บทที่ 1021 หนูไม่รู้

บทที่ 1021 หนูไม่รู้

เสี่ยวเถียนคงไม่รู้ว่าตัวเองโดดเด่นเพียงใด แต่ฉืออี้หย่วนรู้มาตั้งนานแล้ว

เขาคิดมาตลอดว่าจะต้องมีคนชอบเด็กสาวคนงาม อ่อนโยน โดดเด่นและเรียนเก่งอย่างแน่นอน

เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรู้สึกรักใคร่ เลยไม่ได้นึกห่วงอะไร

แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว ทั้งยังต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยอีก อาจจะโตก่อนวัยอันควรและเข้าใจก็ได้

ความคิดในใจเสี่ยวเถียนพลันหายไป เพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำของฉืออี้หย่วน

เลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

“เธอคิดยังไงหรือ?”

โดยไม่รอให้ตอบชายหนุ่มก็ถามทันที

คิดยังไง?

เด็กสาวไม่รู้ว่าคิดยังไง และควรคิดยังไงด้วย

ตอนนี้เหมือนอยู่ในความฝัน ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าความรู้สึกที่ฉืออี้หย่วนมีไม่ใช่แบบพี่ชายน้องสาว

แม้ชีวิตครั้งใหม่จะมีหลายสิ่งอย่างเปลี่ยนไป แต่เธอเฝ้ามองแต่ครอบครัวตัวเองมีชีวิตดีขึ้นเท่านั้น

ไม่เคยคิดว่างานแต่งจะเป็นยังไง

ที่จริงไม่เคยคิดเลยมากกว่า

ชาติก่อนหลังจากแต่งงาน ชีวิตเธอย่ำแย่มากเพราะตกน้ำเลยป่วย ร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถมีลูกได้

แรก ๆ สามีก็ดีอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเขาทำให้เธอขายหน้ามาก คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

คงเพราะอดีตที่ไม่น่าจดจำเลยทำให้ยอมแพ้เรื่องการแต่งงานและเรื่องความสัมพันธ์ไป

คิดแค่ว่าจะอยู่กับปู่ย่าและพ่อแม่ไปตลอดชีวิต

แต่จู่ ๆ ก็โดนสารภาพรัก

แถมยังเป็นฉืออี้หย่วนคนที่โดดเด่นคนนี้ด้วย

แล้วจะตอบยังไงดีล่ะ?

“หนู หนูไม่รู้…”

สุดท้ายก็ตอบตามใจตัวเอง

ไม่รู้หรือ?

ประโยคเดียวทำบรรยากาศเปลี่ยน

ความหวานแหววหายไปทันตา แม้แต่ดวงจันทร์ที่ลอยอยู่เหนือต้นไม้ก็ไม่สามารถช่วยไว้ได้

ฉืออี้หย่วนถอนหายใจและบีบแก้มเธอเบา ๆ

น้องยังเด็กเลยไม่เข้าใจสินะ

ช่างเถอะ อย่าบังคับจะดีกว่า

เสี่ยวเถียนแก้มร้อนมากจนอยากซ่อนมันเอาไว้

“จำไว้นะเสี่ยวเถียน ห้ามรับรักใครจนกว่าพี่จะกลับมาเข้าใจไหม?”

นี่คือสิ่งสำคัญที่เขาสามารถทำได้

เพราะสารภาพไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

เพราะอย่างนั้นเธอก็อย่ารับคำสารภาพคนอื่นด้วย

คราวนี้เสี่ยวเถียนตอบอย่างรวดเร็ว

“เข้าใจแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะ หนูจะไม่ตอบรับใครทั้งนั้น!”

เธอแสดงจุดยืน

ฉืออี้หย่วนโล่งใจ

ขอแค่เธอให้คำมั่นก็พอแล้ว

เขาจะรีบเรียนให้จบแล้วกลับมาให้ได้ภายในหนึ่งปี

หลังจากนั้นคนอื่นไม่มีโอกาสแน่นอน

เขามั่นใจมาก

“พี่อี้หย่วนไม่โกรธใช่ไหม?”

เธอกะพริบตามองปริบ ๆ

ชายหนุ่มหัวเราะตอนเห็นท่าทางอีกฝ่าย แล้วบีบแก้มนิ่มอีกครั้ง

“เลิกหยิกแก้มหนูนะ หนูโตแล้ว!” คนเป็นน้องประท้วง

ฉืออี้หย่วนหัวเราะร่า

“เธอโตแล้วจริง ๆ หรือ?”

เหอะ ถ้าโตแล้วจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ได้ยังไง?

เด็กน้อย เธอยังเด็กอยู่นะ

เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าในใจอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

“ไป… กลับบ้านกัน”

เขาจับมือแล้วพาเธอกลับ

กลับบ้านหรือ?

คงเป็นเพราะคำสารภาพเลยทำให้บรรยากาศดูหวานแหววไม่หยอก

เด็กสาวอดหน้าแดงไม่ได้

เข้าใจแล้วใช่ไหม?

เข้าใจแล้ว!

แล้วกลัวไหมล่ะ?

กลัวสิ!

เสี่ยวเถียนก้มหน้างุดไปตลอดทาง

ส่วนฉืออี้หย่วนหันไปมองบ่อยครั้งและเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ

สาวน้อยของเขา!

ตอนนี้คงเข้าใจขึ้นมานิดหนึ่งแล้วสินะ

เราเดินจับมือไปตามทางที่ไม่พลุกพล่าน

อะไร ๆ ก็งดงามเหลือเกิน!

พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว

แม้ไม่อยากจากกันแต่ก็ทำไม่ได้

ได้แต่หวังว่าถนนเส้นนี้จะยาวขึ้นอีกหน่อย

ใกล้ ๆ ประตูบ้านมีแผงขายไอศกรีมตั้งอยู่

แม้จะเย็นย่ำแต่อากาศยังร้อนอยู่เลย ไม่สบายตัวสักนิด

“เดี๋ยวพี่ไปซื้อไอศกรีมให้นะ!” ฉืออี้หย่วนยิ้มก่อนปล่อยมือน้อง

ทีแรกจะซื้อแค่สองแท่ง แต่พอคิดว่าสมาชิกบ้านซูน่าจะกลับบ้านกันเยอะเลยซื้อไปเพิ่มอีก

“พี่อี้หย่วนทำไมซื้อไปเยอะจัง?”

เสี่ยวเถียนรีบถาม

“คนน่าจะกลับบ้านเยอะน่ะ เราจะกินแค่สองคนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”

ก็จริงนะ

พี่อี้หย่วนรอบคอบจัง

แต่เด็กสาวจะไปล่วงรู้ความคิดที่แท้จริงได้ยังไงละว่า ชายหนุ่มแค่อยากให้ทุกคนในบ้านพึงพอใจตนเท่านั้น

ไอศกรีมยุคนี้ถือว่าหายาก ราคาแพง ไม่ว่าใครก็ลังเลที่จะซื้อกิน

วิธีคลายร้อนในฤดูนี้จะกินไอศกรีมแท่งและไอศกรีมนมกัน

รสชาติจะมีความเป็นนมมากกว่าแบบแท่ง ซึ่งไม่ใช่แบบที่เรากิน ๆ กันในยุคปัจจุบันหรอกนะ

รสชาติดีกว่าเยอะเลย

แต่ว่ามันก็ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยน่ะ

หลังจากซื้อเสร็จ ความกังวลใจก่อนหน้านี้เป็นอันตรธานหายไป เราทั้งสองรีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที

พอไปถึงคุณย่าซูก็เอ่ยอย่างโกรธ ๆ

“ทำไมซื้อมาตั้งเยอะเลยลูก? มันแพงมากเลยนะ”

“หลานซื้อไปแล้วนะ!” เหลียงซิ่วกลัวว่าเด็กจะหน้าเสียเลยรีบบอก

ตอนนั้นหลานชายของบ้านร้องลั่นแล้วพากันออกมากินไอศกรีม

อากาศร้อนจนจะตายอยู่แล้ว!