ตอนที่ 251-1 ท่านแม่เฉียวมาแล้ว

วันที่หนึ่งของทุกเดือน เผ่าถ่าน่าจะจัดพิธีบวงสรวงหนึ่งหน วันที่หนึ่งของเดือนหนึ่งเป็นหนที่สำคัญที่สุด เพราะมันเป็นการเริ่มต้นของปีใหม่ ดังที่กล่าวกันว่าบอกลาสิ่งเก่าต้อนรับสิ่งใหม่ ปีนี้จะเป็นปีที่อุดมสมบูรณ์หรือไม่ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับวันนี้ ดังนั้นพิธีบวงสรวงของวันนี้จะผิดพลาดประการใดไม่ได้เด็ดขาด

การที่รอบคอบถึงขนาดนี้ใช่จะไร้สาเหตุ ก่อนเผ่าถ่าน่าอพยพมาอยู่เกาะนิรนาม เคยมีพิธีบวงสรวงที่ผิดพลาดหนหนึ่ง พิธีบวงสรวงหนนั้นเกิดขึ้นในปีหลงเฟิงของราชวงศ์เทียนฉี่ เวลานั้นชาวเผ่าถ่าน่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในเมืองเฟิ่งหยาง เจ้าเมืองของเมืองเฟิ่งหยางก็คือเหอจั๋วของเผ่าถ่าน่า เหอจั๋วรุ่นนั้นเสื่อมคุณธรรม จุดโทสะให้องค์เทพจนองค์เทพส่งอสนีบาตสายหนึ่งผ่าลงมากลางทุ่งในวันขึ้นปีใหม่ ฟาดใส่โหราจารย์ที่กำลังอธิษฐานอยู่จนสิ้นใจ

โหราจารย์ร่วงตกลงมาจากแท่นสูง โลหิตสาดกระเซ็นทั่วพื้น ผ่านไปไม่นานเมืองเฟิ่งหยางก็เกิดโรคระบาดที่ยากจะควบคุม ชาวเผ่าถ่าน่าแสนกว่าคนล้มตายไปครึ่งหนึ่งภายในเวลาหนึ่งปี จนกระทั่งเหอจั๋วรุ่นนั้นตายกะทันหัน เหอจั๋วรุ่นใหม่ขึ้นรับตำแหน่งต่อ โรคระบาดถึงถูกควบคุมเอาไว้ได้

เพราะเรื่องหนนั้นเกิดที่เมืองเฟิ่งหยาง ในประวัติศาสตร์ของเผ่าจึงเรียกขานมันว่าหายนะแห่งเฟิ่งหยาง

หลังจากเหตุการณ์หายนะแห่งเฟิ่งหยาง ชนเผ่าถ่าน่าก็เคยเกิดอุบัติเหตุในพิธีบวงสรวงวันขึ้นปีใหม่อีกสองสามหน หลังจากอุบัติเหตุแต่ละหนล้วนเกิดหายนะที่ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ ตัวอย่างเช่นมีหนหนึ่งกระบี่ของโหราจารย์คนหนึ่งพลัดร่วงจากมือ หนึ่งเดือนหลังจากนั้นเผ่าถ่าน่าก็เกิดแผ่นดินไหว แล้วยังมีอีกหนหนึ่งของบูชาของธิดาเทพเน่าเสีย ห้าเดือนหลังจากนั้นเผ่าถ่าน่าก็แล้งจัด ทั้งเผ่าไม่มีธัญพืชให้เก็บเกี่ยวได้เลย…เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน หากเป็นหายนะที่คนกระทำขึ้นมาก็แล้วไปเถิด บางทีอาจจงใจสร้างขึ้นมา แต่นี่ดันเป็นภัยธรรมชาติ ภัยธรรมชาติใช่สิ่งที่กำลังของมนุษย์ควบคุมได้หรือ แน่นอนว่าไม่ ดังนั้นคนในเผ่าถ่าน่าจึงเชื่อลางบอกเหตุจากองค์เทพเป็นอย่างมาก พวกเขาหวาดกลัวที่สุดว่าพิธีบวงสรวงในวันขึ้นปีใหม่จะเกิดผิดพลาดประการใดขึ้นมา

ทว่าตอนนี้มันไม่เพียงเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงมากอีกด้วย ธิดาเทพพลัดตกลงมาจากแท่นสูงหนึ่งจั้งกว่า ร่วงลงมาบนแผ่นหินที่ทั้งเย็นเฉียบและแข็งกระด้าง นางกระอักเลือดคำโตออกมาทันที

ทุกคนตื่นตระหนก สถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาในพริบตา

องครักษ์ของปราสาทเฮ่อหลันพุ่งเข้ามาเป็นฝ่ายแรก “ธิดาเทพ! ธิดาเทพ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

ธิดาเทพอยากเอ่ยตอบ แต่พออ้าปากก็กระอักเลือดคำโตออกมาอีกคำ

เหอจั๋วฝืนร่างกายอันอ่อนแรงก้าวมาถึงแท่นบวงสรวงแล้วนั่งลงมาประคองธิดาเทพให้ลุกนั่ง “ธิดาเทพ ธิดาเทพ!”

เรือนร่างบอบบางของธิดาเทพประหนึ่งใบไม้ปลิดปลิวกลางสายลมหนาว พิงอยู่ในอ้อมแขนของเหอจั๋วอย่างไร้เรี่ยวแรง

ผู้อาวุโสทั้งห้าคนแห่เข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างตะโกนเรียกธิดาเทพเสียงดังวุ่นวาย

ประมุขตระกูลไซน่า ประมุขตระกูลปี้หลัวกับประมุขตระกูลอีกหกคนสาวเท้าขึ้นมาบนแท่นบวงสรวงอย่างว่องไว

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดจู่ๆ แท่นประกอบพิธีก็พังลงมาได้”

ผู้ที่ถามคำถามคือประมุขตระกูลไซน่า

ทุกปีแต่ละตระกูลจะผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้จัดเตรียมพิธีบวงสรวง ตั้งแต่ตัวแท่นจนถึงการวางกำลังรักษาความปลอดภัย คนและสิ่งของที่ใช้ทั้งหมดล้วนถูกคัดเลือกอย่างเข้มงวด แต่เดิมปีนี้ผลัดถึงตาตระกูลไซน่าเป็นผู้จัด แต่เพราะพวกเขาวุ่นวายอยู่กับการตามหาจั๋วหม่าน้อยจึงยกหน้าที่หนนี้ให้แก่สำนักผู้อาวุโส

แท่นประกอบพิธีเป็นของที่สำนักผู้อาวุโสสร้างขึ้นมา ของบูชาก็เป็นของที่สำนักผู้อาวุโสซื้อมา เทียนหอมกระดาษเงินกระดาษทองล้วนเป็นของที่สำนักผู้อาวุโสตระเตรียมอย่างใส่ใจ หากบอกว่าตัวแท่นประกอบพิธีมีปัญหาสำนักผู้อาวุโสย่อมเป็นคนแรกที่ปัดความเกี่ยวข้องไม่พ้น

ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม “พวกเราจับตาดูการก่อสร้างแท่นจนลุล่วงด้วยตัวเอง หลังจากนั้นข้าก็ขึ้นไปเดินอยู่หลายรอบ มันไม่สมควรมีปัญหาสิ”

ผู้อาวุโสรองรีบเอ่ยว่า “ใช่แล้ว พวกเราทุกคนตรวจดูด้านในด้านนอกแท่นประกอบพิธีจนถ้วนทั่วแล้ว ไม่มีข้อผิดพลาดประการใดจริงๆ!”

ประมุขตระกูลปี้หลัวเอ่ยเสียงเข้ม “ไม่มีข้อผิดพลาดแล้วจะถล่มลงมาได้อย่างไร คงไม่ใช่ว่าธิดาเทพย่ำจนถล่มลงมาเองกระมัง!”

ทุกคนต่างทราบว่าแม้ธิดาเทพจะฝึกฝนวรยุทธ์กับอาจารย์สอนวิชายุทธ์ทุกวัน แต่นั่นก็เป็นวิชาหมัดกับวิชากระบี่เล็กน้อยที่เสริมให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น ไม่มีกำลังภายในแม้สักนิด มนุษย์ที่ไร้กำลังภายในผู้หนึ่งย่อมไม่มีทางเหยียบจนแท่นที่แข็งแรงอันหนึ่งพังลงมาได้

ผู้อาวุโสห้ายังยืนกราน “ไม่ว่าอย่างไรของที่พวกเราสำนักผู้อาวุโสรับผิดชอบเตรียมก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”

ในหมู่ผู้อาวุโสทั้งห้าคน ผู้อาวุโสห้าอ้วนที่สุด เขาทั้งเหยียบทั้งกระโดดอยู่ด้านบนยังไม่ถล่ม แม่นางน้อยที่หนักแปดสิบหนึ่งร้อยชั่งนางหนึ่งรำกระบี่แค่ทีสองทีจะถล่มลงมาได้อย่างไร

ประมุขตระกูลปี้หลัวแค่นเสียงหยัน “ในเมื่อตัวแท่นไม่มีปัญหา หรือจะเป็นสัญญาณเตือนที่องค์เทพมอบให้ชาวเผ่า”

“สัญญาณเตือนหรือ” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้ว พิธีบวงสรวงในวันขึ้นปีใหม่เกิดอุบัติเหตุ ในใจของทุกคนต่างก็มีลางสังหรณ์ร้ายผุดพรายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ทว่าในใจพวกเขาหวังว่าจะได้ยินสิ่งอื่นจากปากของผู้อื่น

ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม เวลานี้หมอมาถึงแล้ว หมอจับชีพจรธิดาเทพ ตรวจดูอาการบาดเจ็บ แล้วบอกอย่างเศร้าหมอง “ธิดาเทพบาดเจ็บหนักยิ่งนัก ต้องพากลับไปตรวจรักษาเพิ่ม ดูว่ามีกระดูกหักหรือไม่”

“อันตรายถึงชีวิตหรือไม่” เหอจั๋วถาม

หมอคำนับบอกว่า “ข้าจะพยายามสุดความสามารถ”

นี่หมายความว่าไม่อาจรับประกันชีวิตของธิดาเทพได้

ตกลงมาแรงถึงเพียงนั้น ทุกคนต่างคิดถึงหายนะแห่งเฟิ่งหยางในอดีตขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ หนนั้นก็เป็นวันขึ้นปีใหม่ มีคนร่วงตกลงมาจากแท่นประกอบพิธีเหมือนกัน โหราจารย์พลัดร่วงตกลงมาตาย หลังจากนั้นเมืองเฟิ่งหยางก็เกิดโรคระบาด คนล้มเจ็บล้มตายหลายหมื่น หรือว่าหนนี้เผ่าถ่าน่าก็จะประสบหายนะอันน่าสลดเช่นนั้นอีก

เฉียวเวยที่อยู่ไม่ไกลจ้องแท่นสูงอยู่ตลอด นางย่อมเห็นฉากนี้ บอกตามตรงตัวนางเองก็ถูกการร่ายรำของธิดาเทพดึงสายตาไปเช่นกัน นางจึงมองไม่ทันจริงๆ ว่าแท่นถล่มลงมาได้อย่างไร รู้เพียงว่าพริบตานั้น ธิดาเทพร่วงลงมากระแทกพื้นทั้งตัวพร้อมกับเศษไม้แตก

“โธ่ ทีนี้จะทำเช่นไรดีเล่า ทีนี้จะทำเช่นไรดี” นางกำนัลชิงเหยียนร้อนรนจนหมุนตัวไปมา

เฉียวเวยถามอย่างไม่เข้าใจ “ธิดาเทพบาดเจ็บสาหัสมากหรือ”

“ร่วงลงมาสูงขนาดนี้ ต้องสาหัสมากแน่…” แต่สิ่งที่นางกำนัลชิงเหยียนกังวลที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่พิธีบวงสรวงในวันขึ้นปีใหม่เกิดอุบัติเหตุ เป็นไปได้มากกว่าครึ่งว่าในเผ่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นมาแน่

แม้เฉียวเวยจะไม่ทราบอดีตของเผ่าถ่าน่า แต่นางเข้าใจว่าพิธีบวงสรวงเกิดเรื่องไม่ดี ส่วนมากย่อมหมายถึงลางไม่ดี

เป็นดังคาดไม่ทันไรเฉียวเวยก็ได้ยินประมุขตระกูลปี้หลัวเอ่ยขึ้นมาเสียงดังลั่น “ต้องเป็นสัญญาณจากองค์เทพแน่! ต้องมีคนล่วงเกินท่านองค์เทพ องค์เทพจึงพิโรธจนลงโทษธิดาเทพ!”

ตรรกะเช่นนี้ เฉียวเวยเหลือจะรับได้จริงๆ ในเมื่อมีคนทำความผิด เหตุใดองค์เทพไม่ลงโทษคนทำผิด แต่ลงโทษธิดาเทพผู้ไร้ความผิดเล่า

นางกำนัลชิงเหยียนอธิบายว่า “ในเผ่าถ่าน่า โหราจารย์กับธิดาเทพล้วนเป็นตัวแทนขององค์เทพ นอกจากพวกเขาจะถ่ายทอดพระประสงค์ขององค์เทพแล้ว พวกเขาก็ต้องทุ่มเทช่วยเหลือเหอจั๋ว เมื่อเหอจั๋วทำผิด ย่อมหมายความว่าพวกเขาช่วยเหลือได้ไม่ดีพอ องค์เทพลงโทษพวกเขาก็เพื่อใช้สิ่งนี้เป็นสัญญาณบอกเหอจั๋ว หากเหอจั๋วยังโง่เขลาต่อไป หายนะครั้งใหญ่กว่าก็จะมาเยือนเผ่าของเขา”

เฉียวเวยไม่รู้จะพูดอะไรตอบ นางกุมหน้าผากพลางส่ายหน้า “เรื่องเหลวไหลไร้สาระพวกนี้ไปฟังผู้ใดบอกมากัน”

นางกำนัลชิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมทันที “จั๋วหม่าน้อย! ไม่เคารพองค์เทพไม่ได้นะเจ้าคะ!”

เฉียวเวยถอนหายใจ วันๆ เดี๋ยวเทพเดี๋ยวผี มิน่ามารดาของนางถึงอยากจะหนีออกไปสูดอากาศสดชื่นสักหน่อย หากเป็นนาง นางก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

แต่จะว่าไปแล้วเหตุการณ์ในวันนี้ก็มีพิรุธมากพอตัว ผู้อาวุโสทั้งห้าต่างบอกว่าพวกเขาตรวจสอบแท่นดีแล้ว ตัวแท่นไม่มีความเสี่ยงที่จะพังถล่มเด็ดขาด นางเชื่อว่าพวกผู้อาวุโสไม่มีทางเล่นลูกไม้อะไรกับเรื่องเช่นนี้ แต่แท่นดันพังลงมาแล้ว เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือมีคนเล่นไม่ซื่อ จุดประสงค์ของอีกฝ่ายชัดเจนยิ่งนัก นั่นก็คือขัดขวางธิดาเทพไม่ให้ทำพิธีหนนี้สำเร็จ แน่นอนว่าตัวธิดาเทพเองก็น่าสงสัยอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรนางก็กระโดดโลดเต้นอยู่ด้านบน ผู้ใดจะรู้ว่านางจงใจทำให้พังหรือเปล่า

แต่มิว่าผู้ใดเป็นคนทำ พิธีวันนี้ก็ถูกขัดขวางไว้แล้ว นางไม่ได้รับการอวยพรจากเทพเจ้า อยากจะกลายเป็นจั๋วหม่าน้อยของเผ่าถ่าน่า น่ากลัวว่าคงไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว