บทที่ 1009 คุณปู่ไม่เห็นด้วย

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1009 คุณปู่ไม่เห็นด้วย

note: ไม่ว่ายุคสมัยไหน ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องแท้ ๆ พี่น้องบุญธรรมหรือเครือญาติไม่สมควรแต่งงานกันอยู่ดี ผิดศีลธรรม มีปัญหาทางพันธุกรรม อย่ามองแค่ในความสัมพันธ์ของพี่น้องเท่านั้น แต่ในความสัมพันธ์ด้านอื่น ๆ ที่ผิดประเวณีเช่น พ่อ-ลูก แม่-ลูก ลุง-หลาน ปู่-หลาน ก็ไม่สมควรทั้งสิ้น เราคงไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้นต่อให้เป็นคนอื่นหรือคนในครอบครัวเราเองก็ตาม เพราะผลกระทบที่ตามมาไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อย และต่อให้เนื้อหาในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน แต่เราไม่ควร romanticize (การทำให้เรื่องราวดูสวยหรู) ในความสัมพันธ์ผิดประเวณีที่สุดท้ายแล้วบทสรุปก็แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย

บทที่ 1009 คุณปู่ไม่เห็นด้วย

หญิงสาวเหลือบมองคนที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง

ในท้ายที่สุดเธอก็เลือกคุกเข่าลงข้าง ๆ ซูซานกง

“หนูรู้ดีค่ะ มันเป็นความผิดของหนูเอง แต่หนูไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ พวกท่านจะด่าว่าหนูไม่มียางอายก็ได้หรืออะไรก็ตาม แต่หนูอยากอยู่กับซานกง”

คุณย่าซูถามซูซานกงอีกครั้ง “หลานไม่เสียใจหรือ? แม้ว่าในอนาคตจะถูกคนอื่นนินทาลับหลังก็ตาม?”

“คุณปู่คุณย่า ผมไม่กลัวถูกคนนินทาลับหลังตนเอง ผมแค่กังวล หลังจากนี้พวกท่านและพ่อแม่ของผมจะถูกคนอื่นนินทาลับหลังเพราะหลานชายอกตัญญูครับ”

“ในเมื่อพวกเธอสองคนมีความคิดเห็นเหมือนกัน งั้นต่อจากนี้ไปย่าเห็นด้วยที่จะให้ใช้ชีวิตร่วมกันนะ”

ซูซานกงไม่คาดคิดว่า คุณย่าจะเห็นด้วย เขาไม่ได้พูดอะไรมากด้วยซ้ำ ทำไมถึงเห็นด้วยล่ะ?

ไม่มีเหตุผลสักนิด

คุณย่าเป็นคนหัวรั้นมาก ทำไมถึงเห็นด้วยล่ะ?

แต่คุณย่าก็เห็นด้วยแล้ว

ซูซานกงดีใจสุด ๆ จนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับซูเสี่ยวเฉ่าไว้ในอ้อมแขนของเขา

“เสี่ยวเฉ่า คุณย่าเห็นด้วยแล้ว เธอได้ยินไหม?”

ทุกคนก็มองไปที่คุณย่าซูด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

“ฉันไม่เห็นด้วย เด็กสองคนนี้มีบรรพบุรุษคนเดียวกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง หน้าแก่ ๆของฉันก็มีเท่านี้เอง ยังไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้”

คุณปู่ซูยังรู้สึกว่าเขาไม่สามารถปล่อยผ่านสิ่งนี้ได้

พวกเขาเป็นเด็กในครอบครัวเดียวกัน แล้วจะแต่งงานกันได้อย่างไร?

ยายเฒ่าก็เริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมเธอถึงโง่เห็นด้วยแบบนี้นะ?

นี่จะไม่ทำให้ใครมานินทาลับหลังคู่รักที่อยู่ด้วยกันมานานหรอกหรือ?

คุณปู่ซูรู้ดี ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน ผู้หญิงมักจะเป็นฝ่ายรับแรงกดดันอย่างมาก

ซานกงของครอบครัวเขาเป็นเด็กผู้ชาย คงไม่เป็นไรหรอก แต่เสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กผู้หญิง ความกดดันที่ต้องเผชิญจะหนักหนากว่าซานกงมาก

เพราะแบบนี้ ความกดดันที่ซูฉางจิ่วจะได้รับย่อมมีมากกว่าความกดดันที่ครอบครัวของพวกเขาต้องทนรับอยู่มาก

ยิ่งกว่านั้น พวกเขาในตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่เมืองหลวง ซึ่งถือว่าเยี่ยมมากแล้ว และจะไม่กลับไปที่หมู่บ้านหนานหลิ่งอีกในชาตินี้

แต่ซูฉางจิ่วเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านหนานหลิ่ง เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ ย่อมส่งผลกระทบอย่างมากต่อซูฉางจิ่ว

เมื่อได้ยินคำคัดค้านของคุณปู่ซู ซูซานกงกับซูเสี่ยวเฉ่าที่ตาเป็นประกายพลันจางลงมาก

ซูซานกงไม่คิดว่าคุณย่าเห็นด้วยแล้ว คุณปู่จะยังคัดค้านอยู่

ซูซานกงในฐานะหลานชายคิดเสมอว่าถ้าคุณย่าเห็นด้วยแล้ว คุณปู่ย่อมเห็นด้วยเสมอ

สุดท้ายแล้ว คุณปู่ฟังคุณย่าเกือบทุกอย่าง โดยปกติแล้วจะไม่เถียงคุณย่าเลย

แต่ตอนนี้คุณปู่กลับคัดค้านบ้างแล้ว

เสี่ยวเถียนมองไปที่ซูเสี่ยวเฉ่าและซูซานกงอย่างลังเล

เมื่อเห็นว่าคุณย่าซูเห็นด้วย ดวงดาวเล็ก ๆ พลันปรากฏขึ้นในดวงตาของสองคน ทว่าเมื่อคุณปู่คัดค้าน ก็ทำให้เห็นความมืดสลัวในดวงตาของทั้งสองคน

เธอมองออกว่าทั้งสองคนชอบกันมากจริง ๆ

แต่คือพวกเขาไปอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไร?

โอ้ ไม่ใช่สิ พวกเขารู้สึกไม่ขัดหูขัดตากันเมื่อไร?

ทำไมเธอถึงไม่สังเกตเลยล่ะ?

เสี่ยวเถียนครุ่นคิดอย่างจริงจัง และพบว่าบางทีตนเองอาจจะโง่เขลาจริง ๆ

อันที่จริง เธอก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ก็เท่านั้นเอง พอมาคิดอย่างรอบคอบในตอนนี้ พี่สามของเราได้แสดงทุกอย่างออกมาอย่างชัดเจนหลายครั้งแล้ว

โดยเฉพาะตอนกู้เฉิงเซวียนปรากฏตัว ท่าทีอิจฉานั้นชัดเจนมากจริง ๆ

แต่กับพี่เสี่ยวเฉ่า เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจปล่อยมือจากผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างกู้เฉิงเซวียนไป

และคนคนนั้นควรเป็นพี่สามของเธอซึ่งด้อยกว่ากู้เฉิงเซวียนในทุกอย่าง

พูดก็คือ ทั้งสองคนมีความรู้สึกดีต่อกัน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

และเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองฝ่ายต่างสนใจกันมานานแล้ว

เสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะตบหน้าผากของตนเอง

เสี่ยวเถียนทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ทั้งสองคนผิดหวัง และรู้สึกว่าตนเองควรทำอะไรบางอย่างเพื่อพวกเขา

“คุณปู่ คุณย่ารู้ขอบเขตดีค่ะ ไม่ต้องห่วงนะ”

แม้แต่คำพูดของหลานรักอย่างเสี่ยวเถียนก็ใช้ไม่ได้ผล

คุณปู่ซูพูดอย่างใจร้อน “เด็กดี หนูยังเด็กคงไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้หรอก ไม่ต้องยุ่งดีกว่านะ”

เสี่ยวเถียนถึงกับเงียบกริบ “…”

เอาเถอะ เธอจะไม่พูดแล้ว

ฉืออี้หย่วนที่อยู่ข้าง ๆ เหลือบมองก่อนละสายตาไปยังคนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่ ใจพลันคิดว่าถึงคราวเราหนทางคงอีกยาวไกลเนอะ?

ถ้าเขาแสดงท่าทีของตนในอนาคต คุณปู่ซูจะเห็นด้วยไหม?

เพราะคุณปู่ปกป้องหลานสาวราวกับไข่มุกเลย

พอนึกถึงสิ่งเหล่านี้ฉืออี้หย่วนรู้สึกไม่ดี

เขาตัดสินใจว่า ในช่วงสองปี ต้องประจบคุณปู่ซูให้ดีเพื่ออนาคตของตัวเอง

แต่ตอนนี้ เรายังต้องแก้ไขปัญหาระหว่างซูเสี่ยวเฉ่ากับซูซานกงก่อน

ฉืออี้หย่วนไม่คิดว่า สองคนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดห่างไกลกันแล้วมีเหตุผลอะไรที่ทำให้คนแซ่เดียวกันไม่สามารถแต่งงานได้?

แต่เขาก็เป็นคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหนานหลิ่งด้วย แน่นอนว่าก็รู้เช่นกันว่าคนในหมู่บ้านจะคิดอย่างไร

ยิ่งกว่านั้น สองคนนี้ไม่เพียงมีแซ่เดียวกันเท่านั้น พวกเขายังเติบโตมาด้วยความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง นี่ก็ยิ่งลำบากมากขึ้น

ในเวลานี้ฉือเก๋อก็พูดขึ้น

“สมัยก่อนคนพูดว่า แซ่เดียวกันไม่แต่งงานกัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ยุคใหม่หรือ? เพียงกำหนดไว้ว่าการแต่งงานไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในสามหรือห้าชั่วอายุคนทางสายเลือด ไม่มีข้อจำกัดอื่น ๆ ฉันเห็นว่าเด็กสองคนเหมาะสมกันมากเลยนะ”

พอฉือเก๋อพูดว่าเหมาะสม นี่ทำให้คุณปู่ซูพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

แม้อยากคัดค้าน แต่สำหรับฉือเก๋อ คุณปู่ซูให้ความเคารพอีกฝ่ายเสมอจึงไม่ได้กล่าวค้านออกมา

ทุกคนค่อนข้างแปลกใจ

พวกเขาล้วนเป็นคนหัวโบราณมาก คิดว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างลูกพี่ลูกน้อง ไม่ว่าเราจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนก็ตาม แต่ลูกพี่ลูกน้องแซ่เดียวกัน แม้มีความสัมพันธ์จะห่างไกลกันก็เป็นไปไม่ได้

แต่เมื่อคิดดูอีกครั้งก็ดูเหมือนว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

เด็กสองคนชอบกัน ถึงไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่มีผลกับเรื่องนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งมองเด็กสองคนนี้ก็ดูเหมือนกับสิ่งที่ฉือเก๋อพูดจะเหมาะสมมาก

ถ้าเด็กสองคนนี้ได้อยู่ด้วยกัน ก็เป็นสิ่งที่ดีสิ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังคงส่งผลกระทบมากเกินไป

แต่พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้

เรื่องนี้ ในท้ายที่สุดจะสามารถทำได้ไหมยังต้องให้คุณปู่ซู ซูเหล่าต้าและซูฉางจิ่วพวกเขาไม่กี่คนหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากที่ฉือเก๋อพูดจบ เขาก็รู้ว่าไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ จึงขอตัวจากไปก่อน

คุณปู่ซูมองไปที่ซูซานกง และซูเสี่ยวเฉ่าที่ยังคงคุกเข่าอยู่ พร้อมถอนหายใจ

เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

“พวกเธอลุกขึ้นเถอะ พวกเราส่งพวกคุณปู่ตู้กับคุณปู่ฉือ ค่อยกลับมาว่ากันต่อ”

ซูซานกงอยากขอร้องคุณปู่ซูต่อ แต่ก็รู้ต่อให้พูดมากไป ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดท่านได้

หากให้เวลาคุณปู่คิดสักหน่อยบางทีเขาอาจจะเห็นด้วยก็ได้?

สองคนทำได้แค่เชื่อฟังและยืนขึ้น

ที่บ้านตระกูลฉือไม่มีคนไปอยู่นานแล้ว คืนนี้สองปู่หลานน่าจะพักที่บ้านตู้ถงเหอแทน

ชายชราไหว้วานให้หลานชายรุ่นเล็กทั้งสี่คนไปส่งผู้ใหญ่ที่บ้าน แล้วให้คนอื่น ๆ ไปที่ห้องหลัก