บทที่ 1024 ไปอวยพรวันเกิด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1024 ไปอวยพรวันเกิด

บทที่ 1024 ไปอวยพรวันเกิด

วันนี้คือวันเกิดของกู้เสี่ยวหวาน ไม่ผิดแน่ ๆ แต่เหตุใดถึงมีคนส่งของมาให้มากมายเยี่ยงนี้?

ป้าจางชะโงกศีรษะมองดูรถม้ามากมาย มันช่างน่าเหลือเชื่อ หน้าประตูบ้านของพวกเขาเต็มไปด้วยรถม้าแน่นขนัดที่ทยอยกันเคลื่อนตัวเข้ามา คนมากหน้าหลายตาเหล่านั้นไม่ได้สนใจการกระทำของหญิงตรงหน้า พวกเขารีบปลดเชือกและขนย้ายข้าวของทันที

“ช้าก่อน พวกเจ้า… พวกเจ้ามาส่งผิดบ้านหรือเปล่า?” ป้าจางกลัวว่าคนเหล่านี้จะมาด้วยจุดประสงค์ไม่ดี ดังนั้นจึงปฏิเสธพวกเขาอย่างรวดเร็วทันควัน “นายน้อยของพวกเจ้าคือใคร?”

“นายน้อยฉินที่อาศัยอยู่ในบ้านของท่าน เขาเป็นนายน้อยของข้า แม่นางกู้จึงสั่งให้เรานำของขวัญมาส่ง แม่นาง ท่านไม่ต้องกังวลไป นายน้อยของข้าและแม่นางกู้จะมาถึงในไม่ช้า”

ครั้นได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกโครมบริเวณลานบ้าน ทุกคนภายในบ้านรีบพากันออกมาดูความเป็นไป ยกเว้นลุงจางที่ขยับตัวไม่สะดวก

ครั้นเห็นรถม้าแน่นขนัดที่จอดอยู่บริเวณประตูลานบ้าน และกล่องจำนวนนับไม่ถ้วนยังไม่ถูกย้ายเข้ามา ทุกคนต่างเบิกตากว้างอ้าปากค้าง

“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นที่นี่” ฉือโถวตกใจเล็กน้อย

เขาไม่เคยเห็นคนมอบของขวัญด้วยรถม้าเยอะขนาดนี้มาก่อน ครอบครัวร่ำรวยที่สู่ขอสตรีก็ยังไม่เยอะเช่นนี้

ยิ่งกว่านั้น คนนี้ยังเป็น…

“ใช่แล้ว ของพวกนี้เป็นของใครกัน พวกท่านมาผิดหรือเปล่า ข้าไม่ได้ยินเสี่ยวหวานบอกว่าข้าต้องซื้อของเพิ่มเลย” และมันน่ากลัวเกินหากจะซื้อข้าวของมากมายเช่นนี้

“เสี่ยวหวานไม่ได้ซื้อ” ป้าจางอยู่ในอาการตกตะลึง

“นั่นคือ…”

“พวกเขาบอกว่าเป็นเสี่ยวฉินที่มอบของขวัญเหล่านี้แก่เสี่ยวหวาน” ป้าจางไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้

“เสี่ยวฉินคนไหน” เขารู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูเหลือเกิน เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

“ฉินเย่จือของเรา” ป้าจางทำอะไม่ถูก

กลุ่มคนเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนย้ายกล่องไม้เข้ามาในบ้าน

“แม่นาง จะให้ข้าวางกล่องเหล่านี้ไว้ที่ใด ข้าจะช่วยขนไปข้างใน ข้างหลังยังมีอีกหลายร้อยกล่อง ข้าต้องการห้องขนาดใหญ่เพื่อเก็บพวกมัน”

หลายร้อยกล่อง…

ทุกคนต่างสบตากัน สวนกู้จะมีห้องขนาดใหญ่พอที่จะเก็บของพวกนี้ได้อย่างไร

“ในบ้านของเรายังมีห้องว่างอยู่หรือเปล่า ย้ายของพวกนี้ไปไว้ที่นั่นก่อนเถอะ หนิงผิงเดินนำพวกเขาเข้าไปข้างใน

ฉินเย่จือขี่ม้าเข้ามาพร้อมกับกู้เสี่ยวหวานที่อยู่ในอ้อมกอด

ม้าสีน้ำตาลแดงตัวสูงใหญ่ ชายหนุ่มในชุดสีม่วงสลับขาว ถูกอาบด้วยแสงอาทิตย์สว่างเจิดจ้าขับให้พวกเขาดูดีมีสง่า

กู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้มอ่อนหวานอยู่ในอ้อมกอดฉินเย่จือ ดวงตาของนางโค้งขึ้นราวกับพระจันทร์เสี้ยวยามค่ำคืน

“ท่านพี่… ท่านอาจารย์” ดวงตาของกู้หนิงผิงเปล่งประกายแวววับ เมื่อเห็นพี่สาวและอาจารย์ของตนกลับมา

“เสี่ยวฉิน นี่คือ…” กู้ฟางสี่แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า

“ท่านอา นี่คือของขวัญที่ข้าเตรียมไว้สำหรับหวานเอ๋อร์” ฉินเย่จือคลี่ยิ้มกว้างราวกับดอกไม้ผลิบานในวสันตฤดู และดวงจันทร์สีเหลืองนวลในสารทฤดู

เมื่อพวกเขาขนย้ายของขวัญแสดงความยินดีแก่กู้เสี่ยวหวานเสร็จก็จากไปอย่างเป็นระเบียบ

ทุกคนพากู้เสี่ยวหวานเข้าไปในห้องโถง ครั้นเห็นราชโองการในมือของกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาก็อ้าปากกว้างจนแทบหุบไม่ได้

“หนิงผิง บนนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไร” กู้ฟางสี่ไม่อยากจะเชื่อ

“ท่านอา บนนั้นเขียนไว้ว่าแต่งตั้งพี่สาวเป็นเสี้ยนจู่แห่งเมืองอันผิง” ฝ่ามือของกู้หนิงผิงสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น

เสี้ยนจู่ระดับห้า

กู้เสี่ยวหวานได้รับการแต่งตั้งเป็นเสี้ยนจู่โดยฮ่องเต้ จากคุณงามความดีด้านการช่วยเหลือผู้คน

“ท่านพี่… มันคือเรื่องจริงงั้นหรือ?”

“ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เป็นพระราชโองการที่ถูกประกาศออกมา และบนนั้นก็มีตราพระราชลัญจกรประทับไว้ ดังนั้นข้าจึงไม่คิดว่ามันเป็นของปลอม” กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งนี้ หากแต่ตราสัญลักษณ์นั้นเกรงว่าจะไม่ใช่ของปลอม

“ของกำนัลจากราชสำนักกำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ พวกมันทั้งหมดอยู่กับอาโม่” ขณะที่เอ่ย อาโม่ก็กลับมาถึงสวนกู้พอดี

เงินทอง หยกหรูอี้ ผ้าแพร ตราประทับ โฉนดบ้าน และโฉนดที่ดิน ทุกอย่างล้วนเป็นของจริง นับว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่กู้เสี่ยวหวานเคยได้รับมา

การปักปิ่นของกู้เสี่ยวหวานจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทรงผม นับตั้งแต่วันนี้ไป ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ป้าจางและกู้ฟางสี่พากู้เสี่ยวหวานไปที่ห้องส่วนตัว ซึ่งมีเสื้อผ้าสีสันสดใสเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว

หลังจากกู้เสี่ยวหวานอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็กลับมาที่ห้องโถงอีกครั้ง ทุกคนในครอบครัวรวมถึงสวีเซียนหลินและฮูหยินสวีกำลังรอนางอยู่ที่นั่น

วันนี้กู้เสี่ยวหวานแต่งหน้าเล็กน้อย คิ้วเรียวสวย เส้นผมสีดำขลับดุจน้ำหมึกที่นุ่มนวลดุจผ้าไหมปลิวไสวอยู่ด้านหลัง

“เพียงพริบตาเดียว จากเด็กหญิงก็เติบโตจนเป็นหญิงสาวเต็มวัย” น้ำเสียงของฮูหยินนั้นหลากหลายอารมณ์ หากแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย

ท้ายที่สุด สวีเฉิงเจ๋อก็ยังไม่มา…

ฮูหยินสวีไม่อยากให้เขามา

เด็กคนนี้มีนิสัยเงียบขรึมและหมกมุ่นแต่กับตำราในชั้นเรียน ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน เขาไม่สามารถเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้

“ฮูหยินสวี เหตุใดพี่เฉิงเจ๋อถึงไม่มาล่ะเจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ สวีเซียนหลินและฮูหยินสวีมาถึงแล้ว กู้หนิงอันก็กลับบ้านมาแล้ว แต่ทำไมนางไม่เห็นแม้แต่เงาของสวีเฉิงเจ๋อ

“พี่เฉิงเจ๋อของเจ้ามีเรื่องบางอย่างต้องทำ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงมาแล้ว” ฮูหยินสวีคลี่ยิ้มบาง และอธิบายแทนสวีเฉิงเจ๋อ “เขามาไม่ได้ แต่ก็ย้ำกับข้าแล้วว่าให้นำความปรารถนาดีของเขามาด้วย เสี่ยวหวาน… สุขสันต์วันเกิด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

หัวใจของฮูหยินสวีมีหลากหลายอารมณ์ ไม่รู้ว่าลูกชายของตนจะโศกเศร้าจนมีสภาพเป็นอย่างไร

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็ไม่อาจเปิดปากบอกความในใจออกมาได้ และหากว่าเขาไม่สามารถบอกออกมาได้ กู้เสี่ยวหวานจะรับรู้ถึงสิ่งภายในใจเขาได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา นางกล้าทำกล้ารับผิดชอบ กล้าที่จะรักและเกลียด คนแบบนี้จะตกหลุมรักสวีเฉิงเจ๋อได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้ที่สวีเซียนหลินกลับมาถึงหอหนังสืออวี้ เขาก็ได้ยินฮูหยินสวีกล่าวว่า กู้เสี่ยวหวานได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสี้ยนจู่

ในตอนนี้เขาจึงรุดขึ้นหน้าเตรียมทักทายกู้เสี่ยวหวาน แต่กู้เสี่ยวหวานจะปล่อยให้เขาคำนับนางได้อย่างไร ดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นในทันที “อาจารย์สวี ท่านจะทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไร พวกเรายังเป็นเหมือนเดิม และข้าก็ยังคงเป็นเสี่ยวหวานคนเดิม”

ฮูหยินสวีไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าอาจารย์สวีกำลังจะทำความเคารพกู้เสี่ยวหวาน ในครั้งนี้นางก็ตระหนักว่าครอบครัวสวีของพวกเขาไม่เหมือนกับกู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป

ก่อนหน้านี้สวีเฉิงเจ๋อไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร?

————————————-