรวมถึงเพียงนี้ แม้จะเป็นเรื่องสำคัญ ทว่า พวกเราไม่ควรอดอาหาร หากท่านเป็นอันใดขึ้นมา ข้าจะไปหาเสนาบดีกรมการคลังที่ใดมาแทนได้! ทานด้วยกันเถิด แม้จักรพรรดิและขุนนางจะมีมารยาทขวางกั้น ทว่า ท่านไม่จำเป็นต้องสำรวมมากถึงเพียงนี้”

ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่กลับมาจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน ดังนั้นไป๋จิ่นเซ่อจึงตั้งใจนำของว่างและน้ำแกงมาให้พี่สาวของตัวเอง

เว่ยจงถือขนมและน้ำแกงไปวางตรงหน้าเว่ยปู้จิ้ง เว่ยปู้จิ้งรีบกล่าวขอบคุณ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนใช้ตะเกียบเงินคีบขนมขึ้นทานพลางอ่านบันทึกที่เขาถวายให้ตรวจสอบ เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นคีบขนมขึ้นทานอย่างระมัดระวังบ้าง

ไม่นานไป๋ชิงเหยียนก็อ่านบันทึกที่เว่ยปู้จิ้งสรุปมาให้จบ หญิงสาววางน้ำชาในมือลง “ข้าอ่านจบแล้ว…”

เมื่อเว่ยปู้จิ้งที่กำลังทานขนมอยู่ได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงรีบวางตะเกียบในมือลง จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน เขายังไม่ทันกล่าวสิ่งใดออกมาก็สำลักเสียก่อน เขารีบกลืนขนมลงไปพลางเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมยืมคนมาจากกรมโยธา จากนั้นคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุดออกมาพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ต้าโจวเพิ่งสถาปนาขึ้น กระหม่อมคิดว่าพวกเราควรเริ่มต้นทำเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นคลี่ม้วนไม้ไผ่ที่วางอยู่ด้านข้างออก “เทียบกับการซ่อมแซมสุสานหลวงของราชวงศ์แล้ว ใต้เท้าเว่ยคิดว่าการซ่อมแซมสุสานหลวงของราชวงศ์คือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างนั้นหรือ”

เว่ยปู้จิ้งไม่กล้าเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แน่นอนว่าย่อมสำคัญที่สุดอยู่แล้ว…

************