ตอนที่ 256-1 ถูกจับได้ จุดจบ

ค่ำคืนนี้ดวงจันทร์งดงามไม่เลว อี้เชียนอินเดินเตร็ดเตร่ทั่วปราสาทเฮ่อหลัน ชนเผ่าถ่าน่าเป็นสถานที่แปลกประหลาดยิ่งนัก ในปราสาทของพวกเขาไม่มีขันที แล้วยังไม่แบ่งแยกชายหญิงเคร่งครัดเหมือนเช่นจงหยวน พวกเขาทุกคนล้วนพักอยู่ในตำหนักของเฮ่อหลันชิง เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในเรือนหลังเดียวกันเท่านั้น ถึงกระนั้นพวกเขาก็เข้าออกเรือนเล็กได้อย่างอิสระ สำหรับอี้เชียนอินผู้ปรารถนาจะบังเอิญพบเฮ่อหลันชิงอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นเรื่องที่เข้าทางอย่างยิ่งจริงๆ

อี้เชียนอินเดินเที่ยวเล่นอย่าง‘ไม่ทันระวัง’ จึงเตร่เข้ามาในเรือนข้างหลังน้อยแห่งหนึ่ง

ดึกป่านนี้แล้ว ทั้งหมิงซิวยังไม่ได้เรียกพบเขาด้วย หากถูกพบเข้าสมควรจะอธิบายอย่างไรดี

มาหานายน้อยเพราะมีธุระหรือ

ธุระอะไรดีเล่า

อี้เชียนอินลูบคาง รู้สึกเศร้าใจยิ่งนักที่หาข้ออ้างอันสมบูรณ์แบบไม่ได้

ระหว่างที่ถอนหายใจ อี้เชียนอินก็ได้กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ตุ๋นอันหอมจรุงใจ

นี่ละ บอกว่าตนเองได้กลิ่นหอมจึงเดินมาขอดื่มสักคำ!

ตอนดื่มน้ำแกงก็รอเฮ่อหลันชิงไปพลางๆ ไม่ได้พบจะไม่ยอมกลับเด็ดขาด!

ครุ่นคิดจบ อี้เชียนอินก็เดินอาดๆ เข้ามาในห้องครัว เพิ่งจะก้าวพ้นธรณีประตูก็เห็นหญิงสาวอยู่ในห้องครัวด้วย นางกำลังก้มตัวเหมือนกำลังมองยาอยู่ แต่นางคงจะเห็นเงาของอี้เชียนอินจึงยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหันมามองเขา ยิ้มน้อยๆ ถามว่า “คุณชายอี้มาหรือ”

ได้ยินว่ามีคนมา หญิงรับใช้ที่นั่งกินอยู่หลังเตาก็วางชามลงแล้วลุกขึ้นยืนในทันใด

อี้เชียนอินมองหญิงรับใช้ จากนั้นก็มองหญิงสาว เขากวาดมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “เมื่อครู่เจ้าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ กำลังทำอะไรอยู่กันแน่”

หญิงสาวหัวเราะอย่างประหลาดใจ “เปล่านะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”

อี้เชียนอินขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างแปลกใจ แล้วยื่นนิ้วออกมาชี้หม้อยา “เมื่อครู่ข้าเห็นมือเจ้าอยู่ตรงนี้ชัดๆ”

หญิงสาวทำสีหน้างงงวย “คุณชายอี้ ท่านคงมองผิดแล้วกระมัง ข้าไม่ได้แตะหม้อยาเลย”

อี้เชียนอินมองนางอย่างระแวง พลางเดินวนรอบหม้อยารอบหนึ่ง พอก้าวมาตรงหน้านาง นางก็ถูกบีบให้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว อี้เชียนอินหยุดฝีเท้า สายตาจับอยู่บนหม้อยาอยู่เนิ่นนานก่อนจะกลับไปจับจ้องใบหน้าของนางอีกหน “ไม่ได้ทำอะไรจริงหรือ”

หญิงสาวแย้มรอยยิ้ม “ไม่ได้ทำเจ้าค่ะ คุณชายอี้ ไม่เชื่อท่านก็ลองถามแม่นางคนนี้ดู เมื่อครู่ข้ายุ่งวุ่นวายอยู่ตลอด ไหนเลยจะเวลาว่างมาดูยาของนายท่านเฉียวเล่า”

กินของผู้อื่นแล้วย่อมไม่กล้าแฉผู้อื่น หญิงรับใช้ไม่สะดวกใจจะเอ่ยขัดหญิงสาว ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวก็ยุ่งตรงนั้นยุ่งตรงนี้อยู่จริงๆ ไม่เหมือนว่าจะเล่นตุกติกกับหม้อยา หญิงรับใช้จึงเอ่ยว่า “คุณชายอี้ แม่นางยุ่งอยู่จริงๆ”

สายตาระแวงของอี้เชียนอินกวาดมองบนร่างหญิงสาว เขาไม่มีความรู้ดีใดๆ ให้ต้นหญ้ายอดกำแพงนางนี้ ในความคิดของเขาการทรยศมีเพียงศูนย์ครั้งกับนับไม่ถ้วนครั้ง หากทรยศหนหนึ่งแล้วก็เชื่อไม่ได้อีกตลอดไป

อี้เชียนอินเอื้อมมือเปิดฝาหม้อยา อี้เชียนอินผู้สิบนิ้วไม่เคยแตะงานบ้านงานเรือนถูกฝาหม้อร้อนจัดลวกในพริบตา เขาปล่อยมือ ฝาหม้อร่วงลงมากระแทก

“ท่านไม่เป็นอะไรนะ” หญิงสาวถือไม้เท้า เดินเข้ามาหาอย่างเป็นห่วงเป็นใย

อี้เชียนอินหลบมือของนางอย่างรำคาญ “อย่ามาแตะข้า!”

หญิงสาวถอยกลับไปที่เดิมอย่างคับแค้นใจ

อี้เชียนอินสะบัดนิ้วที่ถูกลวกจนแดงแล้วเพ่งมองหม้อยาอีกหน คราวนี้เขาเรียนรู้แล้ว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมาพันมือไว้แล้วเปิดฝาหม้อออก หลังจากนั้นเขาก็เห็นผงสีขาวสองสามจุดอยู่บนขอบหม้อยา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ถามหญิงสาวว่า “นี่คืออะไร”

หัวใจของหญิงสาวกระตุกวูบ นางกำไม้เท้าแน่นแล้วตอบว่า “ข้าไม่ทราบ”

“เจ้าไม่ทราบหรือ” อี้เชียนอินถามอย่างเย็นชา

หญิงสาวกดความตระหนกลนลานในหัวใจลงไป แล้วตอบด้วยสีหน้าปกติ “ข้าไม่รู้จริงๆ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้แตะหม้อยาแม้แต่น้อย”

อี้เชียนอินจึงบอกว่า “เจ้าไม่ได้แตะแล้วของสิ่งนี้มาจากที่ใด”

หญิงสาวทำหน้าเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามาจากที่ใด คุณชายอี้กำลังสงสัยว่าข้าเทยาพิษลงในยาหรือ”

นางทำท่าเหมือนถูกข่มเหงรังแก พูดไปๆ ดวงตาก็แดงก่ำ

อี้เชียนอินว่าอย่างรำคาญ “ไม่ต้องงัดลูกไม้ที่เอาไว้ใช้หลอกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยนั่นมาหลอกข้า! หน้าตาธรรมดาดาษดื่นอย่างเจ้า นายน้อยอย่างข้าไม่คิดจะแลแม้แต่ปลายนิ้ว!”

หญิงสาวสูดจมูก นางหมุนตัวไปหยิบช้อนคันหนึ่งขึ้นมาตักน้ำยาสีดำสนิท จากนั้นมองอี้เชียนอินอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วแหงนหน้าดื่มยาเข้าปากท่ามกลางสายตาเย็นชาของอี้เชียนอิน เสร็จแล้วก็เอ่ยว่า “ครานี้ท่านคงจะไม่ว่าอะไรแล้วกระมัง”

อี้เชียนอินยังมองนางอย่างระแวง นางสบสายตาพินิจพิจารณาของอี้เชียนอินอย่างไร้ความหวั่นกลัว นัยน์ตาของอี้เชียนอินวูบไหว หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วจุ่มลงในน้ำ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ดึงเข็มเงินขึ้นมา สีของเข็มเงินไม่เปลี่ยน

หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงจริงใจ “คุณชายอี้ ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยทำเรื่องที่ผิดต่อทุกคน แต่ข้ากลับตัวกลับใจแล้ว ยามนี้ชีวิตของข้าถูกผูกติดอยู่กับนายหญิงน้อย นางให้ข้าไปตะวันออก ข้าย่อมมิกล้าไปตะวันตก นางให้ข้าลงใต้ ข้าย่อมไม่กล้าขึ้นเหนือ ข้าจะทำเรื่องอย่างการวางยาพิษเหอจั๋วได้เช่นไร ต่อให้ข้ามีความกล้าถึงเพียงนั้นจริง แต่ข้ามีโอกาสทำสำเร็จหรือ อาหารของเหอจั๋วล้วนมีคนใช้เข็มเงินตรวจสอบ มีหญิงรับใช้คอยชิมโดยเฉพาะ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดถูกยกไปถึงโต๊ะของเหอจั๋วได้อย่างแน่นอน หากข้าวางยาพิษเหอจั๋วจริง เกรงว่ายังไม่ทันถึงมือเหอจั๋วก็ถูกคนจับได้แล้ว”

สิ่งที่นางพูดมีเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ เหอจั๋วสูงส่งเป็นถึงผู้นำแห่งเผ่าถ่าน่า อาหารการกินที่อยู่อาศัยของเขาจำเป็นต้องระวังแล้วระวังอีก หากลงมือสำเร็จได้ง่ายดายปานนั้นจริง เหอจั๋วก็คงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้แล้ว

แต่บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด อี้เชียนอินจึงรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ไม่น่าไว้ใจ!

หญิงสาวเหมือนจะมองความสงสัยของอี้เชียนอินออก นางก้มหน้าเอ่ยว่า “ข้ามาต้มน้ำแกงไก่ตุ๋นให้พี่เยี่ยน วันนี้เขาได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงอยากบำรุงร่างกายเขา”

อี้เชียนอินมองนางด้วยแววตาเย็นชา เขาหาตะกร้าน้อยมาใบหนึ่งแล้วใส่หม้อยาทั้งใบเข้าไป หลังจากนั้นก็หิ้วตะกร้า บอกกับนางว่า “เจ้าบริสุทธิ์หรือไม่ รอข้าถามฮูหยินน้อยกับจีอู๋ซวงเสร็จก็จะได้รู้กัน”

แววตาของหญิงสาวสั่นไหว!

อี้เชียนอินหิ้วตะกร้าออกจากห้องครัวไปโดยไม่หันหลังกลับมา

หญิงสาวไล่ตามไปจนถึงประตู พอเห็นแผ่นหลังของเขาค่อยๆ ไกลออกไป ดวงตาก็ฉายแววเหี้ยมเกรียม ปลายนิ้วขยับ เข็มทองหลายเล่มหล่นลงมาตรงซอกนิ้ว นางยกมือขึ้นเล็งไปยังหลังศีรษะของอี้เชียนอิน หนึ่งก้าว สองก้าว…

ในตอนที่อี้เชียนอินกำลังจะเลี้ยวไปยังระเบียงทางเดิน หญิงสาวก็ขยับข้อมือหมายจะจู่โจมอี้เชียนอินในครั้งเดียว ทว่าทันใดนั้นเองเฮ่อหลันชิงก็เดินออกมาจากบ่ออาบน้ำ เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทั้งร่างของนางจึงนุ่มชุ่มชื้น ผิวนวลเนียนเป็นประกาย ลำคอระหงงดงามดั่งหงส์ขาว เส้นผมดำขลับประหนึ่งสีเขียนคิ้วสยายอยู่บนร่าง ขับเน้นให้เรือนร่างของนางราวกับสลักมาจากหยก ริมฝีปากแดงยั่วยวนเผยอเล็กน้อยแลดูเย้ายวนเหลือประมาณ

อี้เชียนอินก้าวเท้าไม่ออกในพริบตา จากนั้นฝ่าเท้าของเขาก็สะดุดหวืด ทั้งร่างเซถลาไปด้านหน้า ตะกร้าและหม้อยาหลุดลอยจากมือ

อย่างไรก็คงตกพื้น ตนเองคงไม่ต้องลงมือแล้ว

หญิงสาวยั้งมือไว้ นางเฝ้ามองอี้เชียนอินกับหม้อยาหล่นกระแทกพื้นด้วยสายตาอันเย็นชา ไหนเลยจะรู้ว่าจังหวะที่หม้อยากำลังจะกระทบกับพื้น เฮ่อหลันชิงกลับเหินเข้ามาวาดขาเตะอย่างงดงามหนึ่งหน ส่งหม้อยาที่เกือบจะกระแทกพื้นอยู่แล้วให้ลอยขึ้นไปบนอากาศ หลังจากนั้นนางก็หมุนตัวหนึ่งรอบ กระแทกศอกซ้ายอีกหนึ่งหน ส่งตะกร้าขึ้นไปกลางอากาศด้วย ในเวลาเดียวกันนี้นางก็เอื้อมมือขวาออกมาคว้าสายคาดเอวของอี้เชียนอินแล้วกระชากเบาๆ ดึงอี้เชียนอินขึ้นมา

อี้เชียนอินไหลตามแรงดึงล้มลงไปในอ้อมแขนของนาง

อี้เชียนอินได้กลิ่นหอมยั่วยวนคนจากบนร่างนาง ใบหน้าของนางอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ มันช่างงดงามไร้ตำหนิ

หัวใจดวงน้อยเต้นดัง ตึกตัก! ตึกตัก!

เฮ่อหลันชิงยื่นมือเรียวยาวดั่งหยกออกมาเชยปลายคางของเขา ริมฝีปากแดงยกโค้งขึ้นนิดๆ “คนงามตัวน้อย หนหน้าก็เดินระวังหน่อยละ”

กล่าวจบ นางก็เอื้อมมือออกมารับตะกร้าที่ร่วงลง ในตะกร้ามีหม้อยาที่ไม่บุบสลายสักนิดนอนนิ่งอยู่

ในขณะที่ทำทุกสิ่งนี้ สายตาของนางจับจ้องใบหน้าของอี้เชียนอินอยู่ตลอดเวลา ไม่เหลือบมองหม้อยากับตะกร้าแม้แต่หนเดียว

เฮ่อหลันชิงวางตะกร้าในมือของอี้เชียนอิน แล้วประคองเรือนร่างกำยำ (อ้อนแอ้นอรชร) ของเขาให้ยืนตัวตรง จากนั้นขยับยิ้มชั่วร้ายหมุนตัวเดินเข้าห้องไป

จวบจนกระทั่งนางหายลับสุดปลายทางเดินเส้นน้อย อี้เชียนอินก็ยังไม่ได้สติกลับมา

เขาเพิ่งถูกพี่เฮ่อหลันกอด…กอด…กอด…

ในที่สุดอี้เชียนอินก็หิ้วหม้อยาไปถึงห้องของเฉียวเวย

หญิงสาวคิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะมีอี้เชียนอินกับเฮ่อหลันชิงเข้ามาสอดจนเกิดเรื่องเช่นนี้ จะถูกจับได้ไม่ได้ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

นางหมุนตัวเข้าไปในห้องครัว

หญิงรับใช้กำลังเดินออกมาด้านนอกจึงประจันหน้ากับนางอย่างจัง หญิงรับใช้ค้อมกายเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “แม่นาง ข้า…ข้าขอตัวก่อน”

หญิงสาวถามเสียงราบเรียบ “เจ้าจะไปไหนเล่า”

หญิงรับใช้ถูกน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันทำให้ตกใจจนนิ่งอึ้ง นางตอบเสียงสั่น “ข้ายังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ ข้าต้องไปกวาดสวนต่อแล้ว“

หญิงสาวยิ้มอ่อนโยน “กวาดอะไรกันเล่า มา นั่งคุยกับข้าก่อน…”

ยามจันทราลอยเหนือยอดไม้ เยี่ยนเฟยเจวี๋ยนอนอยู่บนเตียง มองดวงจันทร์สว่างนอกหน้าต่างอย่างเบื่อหน่ายและเกียจคร้าน มือขวาของเขามีแผลสดใหม่อยู่แผลหนึ่ง เป็นแผลที่ถูกหนามเกี่ยวตอนไปเก็บสมุนไพรวันนี้ ยามนั้นทิ่มเข้าไปลึกอยู่พอสมควร เลือดจึงไหลออกมากองโต แต่นายท่านเฉียวรักษาให้แล้ว

ความจริงบาดแผลเท่านี้ไม่นับเป็นอันใดทั้งสิ้น เขาล้มลุกคลุกคลานอยู่ในยุทธภพมาหลายปี บาดแผลสาหัสกว่านี้ก็เคยได้รับมาแล้วไม่รู้เท่าใด

เขาถอนหายใจแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาเตรียมจะหลับสักงีบ ผู้ใดจะรู้ว่าเพิ่งล้มตัวลงนอนก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรีบเร่ง

“ผู้ใดกัน” เขาขมวดคิ้ว

“พี่เยี่ยน ข้าเอง เจ้ารีบเปิดประตูเร็ว! เกิดเรื่องแล้ว”

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยลุกขึ้นมาเปิดประตู หญิงสาวถือไม้เท้าเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา ใบหน้าของนางมีรอยถูกข่วน

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเห็นนาง คิ้วก็ขมวดทันที “เจ้าเป็นอะไร ทะเลาะกับผู้อื่นมาหรือ”

หญิงสาวพยักหน้า แล้วต่อจากนั้นก็ส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกเจ้าอย่างไรดี ข้า…ข้าตายแน่แล้ว…”

“เจ้าทำอะไรมากันแน่” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามเสียงเรียบเฉย

“ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ข้าเพียงไปห้องครัวต้มน้ำแกงไก่ตุ๋นสักถ้วยให้เจ้า ข้ารู้มาว่าเจ้าบาดเจ็บ ดังนั้นจึงอยากจะบำรุงร่างกายเจ้า แต่ข้าคิดไม่ถึงว่า…คิดไม่ถึงว่า…” น้ำตาของหญิงสาวร่วงพรูลงมา

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหน้าบึ้ง “เจ้าคิดไม่ถึงว่าอะไร ไม่ต้องมาอึกๆ อักๆ!”

หญิงสาวเล่าเรื่องที่อี้เชียนอินเข้ามาในห้องครัวแล้ว ‘เข้าใจผิด’ ว่านางใส่ยาจนจบ “ข้าไม่ได้เล่นตุกติกจริงๆ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ข้ายังชิมยาด้วยตนเองแล้ว”

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยสวนว่า “ในเมื่อเจ้าบริสุทธิ์แล้วจะกลัวอะไร ของที่ไม่มีพิษ ฮูหยินน้อยกับจีอู๋ซวงยังจะตรวจสอบอะไรออกมาได้เล่า”

หญิงสาวขมวดคิ้ว “หากเรื่องง่ายดายเช่นนั้นจริงก็แล้วไปเถิด แต่พออี้เชียนอินจากไปปุ๊บ หญิงรับใช้คนนั้นจู่ๆ ก็จะไปเหมือนกัน นางดื่มน้ำแกงไก่ตุ๋นเหลืออีกตั้งครึ่งค่อนถ้วย ท่าทางมีพิรุธ ข้าจึงถามนางว่าเป็นอะไร นางอึกๆ อักๆ พูดไม่ออก ข้าไม่ให้นางไป ให้นางรอนายท่านเฉียวกลับมา แต่นางกลับผลักข้า! ข้าคิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องน่าจะไม่ธรรมดาแล้วจึงรีบคว้าตัวนางไว้ คิดไม่ถึงว่านางจะสวนกลับมาตบข้าหนึ่งฝ่ามือ! ข้าบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ ข้าไม่กล้าสู้กับนางตรงๆ จึงรีบมาหาเจ้า”

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยคลางแคลง “เจ้าหมายความว่า…หญิงรับใช้คนนั้นใส่บางอย่างลงในหม้อยาหรือ”

หญิงสาวส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้…ข้าต้มน้ำแกงได้ครึ่งทาง จู่ๆ นางก็พรวดเข้ามา ถามข้าว่าสิ่งใดกันหอมถึงเพียงนี้ ข้าเห็นนางท่าทางหิวโหยเอาการจึงหวังดีตักให้นางหนึ่งถ้วย คิดไม่ถึงว่านางดื่มหมดแล้วก็ยังขออีก ข้าไม่สะดวกใจจะปฏิเสธนางจึงตักให้นางอีกหนึ่งถ้วย นางนั่งกินอยู่ด้านหลังเตาอย่างอ้อยอิ่ง ตัวข้ายุ่งกับนู่นนี่อยู่ตลอดจึงไม่รู้ว่านางมีโอกาสเล่นตุกติกกับยาหรือไม่”

“เจ้ากินแล้วไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถาม