บทที่ 1023 เหลือเพียงความว่างเปล่า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1023 เหลือเพียงความว่างเปล่า

บทที่ 1023 เหลือเพียงความว่างเปล่า

เรื่องราวขจรขจายจากผู้เฒ่าผู้แก่อายุแปดสิบ แม้แต่เด็กเล็กเด็กน้อยที่สามารถพูดได้ ทั่วทั้งเมืองหลวงได้รับรู้อย่างทั่วถึงว่า กู้เสี่ยวหวานคนนี้ได้รับการแต่งตั้งขึ้นสู่ตำแหน่งเสี้ยนจู่แห่งเมืองอันผิง ตามพระราชประสงค์ของฮ่องเต้

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันเกิดของนาง ฉินเย่จือจึงได้ตั้งขบวนของขวัญยาวสิบลี้ ทั่วทั้งขบวนรถม้าถูกประดับด้วยผ้าสีแดงสด มีชีวิตชีวาราวกับว่าได้ไปสู่ขอหญิงสาว

เรื่องอันเอิกเกริกนี้แพร่กระจายไปถึงหอหนังสืออวี้อย่างรวดเร็ว

วันนี้สวีเฉิงเจ๋อตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ ชายหนุ่มมองปิ่นปักผมสีนิลในกล่องผ้าด้วยความหลงใหล

แม้แต่การเข้ามาเยือนของฮูหยินสวี เขาก็ไม่ทันสังเกตเห็น

“เฉิงเจ๋อ” ครั้นเห็นท่าทางเผลอไผลของลูกชาย ความกังวลในจิตใจแผ่ซานทั่วหัวใจ เกรงว่าสิ่งที่จะเอ่ยออกมาจะกระทบจิตใจของเขา

“ท่านแม่ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะขอรับ?” เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรอบกาย สวี่เสิงเจ๋อกระวีกระวาดซ่อนสิ่งของในมือ นวลแก้มของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อ

ฮูหยินสวีถอนหายใจ พลางกล่าวว่า “เฉิงเจ๋อ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลายอย่างภายในวันนี้”

สวีเฉิงเจ๋อส่ายศีรษะพัลวัน เขารู้เพียงแค่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของกู้เสี่ยวหวาน เรื่องอื่นเขาไม่รับรู้และก็ไม่ต้องการรับรู้เช่นกัน

“ท่านแม่ รีบหรือไม่ขอรับ ชั้นเรียนใกล้จะเลิกแล้ว วันนี้ข้าตกลงกับหนิงอันแล้วว่าหลังจากเลิกเรียนจะรีบไปทันที วันนี้เป็นที่กู้เสี่ยวหวานจะย่างก้าวเข้าสู่วัยสาว” สวีเฉิงเจ๋อพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเลยแม้แต่น้อย

“เฉิงเจ๋อ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน เจ้าอยากจะฟังก่อนหรือไม่?” สุ้มเสียงของฮูหยินสวีแผ่วเบา หากแต่ภายในน้ำเสียงนั่นไม่อาจซ่อนร่องรอยของความทุกข์ใจไว้ได้

นางไม่กล้าคิดจริง ๆ ว่าลูกชายของตนเองจะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด หากเล่าเรื่องนี้ออกมาให้เขาฟัง

“เกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวานหรือ?” สวีเฉิงเจ๋อจะไม่สนใจเรื่องของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร เขาจึงรีบกล่าวว่า “ท่านแม่ รีบบอกข้ามาเร็วเถิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหวานหรือเปล่า” น้ำเสียงของสวีเฉิงเจ๋อเต็มไปด้วยความกังวล

ฮูหยินสวีส่ายศีรษะ “ไม่ได้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเสี่ยวหวาน ทุกอย่างล้วนเรียบร้อยดี”

ครั้นได้ยินว่าทุกอย่างเรียบร้องดี สวีเฉิงเจ๋อก็รู้สึกโล่งใจ “โอ้ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แล้วเกิดอันใดขึ้นกันขอรับ?”

“วันนี้มีคนมาจากราชสำนัก” ฮูหยินสวีรวบรวมคำพูด และเอ่ยปากขึ้นอย่างแช่มช้า

สวีเฉิงเจ๋อเกิดความงุนงง คนจากราชสำนักจะมาที่เมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ด้วยเหตุอันใดกัน ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าจะมีคนมาจากราชสำนัก แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับกู้เสี่ยวหวาน

“ฮ่องเต้มอบราชโอการแต่งตั้งกู้เสี่ยวหวานเป็นเสี้ยนจู่ระดับที่ห้าแห่งเมืองอันผิง” คำพูดของฮูหยินสวีสร้างความตกตะลึงให้สวีเฉิงเจ๋อ

“ท่านแม่…” สวีเฉิงเจ๋อขานเรียกมารดาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ และไม่สามารถพูดสิ่งใดได้อีก

“เพื่อเป็นการยกย่องกู้เสี่ยวหวานที่แนะนำต้นกล้ามันเทศเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ประชากรทั้งเมืองรุ่ยเสียนรอดพ้นความทุกข์ทรมานจากภัยพิบัติ ฮ่องเต้จึงรับสั่งและตรัสว่า ความเมตตาของกู้เสี่ยวหวานเปรียบเสมือนสายธาร และคุณงามความดีของนางก็โด่งดังไปทั่วเมือง”

“นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ในที่สุด ชีวิตของกู้เสี่ยวหวานก็เดินทางมาถึงจุดนี้” หลังจากกำจัดความตกตะลึงไปจนหมด ใบหน้าของเขาก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

หากกู้เสี่ยวหวานกลายเป็นเสี้ยนจู่จริง ๆ ในอนาคตจะไม่มีใครในเมืองแห่งนี้กล้าคุกคามนาง

เครือญาติเหล่านั้นจะไม่กล้ารังแกนางอีกต่อไป

รอยยิ้มบนใบหน้าของสวีเฉิงเจ๋อเพิ่งปรากฏขึ้น หากแต่ประโยคต่อไปของฮูหยินสวีทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชะงักค้าง

“ฉินเย่จือเตรียมขบวนของขวัญยาวสิบลี้สำหรับวันเกิดของเสี่ยวหวาน และจนถึงตอนนี้ รถม้ากำลังทยอยเคลื่อนตัวนำสิ่งของไปไว้ยังสวนกู้”

หากว่ากันตามตรง ครั้งแรกที่ได้ยิน ฮูหยินสวีเองก็ไม่เชื่อเช่นกันเพราะยังไม่เห็นขบวนของขวัญบนรถม้าเหล่านั้น

แต่หลังจากที่นางออกไปดูความครึกครื้นด้านนอกด้วยตนเอง นางเดินไปบนถนนสายหนึ่งและเห็นผู้คนมากมายรอบด้านแหวกทางให้ขบวนรถม้าประดับผ้าเคลื่อนผ่านไป แสงอาทิตย์เจิดจ้ากระทบลงบนกล่องไม้จินสื่อหนานคุณภาพสูง

แม้จะไม่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในกล่อง แต่แค่กล่องไม้จินสื่อหนานหลายร้อยกล่องก็มีมูลค่าจำนวนมากแล้ว

ฮูหยินสวีรู้สึกประหลาดใจมาก และยิ่งตกตะลึงเมื่อได้ยินว่ามันเป็นของขวัญจากนายน้อยฉินผู้หล่อเหลาจากครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน

ขบวนรถม้ายาวเหยียดไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากที่สวีเฉิงเจ๋อได้ยินเรื่องนี้ มือที่เคยแข็งแกร่งก็อ่อนแรงจนเผลอปล่อยกล่องไม้ใบสวยร่วงหล่นกระทบพื้นเสียงดัง เมื่อก้มมองดูก็เห็นปิ่นปักผมที่เขาเลือกมาอย่างดีแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี

เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

“ท่านแม่” สวีเฉิงเจ๋อยอบกายหยิบเศษซากปิ่นปักผมเหล่านั้นด้วยความโศกเศร้าอาดูร หยาดน้ำตาพลันร่วงพรูลงมา ทั้งร่างกายราวกับถูกโอบอุ้มไว้ด้วยความโดดเดี่ยว ถ้อยคำแสนเจ็บปวดนับไม่ถ้วนยังดังก้องอยู่ในหู ร่างกายของเขาพยายามกลั้นความเจ็บปวดและความโศกเศร้าที่จะเผยออกมา

เขาเฝ้ารอวันนี้มาเนิ่นนนาน หากสุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าตระกูลฉินจะเป็นครอบครัวที่มีฐานะ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งยิ่งนัก ฮูหยินสวีถอนหายใจ นางไม่ได้รู้สึกอิจฉาแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าตระกูลฉินนั้น…

ชายหนุ่มที่หล่อเหลาและสง่างามผู้นั้นเป็นถึงคนที่มีอำนาจเหนือใคร

“ท่านแม่ ท่านคิดว่าข้ายังมีความหวังอยู่หรือไม่?” สวีเฉิงเจ๋อถามอย่างโง่งมพลางมองดูปิ่นปักผมที่แตกหักในฝ่ามือ

“เฉิงเจ๋อ…” ฮูหยินสวีพูดอะไรไม่ออก

ตอนที่นางไปดูขบวนของขวัญยาวสิบลี้ มีบางคนเอ่ยสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดในเวลานั้น

แม้ว่าเขาจะเป็นขอทานที่ยากจน หากปฏิบัติต่อนางราวกับชีวิตของเขา นางจะไม่มีวันทอดทิ้งเขาอย่างเด็ดขาด

ด้วยประโยคนี้ นางจะเอ่ยออกไปได้อย่างไร

“เฉิงเจ๋อ…” ฮูหยินสวีครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “พวกเรายอมแพ้เสียเถอะ…”

ยอมแพ้เถอะ… สวีเฉิงเจ๋อ

เจ้าเป็นเพียงคนขี้ขลาดที่ไม่แม้แต่จะเผยความรู้สึกให้คนภายในใจรับรู้

“ท่านแม่ ข้าช่างไร้ประโยชน์เหลือเกิน”

สวีเฉิงเจ๋อซบใบหน้ากับฝ่ามือของตนเองและหลั่งน้ำตาออกมา

เขาแพ้แล้ว

พ่ายแพ้ให้ความอ่อนแอของตนเอง

ฉินเย่จือควบม้าโดยมีร่างเล็กอยู่ในอ้อมแขน คางเรียวของฉินเย่จือวางอยู่เหนือศีรษะของกู้เสี่ยวหวาน กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมนุ่มสลวยลอยมาเตะปลายจมูก ความหอมหวานแผ่กระจายทั่วร่างกายของเขา

ราวกับตนเองล่องลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ

ม้าวิ่งด้วยความเร็วคงที่ และมาถึงสวนกู้ในเวลาอันสั้น รถม้าที่นำหน้ามาคันแรกก็เพิ่งมาถึงสวนกู้เช่นกัน

รถม้าเรียงรายกันเข้ามา

ป้าจางออกมาเปิดประตู ครั้นเห็นรถม้าจำนวนมากภายนอก จึงคิดว่าพวกเขามาผิดทาง “พวกเจ้ากำลังมองหาใครหรือ? ทำไมถึงมีรถม้ามากเช่นนี้ พวกเจ้ามาผิดที่หรือเปล่า?”

คนที่ดูเหมือนผู้นำกล่าวว่า “ไม่ผิดแน่นอน พวกเราต้องมาส่งของที่สวนกู้ นี่คือของขวัญวันเกิดที่นายน้อยของข้ามอบให้แม่นางกู้”