ตอนที่ 989 ท้องฟ้าเปลี่ยน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 989 ท้องฟ้าเปลี่ยน

“พี่ชายสาม…” ไป๋จิ่นถงเอ่ยเรียกไป๋ชิงฉี น้ำตาไหลพรากจนตาเริ่มพร่ามัว “ในที่สุดพี่ชายสามก็กลับมาแล้ว! พี่ชายสาม พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนที่ข่าวการเสียชีวิตของท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุงและท่านอาส่งกลับมา คนพวกนั้นต่างรุมรังแกพวกเรา! พี่หญิงใหญ่ประคับประคองตระกูลไป๋ให้ผ่านมาได้อย่างยากลำบากเพียงใด…”

ตั้งแต่ที่ออกเดินทางจากบ้านมาไกล ไป๋จิ่นถงไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง หญิงสาวเผชิญอันตรายมามากมายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่หลายครั้ง ทว่า ก็ยังยืนหยัดอดทนมาได้

ทว่า ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อเห็นหน้าพี่ชายสามนางจึงควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เช่นนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องที่พี่ชายสามยังมีชีวิตอยู่คือเรื่องที่น่าดีใจ ทว่า นางมีเรื่องที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมากมายอยากระบายให้พี่ชายสามฟัง

ทว่า บัดนี้นางโตแล้ว นางไม่ใช่เด็กสาวที่สามารถพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของพี่ชายสามได้อย่างไม่ต้องคิดสิ่งใดเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว มิเช่นนั้นนางคงอยากร้องไห้อย่างหนักในอ้อมกอดของพี่ชายสามอีกสักครั้ง

“พี่กลับมาช้าเกินไป พี่ต้องขอโทษเจ้าด้วย!” ไป๋ชิงฉีพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ทว่า เสียงของเขายังสั่นสะอื้นอยู่ดี

ไป๋จิ่นถงใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ทว่า ดวงตายังคงพร่ามัวอยู่ตามเดิม หญิงสาวกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ตอนนี้ไม่ได้มีท่าทีสุขุมเหมือนที่เคยเป็นแม้แต่น้อย

โคมไฟที่แขวนอยู่สี่มุมของตัวรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างโคลงเคลงส่องแสงสว่างริบหรี่ ไป๋ชิงฉีรินน้ำชาที่ชงไว้ให้ไป๋จิ่นถง จากนั้นกล่าวเสียงเบา “เจ้าไม่ควรอยู่ที่ซีเหลียงต่อ เฉินชิ่งเซิงจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว เมื่อกลับไปถึงจวนชุย เฉินชิ่งเซิงจะพาเจ้าไปยังกระท่อมปลายนาทางฝั่งตะวันตกของเมือง พรุ่งนี้เช้าเจ้าและเฉินชิ่งเซิงต้องเร่งออกเดินทางไปยังด่านชิวซานโดยเร็วที่สุด”

“แล้วพี่ชายสามเล่าเจ้าคะ” ไป๋จิ่นถงถาม

“พี่ยังมีเรื่องต้องทำในซีเหลียง พี่ให้เฉินชิ่งเซิงนำจดหมายฉบับหนึ่งไปมอบให้แม่ทัพเสิ่นคุนหยาง เมื่อพวกเจ้าไปถึงด่านชิวซานจงมอบจดหมายให้เขา ให้แม่ทัพเสิ่นคุนหยางทำตามแผนที่พี่บอกได้เลย!”

“พี่ชายสาม…” ไป๋จิ่นถงเม้มปากแน่น “ข้าทราบดีว่าพี่ชายสามเป็นห่วงความปลอดภัยของข้า ทว่า ข้ายังจากไปไม่ได้เจ้าค่ะ หากข้าจากไปตอนนี้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงและตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลอาจระบายความโกรธลงที่กิจการของตระกูลชุย ข้าดำเนินกิจการของตระกูลชุยมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลไป๋ลงเงินไปกับกิจการเหล่านี้มาก ตอนนี้พวกเรากำลังจะได้กำไรมหาศาลคืนมาแล้วเจ้าค่ะ”

แววตาของไป๋จิ่นถงหนักแน่น “ต่อให้ซีเหลียงจะเกิดความวุ่นวาย ทว่า สิ่งที่ควรเป็นของเรา เราก็ควรจะนำกลับมาทั้งหมดเจ้าค่ะ พี่ชายสามเชื่อใจข้านะเจ้าคะ”

ไป๋ชิงฉีรู้มาจากปากของเฉินชิ่งเซิงแล้วว่าไป๋จิ่นถงเผชิญกับสิ่งใดมาบ้างหลังจากจากบ้านมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่พี่ชายอย่างพวกเขาไม่อยู่แล้ว น้องสาวของเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วหลายครั้ง

ไม่ว่าพี่หญิงใหญ่หรือบรรดาน้องสาวของเขาล้วนปกป้องตระกูลไป๋ด้วยชีวิตของพวกนางเอง

จู่ๆ ไป๋ชิงฉีก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่กลับมาให้เร็วกว่านี้

ไม่นานไป๋ชิงฉีจึงกล่าวขึ้น “ได้ พวกเราพี่น้องร่วมแรงร่วมใจช่วยต้าโจวยึดครองซีเหลียงให้ได้”

จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงปล่อยตัวชุยเฟิ่งเหนียนออกมาจากคุกเพราะต้องการให้ชุยเฟิ่งเหนียนช่วยควบคุมราคาเสบียงอาหารให้กลับมาเป็นปกติ

ทว่า อาจเป็นเพราะเคยเผชิญกับสถานการณ์ที่ราคาเสบียงขึ้นสูงเป็นเท่าตัว เมื่อร้านค้าลดราคาเสบียงอาหารลงแม้เพียงเล็กน้อย ชาวบ้านต่างกรูกันเข้าไปแย่งซื้อเสบียงทันที

ชุยเฟิ่งเหนียนปรึกษากับตระกูลทั้งแปดให้ลดราคาเสบียงอาหารลงทุกวันด้วยราคาที่เท่ากัน

เมื่อลดราคาต่อเนื่องสามวัน ชาวบ้านจึงเริ่มซื้อเสบียงอาหารน้อยลง

เมื่อราคาลดลงในวันที่ห้า ชาวบ้านที่แย่งซื้อเสบียงอาหารในราคาที่สูงทันในตอนแรกต่างรู้สึกเสียดายมาก พวกเขารู้สึกว่าสิ้นเปลือง พวกเขาไม่คิดกักตุนอาหารจำนวนมากเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ไป๋จิ่นถงรู้ว่าหลี่จือเจี๋ยเดินทางไปเจรจาทำสัญญาพันธมิตรกับต้าโจว หรงตี๋กำลังจะทำสงครามกับซีเหลียง ต้าโจวต้องเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน แน่นอนว่าต้าเยี่ยนต้องถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไป๋จิ่นถงต้องหาทางทำให้เสบียงอาหารของซีเหลียงเกิดปัญหาโดยเร็วที่สุด

ขณะที่ไป๋จิ่นถงกำลังคิดว่าจะยุยงให้ตระกูลสูงศักดิ์แปดตระกูลไปซื้อเสบียงอาหารจากชาวบ้านมาเก็บไว้เองอย่างไรดี นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลฉีซึ่งเป็นผู้นำของตระกูลทั้งแปดจะมาขอพบนางที่จวนก่อนเช่นนี้ เขาอ้างว่ามาเยี่ยมชุยเฟิ่งเหนียนที่ถูกขังคุกเป็นเวลานาน ทว่า แท้จริงแล้วเขากำลังไม่พอใจที่ไป๋จิ่นถงลดราคาเสบียงอาหารลง

ไป๋จิ่นถงถือโอกาสนี้บอกให้คนตระกูลฉีรับซื้อเสบียงอาหารจากชาวบ้านในราคาที่ต่ำกลับมาไว้ที่ตัวเองเช่นเดิม “บัดนี้ราคาเสบียงอาหารต่ำลงเรื่อยๆ กระทั่งต่ำลงกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ชาวบ้านที่ไปเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่มีทางเก็บเสบียงอาหารที่ราคาต่ำลงทุกวันไว้ในมือของตัวเองแน่ ทว่า หากจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงทราบเรื่องนี้เข้า พวกเราคงทำไม่สำเร็จ”

คนตระกูลฉีกล่าวยิ้มๆ จากนั้นยกชาขึ้นจิบพลางกล่าวขึ้นช้าๆ “บัดนี้คนทั้งแปดตระกูลล้วนมีส่วนร่วมในการค้านี้ ขอเพียงพวกเราทั้งแปดตระกูลไม่อยากให้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงทราบ นางจะไม่มีวันทราบเด็ดขาด…”

ไป๋จิ่นถงก้มหน้ายิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวต่อ “ทว่า กงสิงก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดีขอรับ ตอนนี้หรงตี๋กำลังจ้องโจมตีซีเหลียงตาเป็นมัน ซีเหลียงยังไม่ได้ทำสัญญาผูกมิตรกับต้าโจว หากซีเหลียงเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ การหาเงินด้วยวิธีเช่นนี้อาจทำให้ซีเหลียงพ่ายแพ้สงครามได้ขอรับ”

คนตระกูลฉีใช้ฝาน้ำชากดใบชาที่ลอยเหนือน้ำชาให้จมลงไปในชา จากนั้นหันไปมองไป๋จิ่นถงนิ่ง

ไป๋จิ่นถงรีบยกมือคารวะยิ้มๆ “สหายฉีได้โปรดเข้าใจข้าด้วย กงสิงเป็นพ่อค้า หากซีเหลียงล่มสลาย หากไม่มีชายแดนระหว่างซีเหลียงและต้าโจว หรงตี๋หรือต้าเยี่ยน กิจการของข้าคง…”

ตระกูลฉีสัมผัสได้ว่าไป๋จิ่นถงไม่มีพิษมีภัยใดๆ เป็นเพียงพ่อค้าที่เห็นแก่ผลประโยชน์คนหนึ่ง เขาจึงบอกให้ไป๋จิ่นถงรับรู้เป็นนัยๆ “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ครั้งนี้เจ้าช่วยเหลือตระกูลทั้งแปด วันหน้ากิจการของเจ้าในซีเหลียงจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน”

“สหายฉีได้โปรดอธิบายให้ข้าเข้าใจสักนิดเถิดขอรับ” ไป๋จิ่นถงโค้งกายคำนับด้วยท่าทีนอบน้อมที่สุด “ข้าจะได้หายสงสัยขอรับ”

คนตระกูลฉีหัวเราะออกมาเบาๆ เขาวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าเคยเห็นครั้งใดที่ตระกูลทั้งแปดตระกูลของซีเหลียงสามัคคีกันเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ พวกเราทั้งแปดตระกูลล้วนเป็นคนซีเหลียง พวกเราคนใดอยากให้ซีเหลียงตกเป็นของแคว้นอื่นบ้าง หากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ อำนาจของพวกเราทั้งแปดตระกูลคงตกเป็นของผู้อื่นแน่! ดังนั้นเจ้าฟังและเก็บไว้ในใจให้ดีว่าพวกเราทั้งแปดตระกูลไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

คนตระกูลฉีกล่าวจบจึงลุกขึ้นยืนพลางกล่าวกับไป๋จิ่นถง “แผนการของเจ้าดีมาก หากเรื่องนี้สำเร็จ วันหน้าเจ้าจะได้รับผลตอบแทนอย่างงามแน่นอน”

มองส่งคนตระกูลฉีขึ้นรถม้าจากไป ไป๋จิ่นถงจึงเดินกลับเข้าไปในจวน สีหน้าของหญิงสาวเคร่งขรึมลงทันที เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถงก็เห็นไป๋ชิงฉีนั่งอยู่กลางห้องโถงแล้ว ไป๋จิ่นถงกล่าวขึ้น “พี่ชายสาม ท้องฟ้าของซีเหลียงกำลังจะเปลี่ยนแปลงแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงฉีพยักหน้า

ตั้งแต่ที่คนตระกูลฉีกล่าวว่าแปดตระกูลไม่เคยสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านี้มาก่อน ไป๋ชิงฉีและไป๋จิ่นถงก็รับรู้แล้วว่าสถานการณ์ในซีเหลียงกำลังจะเปลี่ยนไป

ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดทำเช่นนี้เพราะต้องการดึงจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงลงมาจากบัลลังก์ จากนั้นให้คนใหม่ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์นั้นแทน

การกระทำต่างๆ ของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงทำลายผลประโยชน์ของตระกูลทั้งแปดไปมากพอแล้ว

*************************