บทที่ 1022 ตำแหน่งว่าที่หลานสะใภ้
บทที่ 1022 ตำแหน่งว่าที่หลานสะใภ้
“ขอบคุณสำหรับไอศกรีมนะอี้หย่วน ฉันทนไม่ไหวละ”
ซูเสี่ยวลิ่วได้กัดเนื้อเย็น ๆ เข้าปากก็ยิ้มแย้มดีใจ สายตาที่มองเพื่อนเจือความสุขตามไปด้วย
ฉืออี้หย่วนรู้สึกขอบคุณเหลือเกินที่ซูซื่อเลี่ยงไม่อยู่
ถ้าพี่เขาอยู่ คนขายคงไม่มีทางได้เงินตนหรอก
ดีจริง ๆ ที่กลับบ้านมาช่วงเหมาะเจาะ
เผลอ ๆ คงไม่ได้ใช้เวลากับเสี่ยวเถียนด้วยซ้ำ
แต่ไม่ว่าจะลังเลใจแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องกลับไปอยู่ดี
ก่อนออกเดินทาง ชายหนุ่มถึงกับน้ำตาไหลยามเห็นอาหารที่คุณย่าซูและเหลียงซิ่วตระเตรียมไว้ให้
เรามีพ่อแม่แท้ ๆ แต่พวกเขาไม่เคยดูแลเราเลย
กลับเป็นตระกูลซูที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเราทั้งเอาใจใส่ ทั้งมอบความรักให้จนท่วมท้น
“คุณย่าซู อาสาม ขอบคุณมากครับ” ฉืออี้หย่วนสะอึกสะอื้น
หากไม่ได้เจอคนบ้านนี้ไม่รู้เลยว่าชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร
โชคดีจริง ๆ ที่ได้พบพวกเขา
ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นในชีวิต
“ไม่เป็นไรเลยเสี่ยวหย่วน อยู่ที่นู่นอยากได้อะไรเขียนจดหมายกลับมาหาหรือโทรศัพท์มาบอกก็ได้นะ เดี๋ยวเราส่งไปให้”
หญิงชราลูบหลังเบา ๆ
เสื้อผ้าหน้าร้อนจะบาง จึงรู้สึกถึงน้ำตาอุ่น ๆ ที่ซึมผ่านหลัง
เด็กคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน!
“ได้ครับคุณย่า ผมจะบอกนะ”
ชายหนุ่มผละออก แล้วฝืนยิ้มเพื่อให้ท่านสบายใจ
“ไม่เป็นไรนะลูก แค่ปีเดียวเองเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว พอหนูกลับมาก็ไม่ต้องไปต่างประเทศแล้วละ”
เหลียงซิ่วเริ่มร้อนที่ตา
ฉืออี้หย่วนโค้งขอบคุณด้วยความเคารพผู้ที่ห่วงใยก่อนหันหลังจากไป
จังหวะนั้นแสงแดดได้สะท้อนกับหยาดน้ำ
ทีแรกคนบ้านซูอยากจะไปส่งแต่เขาปฏิเสธ
จึงมีแค่เสี่ยวเถียนกับฉือเก๋อพาไปส่งที่สนามบินเท่านั้น
ระหว่างทางชายชราคุยกับหลานชายเยอะแยะเลย
“เสี่ยวหย่วน ถ้ากลับไปแล้วลำบากอะไรโทรบอกปู่นะ ปู่ดูแลได้อีกหลายปีเลย”
ชายชราไม่คิดว่าฉือเนี่ยนตงและภรรยาจะใจดำกับลูกแบบนี้
“ในเมื่อพวกเขาไม่เห็นหลานเป็นลูก วันหลังก็ไม่ต้องเห็นเขาเป็นพ่อเป็นแม่ ตั้งใจเรียนให้เต็มที่ ไม่มีเงินไม่เป็นไรปู่ยังพอมีอยู่บ้าง!”
ฉือเก๋อมีเงินเก็บแต่ไม่ได้เยอะเท่าไร ทว่าก็พอให้ส่งหลานเรียนแน่นอน
“ปู่ไม่ต้องห่วงเรื่องผมนะ ตอนนี้ผมหางานทำได้แล้ว ดูแลตัวเองได้ครับ”
ฉืออี้หย่วนไม่มีความตั้งใจจะขอเงินปู่ ท่านต้องมีเงินติดตัวไว้บ้างไม่อย่างนั้นอนาคตเกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใช้น่ะสิ
“พี่อี้หย่วนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฝั่งนี้จะดูแลปู่ฉืออย่างดีเลย”
ฉือเก๋อยิ้ม “ก็จริงนะ ตอนหลานไปที่นู่นปู่ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
นอกจากคิดถึงหลานชายไปวัน ๆ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี แต่เขาไม่มีทางบอกหลานหรอก
ฝ่ายคริสติน่าไม่อยากแยกจากเสี่ยวเถียนสักนิด ตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชวนเสี่ยวเถียนไปอยู่ด้วยกัน
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีมาก
ฉืออี้หย่วนกลับเยอรมนีแล้ว มีเหตุผลอะไรที่เสี่ยวเถียนจะไม่ตามไปด้วย?
“ฉันจะไม่ไปหรอก แต่จะคิดถึงเธอนะ” เสี่ยวเถียนกอดเพื่อน “ลองพิจารณาเรื่องลงทุนและทำธุรกิจในจีนดูสิ จะได้เจอกันตลอดไง”
คริสติน่าประทับใจกับคำแนะนำมาก
การทำธุรกิจในจีนเป็นทางเลือกที่ดีจริง ๆ
ตอนนี้ประเทศกำลังพยายามเชิญชวนและมอบเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนอยู่
เดี๋ยวลองกลับไปคุยกับพี่ดู เผื่อจะมาเปิดเส้นทางฝั่งนี้ได้
“ขอบคุณนะเสี่ยวเถียนที่รัก คำแนะนำน่าสนใจมาก!”
หญิงสาวยิ้มสดใส
ฉืออี้หย่วนได้ยินก็ถอนหายใจ เด็กคนนี้มีเก่งเชิญชวนจริง
ยามเครื่องบินแล่นสู่ท้องฟ้า เสี่ยวเถียนอดหลั่งน้ำตาไม่ได้
ในที่สุดก็ได้พบกันแล้วแท้ ๆ แต่ใช้เวลาด้วยกันได้แค่ไม่กี่วันเอง
แล้วทำไมพอเขาจากไปจึงเริ่มคิดถึงกันล่ะ?
ฉือเก๋อมองเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ มุมปากพลันยกยิ้ม
เจ้าอี้หย่วนสมหวังแล้วนะ
เสี่ยวเถียนมีแกอยู่ในใจแล้วละ!
คงหนีไม่พ้นตำแหน่งหลานสะใภ้หรอก
ทีแรกเสี่ยวเถียนว่าจะพาชายชรากลับบ้านและชวนอยู่ต่ออีกหน่อย แต่ฉือเก๋อคิดถึงเด็ก ๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าจึงจำต้องพากลับไป
เสี่ยวเถียนทำได้แค่ส่งเขาไปที่นั่นเท่านั้น
เด็ก ๆ ในตอนนี้ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี สภาพจิตใจจึงดีตามไปด้วย
แถมยังได้รับการสอนจากนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่อย่างฉือเก๋อด้วยอีก ทุกคนจึงได้อ่านบทกวีเรียนรู้มารยาท
เสี่ยวเถียนชอบมาก
หลังจากเล่นกับพวกเขาสักพักจึงขอตัวกลับ
เพราะมีสัญญากับพวกจ้าวหงเหมยว่าพรุ่งนี้บ่ายจะเดินทางไปโรงงาน เลยรีบกลับบ้านไปเตรียมข้าวของ
พวกเธอตั้งใจว่าจะพักค้างที่นั่นอีกหลายวัน
ที่นั่นมีหอพักว่างอยู่ห้องหนึ่งด้วย ไปอาศัยที่นั่นกับเพื่อน ๆ แล้วกัน
ช่วงเย็นเสี่ยวเถียนเริ่มร่างแผนการสำหรับหออีหมิงในอนาคตอย่างจริงจัง
“เสี่ยวเถียน พี่เห็นเธอวาดรูปตลอดเลย ทำอะไรอยู่หรือ?”
ซูเสี่ยวปาเริ่มสนใจ แม้จะมองอยู่นานแต่ไม่เข้าใจเสียที
เหมือนพวกภาพวาดสถาปัตยกรรม แต่น้องไปเรียนเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
คิดแบบนั้นเด็กหนุ่มพลันรู้สึกชีวิตช่างไร้ความหมาย
ช่วยด้วย น้องสาวเพี้ยนไปแล้วทำยังไงดี?
ด่วน ๆ เลยนะ ขอด่วนที่สุด!
เสี่ยวเถียนชี้ให้ดู “พี่แปดว่าถ้าเราจะทำหออีหมิงให้เหมือนในภาพจะดีหรือเปล่า?”
คนพี่มองพลางรู้สึกว่าน้องต้องโง่แน่ ๆ
ถึงจะไม่เข้าใจว่าวาดอะไร แต่มันมีตึกหลายชั้น แล้วหออีหมิงเราจะไปทำขนาดนั้นได้ยังไง?
ตลกหรือเปล่า?
“เสี่ยวเถียนฝันอยู่หรือ? มันต้องใช้เงินเยอะมากเลยไม่ใช่หรือไง?”
พี่ชายส่ายหัว
ถึงร้านตอนนี้จะมีสองชั้น แต่ชั้นสองไม่ได้เปิดให้บุคคลภายนอกเข้า
แล้วเขาก็ไม่เคยเห็นตึกที่มีเจ็ดแปดชั้นเปิดเป็นร้านอาหารมาก่อน
อย่าว่าแต่อย่างอื่นเลยนะ ขนาดธุรกิจในเมืองหลวงที่ได้รับยกย่องมาอย่างยาวนานยังไม่มีใครทำใหญ่โตมโหฬารแบบนี้มาก่อนเลย!