บทที่ 1010 หลานรักของปู่รู้ความที่สุด

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1010 หลานรักของปู่รู้ความที่สุด

บทที่ 1010 หลานรักของปู่รู้ความที่สุด

คนในครอบครัวเข้าไปในบ้านและนั่งประจำที่ตนเอง

เหลียงซิ่วรินชาให้ทุกคนอีกครั้ง ขณะผู้เฒ่าสองคนดื่มชาเพื่อสงบสติอารมณ์

แม้เธอจะไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อตาถึงคัดค้าน ในขณะที่แม่สามีเห็นด้วย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไร ทั้งสองคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองในการตัดสินใจเช่นนั้น

คนอื่นๆ นั่งลง มีเพียงซูซานกงกับซูเสี่ยวเฉ่าที่ยืนอยู่ตรงข้ามคุณปู่ซูและคุณย่าซู

จนถึงเวลานี้ ทั้งสองยังคงจับมือกันอยู่ เห็นได้ชัดว่า ทั้งสองคนไม่มีความคิดที่อยากจะยอมแพ้กับความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้

ซู่เสี่ยวเถียนนั่งข้าง ๆ คุณยายซู เอียงศีรษะ จ้องมองทั้งสองคนด้วยดวงตาคู่สวย

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า จะทำอย่างไรถ้าพี่สามและน้องเสี่ยวเฉ่าเป็นคู่รักกันจริง ๆ?

หรือเธอควรบอกว่าทั้งสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดดี?

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตนสามารถพูดได้ แม้จะรู้ แต่ก็ทำได้แค่เก็บความลับนี้ไว้ในใจ

เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า ควรโทรถามลุงฉางจิ่วสักหน่อยไหม?

แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว ลุงฉางจิ่วคงจะกลับบ้านแล้ว

รอจนถึงพรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยโทรหาลุงฉางจิ่วอีกที ว่าลุงคิดอย่างไรกับเรื่องนี้

ซูเสี่ยวเถียนรู้ว่าลุงฉางจิ่วกับป้าเป็นคนใจดี และเพื่อที่จะมอบสิ่งที่ดีให้กับลูก ถ้ารู้เรื่องของพี่สามกับพี่เสี่ยวเฉ่า อาจทำให้ทั้งสองคนสมหวัง

พอคิดอย่างนั้นในใจ เสี่ยวเถียนก็เกือบแน่ใจว่า การแต่งงานระหว่างซูซานกงกับซูเสี่ยวเฉ่าน่าจะเป็นไปได้

เพียงแต่คุณปู่ซูในตอนนี้ยังดูกลุ้มใจมาก

“ซานกง เสี่ยวเฉ่า พวกเธอทั้งสองเป็นเด็กที่ฉันเฝ้าดูมาตลอด ฉันรู้ว่าพวกเธอเป็นเด็กดี” คุณปู่ซูระงับความโกรธแล้วพูด

สายตาของเขาจ้องมองทั้งสองคน ท่าทางแบบนั้นของท่าน เป็นสิ่งที่ซูเสี่ยวเถียนไม่เคยเห็นมาก่อน

ความโกรธของคุณปู่รุนแรงเกินกว่าที่เธอคาดไว้

“แต่พวกเธอทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร? พวกเธอสองคนจะบอกว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยหรือ? พวกเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ!”

คุณปู่ซูพลันรู้สึกเศร้าโศกและผิดหวัง

ในบรรดาลูกหลานในบ้าน ท่านชอบเสี่ยวเถียนมากที่สุด

แต่ไม่ใช่ว่าหลานชายไม่สำคัญสำหรับเขา

ที่จริงแล้ว ในใจคุณปู่ซูก็ยังเห็นคุณค่าของหลานชายเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะซูซานกง ซึ่งเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรกรรม ทั้งยังมีบุญคุณต่อหมู่บ้าน โดยจัดหาพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตสูงและได้รับการปรับปรุงโดยเสิ่นจื่อเจิน เด็กคนนี้จึงเป็นอนาคตอันสดใสที่แท้จริงในใจของผู้เฒ่าในชนบท

ในบรรดาหลานชายเหล่านี้ ต่างคนต่างพัฒนาไปในทิศทางที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ทำให้คุณปู่ซูรู้สึกภาคภูมิใจจริง ๆ มีแค่ซูอู่ร่างที่รับใช้ประเทศอย่างภักดีและเข้าร่วมกองทัพ กับซูซานกงที่ศึกษาเกี่ยวกับเกษตรกรรม

แม้กระทั่งในใจคุณปู่ซู ก็ยังคิดว่าซูซานกงจะสามารถสืบทอดความสามารถของเสิ่นจื่อเจิน จนกลายเป็นบุคคลที่โด่งดังและประสบความสำเร็จในอนาคต

ชายหนุ่มทำให้เกษตรกรหลายพันคนได้รับรู้ว่าตนมีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานยุ้งฉางให้กับประเทศมากน้อยแค่ไหน

แต่เด็กแบบนี้จะมีมลทินได้อย่างไร?

การแต่งงานกับน้องสาวในตระกูล ถือเป็นจุดด่างพร้อยที่ลบไม่ออกไปตลอดชีวิตของเด็กคนนี้

หากเป็นผู้เฒ่าทั่วไป บางทีอาจจะตำหนิซูเสี่ยวเฉ่า

คิดว่าเป็นซูเสี่ยวเฉ่าล่อลวงหลานชายคนโปรดของตนอย่างไร้ยางอาย

แต่คุณปู่ซูไม่ใช่คนแบบนั้น กลับคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนมีผู้ชายเป็นเหตุ

เขาคิดว่า ถ้าไม่ใช่ซูซานกงมีความคิดริเริ่ม ด้วยอุปนิสัยของซูเสี่ยวเฉ่า เธอย่อมไม่ทำสิ่งนี้อย่างแน่นอน

ซูเสี่ยวเฉ่าในใจของชายชราเป็นเด็กดีเสมอ เขารู้ว่าเด็กคนนี้ฉลาดและรู้ความดี

ซูซานกงเจ้าเด็กเหลือขอไร้ยางอาย มีความคิดที่ไม่ควรกับน้องสาวในตระกูลของตนเอง ทั้งยังดูไม่สำนึกผิดด้วยซ้ำ

นี่เป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ คุณปู่ซูก็อดไม่ได้ที่จะด่าซูซานกงอีกครั้ง

“เจ้าเด็กเหลือขอ แกทำอะไรของแก? โดนความงามของน้องล่อลวงหรือยังไง? ฉันจะทุบแกให้ตายเลยคอยดู!”

หลังจากรวบรวมความคิด จู่ ๆ คุณปู่ซูก็โกรธจัดขึ้นมา และกำลังจะโจมตีซูซานกงด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

ซูซานกงจ้องมองคุณปู่ซู ดูสีหน้าของคุณปู่ซูเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยหัวใจที่เต้นเร็วมาก

แต่เขาไม่คาดคิดว่า พอมีความเห็นต่างไปคนละทาง คุณปู่กลับจะทุบตีตน

คุณปู่ซูจับไม้เท้าขึ้นมาแล้วตวัดมือไปทางซูซานกง

ชายชรามีร่างกายที่แข็งแรง โดยปกติแล้วจะไม่ใช้ไม้เท้า แต่เด็ก ๆ ในบ้านกังวลว่าเวลาเขาออกไปข้างนอกในตอนกลางคืน อาจจะล้มโดยไม่ตั้งใจ จึงเตรียมไม้เท้าไว้ให้ท่าน

แต่คุณปู่ซูไม่ได้ใช้มันมากนัก จึงวางไว้ในห้องโถง

แล้วเขาในเวลานี้ก็คว้าไม้เท้ามาตีซูซานกง

ทันใดนั้นไม้เท้าก็ฟาดมา ทุกคนต่างสับสน แม้แต่ซูซานกงที่ถูกตีเองก็เช่นกัน จึงไม่มีใครโต้ตอบ

เมื่อทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็รีบเข้าไปหยุดไว้

“คุณปู่ อย่าโมโหเลยค่ะ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ” เสี่ยวเถียนรีบกอดแขนของคุณปู่ซูไว้

ซูเสี่ยวเฉ่าในเวลานี้เองก็ยืนขวางหน้าปกป้องซูซานกงไว้

“ถ้าปู่อยากจะตีก็ตีหนูเลยค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย!”

ซูเสี่ยวเฉ่าคิดว่า ถ้าตนไม่พูดทุกอย่างออกมา บางทีเรื่องทั้งหมดนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น ท้ายที่สุดมันก็เป็นความผิดเธอ

แต่คุณปู่ซูไม่ได้คิดแบบนั้น การที่ซูเสี่ยวเฉ่าปกป้องซูซานกง ทำให้เขางงงวยอยู่ครู่หนึ่ง

ซูเสี่ยวเถียนรีบพูดอีกครั้งว่า “ถ้าปู่โมโห หนูจะช่วยตีพี่สามเอง ปู่นั่งก่อนเถอะ อายุตั้งเท่าไรแล้ว ลงไม้ลงมือเกิดเป็นอะไรขึ้นมา หนูเสียใจจนตรอมใจตายแน่ ๆ!”

คุณปู่ซูฟังหลานสาวแล้ว พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

เจ้าพวกเด็กเหลือขอก็มีแต่จะสร้างภาระ ในขณะที่หลานรักของเขายังรู้ความอยู่เสมอ

เหอะ! รอไอ้พวกหลานชายแต่งงานออกไปให้หมดเมื่อไร เขาอยู่กับหลานสาวคนเดียวก็พอ

คุณปู่ซูคิดในใจ เขาหยุดลงมือทำ แต่ยังคงจ้องมองไปที่ซูซานกง

ซูซานกงเห็นคุณปู่มองเขาแบบนั้น ก็เดาได้ว่าการทดสอบในวันนี้ผ่านแล้ว และถือว่ารอดไปอย่างหวุดหวิด

คุณปู่คงไม่ตีใครอีกแล้วละ

เขาเหลือบมองซูเสี่ยวเถียนอย่างซาบซึ้ง

ขอบคุณน้องเล็ก น้องเล็กยังรู้วิธีเอาใจชายชราเสมอเลย

คุณปู่ซูเห็นท่าทางขอบคุณที่ซูซานกงมอบให้ซูเสี่ยวเถียน ก็ได้แต่ร้องเหอะและไม่พูดไม่จาอีก

ซูเสี่ยวเถียนไม่พูดอะไรมาก เพียงลูบข้างหลังคุณปู่ซูเบา ๆ แล้วพูดว่า “คุณปู่ หนูต้องพูดแบบนี้กี่รอบแล้วคะ คุณปู่อายุมากแล้ว มีเรื่องอะไรให้ใจเย็น ๆ ทำไมถึงไม่ฟังเลยล่ะ?”

น้ำเสียงของเสี่ยวเถียนดูแง่งอนและตำหนิ แต่เมื่อลอดผ่านหูของคุณปู่ซู กลับรู้สึกสบายใจสุด ๆ

“หลานรัก หลานยังมีเหตุผลเสมอเลยนะ ไม่เหมือนเด็กเหลือขอพวกนี้ แต่ละคนทำให้ปู่กังวลตลอด!”

พวกเด็กเหลือขอที่ทำให้กังวลสองสามคนตรงนั้นหันมองหน้ากัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี เสี่ยวปา และเสี่ยวจิ่วได้แต่พูดไม่ออก

ว่าหลานคนโตอยู่ดี ๆ ลามมาเด็กคนอื่นทำไมเนี่ย?

เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมอยู่ ๆ ก็โดนหางเลขไปด้วยเล่า?

แต่พวกเขาในตอนนี้จะปฏิเสธหรือยังไง?

เจ้าหลานชาย ‘เหลือขอ’ ของบ้านซูกล้าที่ไหนล่ะ!

———————