ภาค 1-2 บทที่ 175

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 2 บทที่ 175 ท่านรักษา ข้าดู
บทที่ 175 ท่านรักษา ข้าดู
โดย
Ink Stone_Romance
คนบนถนนแห่แหนรวมตัวไปยังทิศทางหนึ่ง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ท่านหมอเฒ่าเฝิงต้องการให้ท่านหมอของโรงหมอจิ่วหลิงรักษาโรค”

“ท่านหมอของโรงหมอจิ่วหลิงโบ้ยว่าท่านหมอเฒ่าเฝิงรักษาหายดีได้ คนป่วยเลยทำร้ายท่านหมอเฒ่าเฝิง”

หลังคำถามคำตอบแพร่กระจาย คนที่ตามมาบนถนนก็ยิ่งมากขึ้นด้วย จนกระทั่งมาถึงด้านหน้าจวนเรือนหลังหนึ่ง

ตระกูลใหญ่บ้านใหญ่โตหลังนี้ ยามเฝ้าประตูที่ได้ข่าวแล้วเตรียมป้องกันอย่างเคร่งเครียด ขวางชาวบ้านที่ตามมาไว้นอกตรอก แต่บรรดาชาวบ้านไม่ได้แยกย้ายกันไปแค่นี้ ตรงกันข้ามยิ่งรวมยิ่งมากวิพากษ์วิจารณ์ชี้มือชี้ไม้อยู่นอกตรอก

เทียบกับเสียงโหวกเหวกด้านอก ในจวนของตระกูลกลับเงียบสงบยิ่งนัก เพียงแต่ความเงียบสงบนี้ยังพาความเคร่งเครียดอยู่บ้างมาด้วย

ผู้ชายหลายคนถลึงตามองท่านหมอเฒ่าเฝิง

“เจ้าผู้เฒ่ายังกล้าสร้างเรื่องอีก” ผู้ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำเอ่ยชิงชัง “พวกเราพังร้านของเจ้ามีอันใดไม่ถูก? เจ้าดูสิเจ้ารักษานายหญิงบ้านข้า กระทั่งถนนหนทางก็เดินไม่ได้แล้ว”

ท่านหมอเฒ่าเฝิงโกรธจนตัวสั่น

“ล้มขาหัก เวลาสั้นๆ อยากลุกขึ้นมาวิ่งได้หรือ? นั่นเทพเซียนถึงทำได้ พวกเจ้าไม่ควรมาหาหมอ ไปหาเทพเซียนนู่น” เขาตวาด

บรรพบุรุษของเขาเป็นหมออยู่ที่เมืองหลวง ชาวบ้านในเมืองไม่ว่ายากจนต่ำต้อยล้วนจริงใจอ่อนโยนด้วย ไม่เคยได้รับคำพูดเลวร้ายเกี่ยวกับหมอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกระทำเลวร้ายอย่างพังร้านมาก่อน ล้วนเป็นเพราะคุณหนูจวินคนนี้พูดดั่งประกาศิตแบบนั้น ทำให้ทุกคนกลายเป็นใจร้อนแคลงใจไปหมด

“เวลาสั้นๆ อะไร นี่นานมากแล้ว”

“เฝิงซื่อลิ่ว หากไม่ใช่เห็นแก่หน้าเจ้าที่มีชื่อเสียงเฟื่องฟูมานาน พวกเราพังร้านเจ้าไปนานแล้ว”

มองเห็นสองฝ่ายกำลังจะทะเลาะกัน คุณหนูจวินจึงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง

“ดูคนป่วยก่อนเถิด” นางเอ่ย

“คุณหนูจวิน ท่านก็มีส่วนผิด” ชายวัยกลางคนผู้นั้นมองคุณหนูจวินสีหน้าไม่พอใจ “ตรวจอาการ ตรวจอาการก็ควรมาตรวจอาการ เพียงฟังอาการจะบอกว่าผู้อื่นรักษาหายดีได้อย่างไร”

“เอาล่ะ” คุณหนูจวินไม่ได้โต้แย้ง สีหน้าอ่อนโยน “ข้าขอดูคนป่วยก่อน”

ชายวัยกลางคนแค่นเสียงเหอะ สะบัดแขนเสื้อเดินนำ คุณหนูจวินตามไป ท่านหมอเฒ่าเฝิงก็พาสีหน้ากรุ่นโกรธตามไปด้วย

คนเจ็บเป็นหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง เวลานี้นอนอยู่บนเตียงสีหน้าซีดเซียว แม้ไม่มีโรคอื่น แต่ความทรมานที่เดินไม่ได้เช่นนี้ก็ทรมานคนให้เป็นไม่สู้ตาย เมื่อเห็นท่านหมอเฒ่าเฝิง นางก็คว้าถ้วยชาหัวเตียงเขวี้ยงมา

“เจ้าสารเลวทำร้ายข้าเป็นเช่นนี้” นางเอ่ยด่า

ท่านหมอเฒ่าเฝิงหากไม่ใช่ต้องการดูให้เห็นกับตาว่าคุณหนูจวินคนนี้รักษาคนป่วยหายดีอย่างไร คงหันจากไปแล้วแน่นอน

“นายหญิง ท่านทำเช่นนี้ไม่ถูกแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ยอย่างอ่อนโยน พลางก้าวข้ามถ้วยชาที่แตกกระจาย “อาการบาดเจ็บที่ขาของท่านย่อมไม่ใช่เพราะท่านหมอเฒ่าเฝิงทำร้าย”

ท่านหมอเฒ่าเฝิงหัวเราะหยัน ต้องให้เจ้ามาเสแสร้งรึ

“ยังมีเจ้า เจ้ารักษาได้ทำไมเจ้าไม่รักษา ไม่ใช่แค่เงินรึ?” นายหญิงคนนั้นมองนางยิ้มหยันอีก “มานี่สิ ให้เงินนาง พันตำลึง สองพันตำลึง ต้องการเท่าไรก็ให้เจ้าเท่านั้น”

หญิงรับใช้สองข้างสีหน้ากระอักกระอ่วน เพียงก้มหน้า ชายวัยกลางคนไม่ได้เอ่ยวาจากอันใด แค่ยิ้มหยันเช่นกัน

“อาการบาดเจ็บที่กระดูกเช่นนี้ทำให้คนอารมณ์เกรี้ยวกราดได้มากที่สุด แสดงอารมณ์โกรธออกมาได้ก็ดีแล้ว บ่งบอกว่าเรี่ยวแรงยังดีนัก” คุณหนูจวินเอ่ย ยิ้มก้าวขึ้นไปข้างหน้า “ข้าขอดูขาของนายหญิง”

นายหญิงแค่นเสียงเหอะทีหนึ่ง พลันหลั่งน้ำตาอีกครั้ง หญิงรับใช้ด้านข้างรีบส่งผ้าเช็ดหน้าไป นางเช็ดน้ำตาเอียงศีรษะ

หญิงรับใช้เข้าใจความหมาย ดึงกระโปรงนายหญิงเผยขาออกมา

บนขาแผ่นไม้ขนาบอยู่ ห่อยาทาหนาเตอะไว้

“ตอนนั้น…” หญิงรับใช้อธิบายกระบวนการที่ได้รับบาดเจ็บ พูดยังไม่ทันจบ คุณหนูจวินก็ก้าวถอยไม่ดูแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบแค่มองทีเดียวล่ะมั้ง นี่เสร็จแล้ว? หญิงรับใช้ตะลึงคำพูดต่อไปก็หยุดไปแล้ว

“ประคองนายหญิงลงมาเดินให้ข้าดูหน่อย” คุณหนูจวินเอ่ยอีก

“เดินไม่ไหวแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้เอ่ย แล้วมองท่านหมอเฒ่าเฝิงอีก “ท่านหมอเฒ่าเฝิงก็เคยกำชับว่าไม่ให้เดิน”

ท่านหมอเฒ่าเฝิงแค่นเสียงเหอะ

“ตอนนี้ฟังข้าทำอะไร?” เขาเอ่ยไม่สบอารมณ์

“เดินไม่ไหวยืนสักหน่อยก็ได้” คุณหนูจวินยังไม่ถือสาเอ่ยขึ้น

ชายวัยกลางคนกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง บรรดาหญิงรับใช้เข้าใจรีบก้าวเข้าไปพยุงนายหญิงลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง เมื่อนายหญิงลุกขึ้นก็ส่งเสียงครวญครางไม่หยุด คุณหนูจวินมองสีหน้า การเคลื่อนไหวของนางอย่างละเอียด

บางทีคนอื่นอาจไม่สังเกต ท่านหมอเฒ่าเฝิงกลับสังเกตเห็น ทั้งรู้ว่าตอนนี้นางกำลังมองตรวจอาการ

นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง คนป่วยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ต้องมองตรวจอาการอะไร บรรดาผู้หญิงเรือนในเหล่านั้นประกาศไปทั่วไม่ใช่หรือเพราะนางเป็นผ้หญิงดูฟังถามจับสะดวก นอกจากนี้นี่ยังเป็นกระดูกบาดเจ็บ กระดูกบาดเจ็บที่สำคัญที่สุดคืออาศัยมือแตะต้องตรวจอาการบาดเจ็บรวมถึงจัดกระดูก

แม้ชายหญิงแตกต่าง แต่เวลารักษาคนเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงผิวหนังแตะต้องกันได้ ในฐานะผู้หญิง นางทำเรื่องนี้ไม่ใช่ยิ่งสะดวกหรือ นางกลับแม้กระทั่งมือก็ยังไม่ยื่นไป เพียงยืนอยู่ตรงนั้นมองดู

คงตั้งใจทำท่าให้ดูวิเศษสินะ

ท่านหมอเฒ่าเฝิงยิ้มหยัน นี่มีอะไรแตกต่างจากพวกผู้หญิงกับพระสงฆ์แม่ชีเหล่านั้น เขาบ่ายหน้าคร้านจะดูต่อ

คุณหนูจวินมองนายหญิงที่เดินไม่ได้จริงๆ สีหน้ายิ่งทรมานขึ้นทุกทีก็ไม่บังคับอีก เชิญนางนอนลงอีกครั้ง

“คุณหนูจวิน เป็นอย่างไร?” หญิงรับใช้ข้างกายทนไม่ไหวเอ่ยถามอีกครั้ง “ท่านจะดูไหมเจ้าคะว่ากระดูกนี่ต่อกันหรือยัง?”

ขาที่หักเพราะหกล้มชนก้อนหินข้างหนึ่ง ไม่ใช่คนจงใจตีให้เสีย เขาเป็นหมอมาครึ่งชีวิต แม้กระทั่งเช่นนี้ยังต่อไม่ได้หรือ? ท่านหมอเฒ่าเฝิงได้ยินโกรธ ถลึงตาอีกครั้ง

มีชีวิตมาครึ่งชีวิตแล้ว เพราะคำพูดไม่มีที่มาประโยคหนึ่งของแม่นางน้อยคนหนึ่ง เขาก็ถูกคนคลางแคลงส่งเดชเหมือนกับหมอเพิ่งออกจากสำนักคนหนึ่ง ฝันก็คิดไม่ถึงจริงๆ

คุณหนูจวินยิ้มส่ายศีรษะ

“แน่นอนต่อดีแล้ว” นางเอ่ย “ท่านหมอเฝิงต่อดีมาก อาการบาดเจ็บรักษาได้ดีมาก”

คำพูดนี้หมายความว่าอะไร? คนที่อยู่ที่นั่นตะลึงไปเล็กน้อย

“ความหมายของข้าคือท่านหมอเฝิงรักษาโรคนี้ได้ นอกจากนี้รักษาได้ดีมาก” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ “โรคนี้ไม่ต้องให้ข้ารักษา”

ได้ยินคำนี้ นายหญิงบนเตียงก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาทันที

ท่านหมอเฒ่าเฝิงก็ยิ้มหยันด้วย

“เจ้าไม่ต้องพูดจาน่าฟัง แล้วเจ้าก็ไม่ต้องชมข้า ข้าพูดเอง อาการบาดเจ็บที่ขานี้ข้ารักษาไม่ได้” เขาเอ่ย “เจ้ารักษาสิ เชิญเจ้ารักษา”

คุณหนูจวินครุ่นคิดครู่หนึ่ง

“เอาอย่างนี้แล้วกัน รบกวนท่านหมอเฒ่าเฝิงแสดงให้ข้าดูรอบหนึ่งว่าต่อกระดูกอย่างไร ข้าจะดูสิว่าวิธีเหมือนกับข้าหรือไม่” นางเอ่ย “แบบนี้ก็พอดีสะดวกตัดสินว่าข้าจะรักษาหรือไม่รักษา”

นี่ต้องการให้เขาแสดงฝีมือหรือ?

ท่านหมอเฒ่าเฝิงแค่นเสียงเหอะ

“ได้สิ” เขาเอ่ย “ข้าสอนจระเข้ว่ายน้ำแล้ว”

เขาพูดจบก็ก้าวเข้าไป หญิงรับใช้เลิกกระโปรงเผยขาอีกครั้ง ท่านหมอเฒ่าเฝิงยื่นมือลอยบนขาที่บาดเจ็บซึ่งห่อด้วยแผ่นไม้กับยาทาอยู่

“ก่อนอื่นดัน…” เขาขยับพลาง เอ่ยพลาง

เพิ่งพูดออกมาประโยคหนึ่งก็ถูกคุณหนูขัดแล้ว

“แบบนี้เห็นไม่ชัด ไม่สู้เอาแผ่นไม้ยาทาออกไป แสดงบนขา” นางเอ่ย

วุ่นวายจริงเชียว ท่านหมอเฒ่าเฝิงยิ้มหยันอีกครั้ง แต่เขาอะไรก็ไม่พูดทั้งนั้น ยื่นมือถอดแผ่นไม้จริงๆ ปลดผ้ายาทาผืนหนาที่ห่อไว้ออก เผยขาดำปิดปี๋ที่ถูกยาทาย้อม

“หนึ่งสำรวจ สองดัน” เขาวางมือบนขาของนายหญิง เคลื่อนไหวจำลองเบาๆ ไม่ใช่แรง

นี่เป็นวิชาลับการจัดกระดูกของตระกูลเฝิงของพวกเขา แต่เขาย่อมไม่กลัวคุณหนูจวินคนนี้ร่ำเรียนไป

วิชาลับเช่นนี้ก็ไม่ใช่มองดูไม่กี่ทีก็เรียนรู้ได้

คุณหนูจวินดูอย่างตั้งใจยิ่งนัก พยักหน้า

“หากข้าทำก็เป็นเช่นนี้” นางเอ่ย พลางยื่นมือชี้จุดหนึ่งบนขา “ต่อไปต้องนวดตรงนี้ใช่หรือไม่”

ท่านหมอเฒ่าเฝิงหน้าบึ้งเคลื่อนมือมาถึงตรงที่นางชี้

“ไม่ใช่ ที่นี่ไม่ต้องนวด แต่ต้องกด…” เขาเอ่ย

มือของคุณหนูจวินยื่นเข้ามา กดบนมือของเขาราวกับประหลาดใจอยู่บ้าง ฉับพลันกดลงไป

“กดเช่นนี้หรือ?” นางเอ่ยถาม

ฉับพลันทันใดกดลงไป ทำให้นายหญิงส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา คนในห้องล้วนสะดุ้งโหยง ท่านหมอเฒ่าเฝิงก็ตกใจสะดุ้งด้วย

“เจ้า…” เขาเอ่ย คำเพิ่งออกจากปาก คนก็พลันแข็งทื่อ สีหน้าฉับพลันไม่อยากเชื่อ ในเวลาเดียวกันบนหน้าผากเม็ดเหงื่อชั้นหนึ่งก็ผุดออกมาทันที

เกิด อะไร ขึ้น?

กระดูกตรงนี้ทำไมยังหักอยู่?

……………………………………….