บทที่ 992 อย่าพูดอะไรที่เป็นลาง ไม่งั้นจะกลายเป็นจริง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

ตอนที่ 992 อย่าพูดอะไรที่เป็นลาง ไม่งั้นจะกลายเป็นจริง

ตอนที่ 992 อย่าพูดอะไรที่เป็นลาง ไม่งั้นจะกลายเป็นจริง

“พี่เสี่ยวเฉ่า ไปหาหมอกัน!”

เสี่ยวเถียนเห็นพี่สาวได้รับบาดเจ็บ ใจพลันเป็นกังวลขึ้นมา โดยที่ไม่ได้สนใจคนที่ได้รับความช่วยเหลือด้วยซ้ำ

พออีกฝ่ายเอ่ยปากถึงได้ตกใจมากที่เป็นคนรู้จัก

ใช่แล้ว คุ้นเคยมาก อาจารย์เซี่ยหนานนั่นแหละ

เธอเพิ่งรู้ว่าท่านคือคนที่พี่เสี่ยวเฉ่าเข้าไปกระแทกให้หลบ

เซี่ยหนานที่ล้มกลิ้งกับพื้นไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าได้คนช่วยชีวิตเอาไว้

ตอนนั้นเองเธอที่ได้ยินเสียงของเสี่ยวเถียน

“เสี่ยวเถียน ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“อาจารย์เซี่ย?” เสี่ยวเถียนร้องลั่น

พลันนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำเรื่องนี้

อันตรายมากเลยนะ

“หนูกับพี่เสี่ยวเฉ่ามาเดินเที่ยวค่ะ!” เด็กสาวตรงเข้าประเด็น

เธอมองลึกเข้าไปในแววตาอีกฝ่าย

เซี่ยหนานรีบโบกมือ ความหมายชัดเจนว่าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวล เสี่ยวเถียนก็คิดว่าตนคงเดาผิด

ต่อให้ท่านร้อนรนอยากรู้จักลูก แต่คงไม่น่าทำให้พี่เสี่ยวเฉ่าต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก

คนขับหนุ่มมีโอกาสพูดเสียที

“เดี๋ยวผมไปส่งพวกคุณที่โรงพยาบาลเอง ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง พวกคุณต้องการอะไรก็บอกผมได้ครับ”

ชายหนุ่มไม่ได้หนีความผิด และกล่าวอย่างกล้าหาญ

ตนเพิ่งฝึกขับรถมา วันนี้เพิ่งออกถนนเป็นครั้งแรก แต่จู่ ๆ ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเสียได้

เขาไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสได้แตะรถอีกแน่นอน

เซี่ยหนานไม่เป็นอะไร และใจนึกอยากปฏิเสธ

แต่พอเห็นเสี่ยวเฉ่า ตนถึงกับหุบปากลง

เด็กคนนี้ดูเจ็บมาก เธอต้องได้รับบาดเจ็บแน่ ๆ

งั้นไปโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าไม่เป็นอะไรจะได้สบายใจ

“เสี่ยวเฉ่าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? ไปให้หมอดูดีกว่าจะได้มั่นใจนะ!”

เซี่ยหนานมองด้วยสายตาเป็นห่วง ความรู้สึกปนเปกันไปหมด ทั้งเป็นห่วงทั้งโทษตัวเอง ไหนจะปวดใจและร้อนรนอีก

อารมณ์อันซับซ้อนทำเสี่ยวเฉ่ากลัว

ทำไมอาจารย์เซี่ยถึงรู้สึกผิดขนาดนี้?

ทั้งยังจะฉีกทึ้งตัวเองเป็นชิ้น ๆ แล้ว

แถมเรายังเพิ่งกินข้าวด้วยกันมื้อเดียวเอง จะสนิทกันขนาดนั้นเลยหรือ?

“ไม่หรอกค่ะ แค่ขีดข่วนนิดหน่อยเอง”

หญิงสาวรีบปฏิเสธ

เธอโตมาในหมู่บ้านชนบท แต่ไม่ได้ร้อนใจถึงขนาดต้องไปหาหมอด้วยแผลแค่นี้หรอกนะ

ไว้กลับบ้านไปหาผ้าก็อซมาพันก็พอ

ทว่าอีกสามคนคะยั้นคะยอจะพาไปให้ได้

สุดท้ายเธอก็ยอมไปจนได้

เซี่ยหนานบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ได้คิดจะให้หมอดูอะไร แต่ชายหนุ่มจ่ายค่ารักษาให้แล้ว เลยยอมให้หมอตรวจดู

โชคดีที่หลังจากตรวจคร่าว ๆ แล้วไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

แต่เสี่ยวเฉ่ามีปัญหานิดหน่อยเลยต้องรอตรวจสอบต่อ

“อาจารย์เซี่ย เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้…”

แม้จะคิดว่าเจ้าตัวไม่น่าทำร้ายซูเสี่ยวเฉ่า แต่ก็ยังลองเชิงถาม

เซี่ยหนานเข้าใจดีจึงรีบตอบ “เสี่ยวเถียน ถ้าฉันบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุจะเชื่อไหม?”เสี่ยวเถียนพยักหน้า “ขอแค่พูดออกมาหนูก็เชื่อค่ะ”

เธอไม่ได้เชื่อเพราะอีกฝ่ายคือเซี่ยหนาน แต่เชื่อในความจริงใจนั่นต่างหาก

เซี่ยหนานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เสี่ยวเถียน ฉันเสียใจจริง ๆ นะ ทำไมตอนนั้นถึงบอกว่าเสี่ยวเฉ่าได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยฉันด้วยนะ?”

“ถ้าไม่พูด เสี่ยวเฉ่าคงไม่เจ็บใช่ไหม?”

ความรู้สึกไม่สบายใจทำน้ำตาไหลออกมา

ไม่แปลกใจเลยที่คนบอกว่าอย่าพูดอะไรที่เป็นลาง ไม่งั้นสิ่งนั้นจะกลายเป็นจริง

เธอไม่อยากให้ลูกเป็นอะไรทั้งสิ้น

เด็กคนนั้นทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขาโตแล้วควรจะมีชีวิตที่ดีสิ

จากนี้ไปจะไม่ทำอะไรไม่ดีอีกแล้ว!

“แค่บังเอิญค่ะอาจารย์ ลองคิดอีกมุมดูอาจเป็นความปรารถนาของพระเจ้าหรือเปล่าคะ?”

เด็กสาวเห็นท่าทางเศร้า ๆ และคำพูดโทษตัวเองของอีกฝ่าย ทำให้เธอต้องรีบอธิบาย

แต่เซี่ยหนานดูจะไม่เข้าใจ

“หมายความว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่พระเจ้าหยิบยื่นให้ค่ะ ไว้พี่เสี่ยวเฉ่าออกมาอาจารย์ก็เสนอตัวว่าจะเป็นแม่บุญธรรมพี่เขาดูสิ”

สีหน้าคนฟังเปลี่ยนไปทันที

จริงด้วย อาจเป็นอย่างที่เสี่ยวเถียนบอกก็ได้นะว่ามันคือโอกาสที่พระเจ้ามอบให้มา

“ได้สิ ไว้ฉันจะลองพูดนะ” แม้น้ำตาจะยังไม่เหือดแห้ง แต่รอยยิ้มก็ปรากฏออกมาแล้ว

เสี่ยวเถียนมองอีกฝ่าย แต่ไม่ได้มองในแง่ดีเท่าไร

เสนอตัวก็เรื่องหนึ่ง แต่พี่เสี่ยวเฉ่ายอมรับหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

จากที่รู้จักมา เก้าในสิบส่วนคือไม่เอาด้วย

แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง ย่อมมีความหวังเสมอ

“ทุกอย่างกำลังไปในทิศทางที่ดีนะคะ แต่สำหรับพี่เสี่ยวเฉ่าคงไวไปหน่อย ให้เวลาเธอหน่อยนะ”

เสี่ยวเถียนกลัวอาจารย์จะทำให้พี่สาวตกใจ

ไม่นานการตรวจเป็นอันเสร็จสิ้น

เมื่อเห็นคนเป็นแม่พุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วหากบอกว่าเจ้าตัวไม่เป็นห่วงก็คงโกหก

“คุณหมอ เด็กคนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”

หมอบอกว่าเส้นเอ็นอักเสบนิดหน่อย ถึงไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่ก็ยังต้องได้รับการดูแลอย่างดี

เพื่อไม่ให้กระดูกแขนเคลื่อนจนส่งกระทบต่อบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บเลยเข้าเฝือกไว้

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ เธอต้องนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลไหมคะ?”

“ไม่จำเป็นครับ กรณีอยู่โรงพยาบาลคือกินไม่ได้นอนไม่หลับเท่านั้น อยู่พักที่บ้านดีกว่าครับ”

เซี่ยหนานเห็นด้วย และถ้าเสี่ยวเฉ่ากลับบ้าน หญิงสาวก็คงกลับไปบ้านซูอยู่แล้ว และเธอก็คงไปอยู่ดูแลลูกที่บ้านนั้นไม่ได้ตลอดทั้งวันหรอก

ซูเสี่ยวเฉ่าไม่ได้สังเกตเห็นความกระตือรือร้นของเซี่ยหนาน ในใจกำลังนึกบ่น

ทีแรกคิดว่าเจ็บนิดเดียว กลายเป็นว่าต้องเข้าเฝือกเฉยเลย ราคาเท่าไรเนี่ย