ภาค-6-จบบริบูรณ์ ตอนที่ 63 หอมกลิ่นชาต้อนรับแขก (3)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

ข้าเห็นเขาเอ่ยเช่นนี้จึงถือโอกาสเอ่ยปาก “นี่พี่ติงไม่เข้าใจความคิดของคนตระกูลขุนนางกับพวกพ่อค้าเสียแล้ว ในใจคนเหล่านี้มีเพียงคำว่าผลประโยชน์สองคำเท่านั้น หากมิใช่เช่นนั้นจะลักลอบค้าขายจนรุ่งเรืองได้เช่นไร

คำสั่งของราชสำนักยามอยู่ในดินแดนอู๋เย่ว์มากกว่าครึ่งก็เป็นเพียงแผ่นกระดาษประทับตราเท่านั้น แม้แต่ซั่งเหวยจวินก็คิดสารพัดวิธีส่งคนสนิทของตนเองเข้ามาปกครองอู๋เย่ว์เพื่อที่จะลักลอบค้าขายเหมือนกันมิใช่หรือ

ในใจคนเหล่านี้ผลประโยชน์สำคัญกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น หากบริจาคทรัพย์ก่อตั้งกองกำลังอาสา ต่อไปเมื่อกองกำลังอาสาถูกราชสำนักควบคุม อู๋เย่ว์ย่อมมิอาจหนีพันธนาการของคำสั่งจากเจี้ยนเย่ดังวันวานได้ นี่คือความหวาดกลัวในใจพวกเขา

นอกจากนี้กำไรก้อนโตที่สุดของตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์ก็มาจากการค้าโพ้นทะเล อวี๋หังเป็นท่าเรือใหญ่ที่สุดของดินแดนอู๋เย่ว์ ยามนี้มันถูกองทัพต้ายงปิดกั้นไว้ หากศึกระหว่างสองกองทัพยังมิปรากฏผลแพ้ชนะ ตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์ย่อมมิยินดีล่วงเกินกองทัพต้ายงมากเกินไป”

ตั้งแต่แรกเริ่มในใจติงหมิงคำนึงถึงแต่แผ่นดินและประชาชน ความเห็นแก่ตัวของตระกูลขุนนางและบรรดาพ่อค้าเหล่านี้ย่อมมิทันได้ขบคิดให้ถี่ถ้วน แต่เขาเองก็เป็นคนฉลาด เพียงได้ครุ่นคิดครู่เดียวก็เข้าใจเหตุผลในเรื่องนี้จนกระจ่าง เขามุ่นคิ้วกล่าวว่า “แต่ติ้งไห่ถูกกองทัพต้ายงยึดครองอยู่ การค้าโพ้นทะเลย่อมถูกตัดขาด ตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์สมควรมุ่งมั่นขับไล่กองทัพต้ายง เปิดเส้นทางการเดินทะเลอีกหนจึงจะถูกสิ”

ข้าหัวเราะ “หากหนานฉู่คว้าชัยชนะครั้งใหญ่ในเวลาสั้นๆ ได้ ตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์ย่อมสนับสนุนเต็มกำลัง แต่กองเรือตงไห่ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วหล้า เมื่อพวกเขายึดครองติ้งไห่แล้ว ต่อให้แม่ทัพใหญ่ลู่เก่งกาจดุจสวรรค์ประทานพร ไม่มีเวลาสักสองสามปีก็มิมีทางคว้าชัยชนะเด็ดขาดมาได้

หากเป็นเช่นนี้ ในอนาคตหลายปีต่อจากนี้ สถานการณ์คุมเชิงกันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเดินเรือออกทะเลของอู๋เย่ว์ย่อมได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลังจากการขนส่งทางทะเลของอวี๋หังถูกตัดขาด ตระกูลขนาดเล็กและขนาดกลางรวมถึงพ่อค้าธรรมดาในอู๋เย่ว์อยากร่ำไห้ก็คงไร้น้ำตา แต่ตระกูลพ่อค้าขนาดใหญ่ที่มีอำนาจมหาศาลย่อมทำการค้าผ่านทางหนิงไห่ได้

ยามนี้ใต้หล้ามีกิจการเดินเรือขนาดใหญ่อยู่สองแห่ง ตระกูลไห่เป็นขุมกำลังของต้ายง ส่วนตระกูลเย่ว์แห่งหนานหมิ่นยังคงเป็นของหนานฉู่ ตระกูลเย่ว์ย่อมยินดีที่จะร่วมทำการค้ากับตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์ แม้แต่ตระกูลไห่ก็ย่อมมิปฏิเสธการค้าเช่นนี้ ถึงอย่างไรสินค้าที่ผลิตในอู๋เย่ว์ก็ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในราชสำนักต้ายง ยิ่งไปกว่านั้นเพราะจำนวนสินค้าลดน้อยลง ราคากลับจะยิ่งเพิ่มขึ้นทบทวี สำหรับคนเหล่านี้แล้ว กำไรก็มิลดน้อยลงสักเท่าใด ตรงกันข้ามกลับมีโอกาสที่จะผูกขาดการค้า

เพียงแต่ว่าการจะล่องเรือออกไปค้าขาย มิว่าจะขึ้นเหนือไปยังเกาลี่หรือลงใต้ไปยังแคว้นต่างๆ ทางหนานหยางล้วนต้องผ่านน่านน้ำที่กองทัพต้ายงควบคุมอยู่ การผูกมิตรกับกองทัพต้ายงเป็นการลับจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของที่สุด ในสถานการณ์เช่นนี้จะให้พวกเขากล้าล่วงเกินกองทัพต้ายงได้เช่นไรเล่า”

ติงหมิงฟังถึงตรงนี้ ในใจก็คิดว่าคุณชายอวิ๋นผู้นี้จะต้องเป็นพ่อค้าผู้เก่งกาจมากเป็นแน่จึงมองจุดสำคัญในเรื่องราวเหล่านี้ได้กระจ่างชัดเจน

เรื่องเหล่านี้ข้าล้วนมิเคยทราบมาก่อน อีกประการหนึ่งคนผู้นี้ยังมีความสัมพันธ์กับโรงปักผ้าเสียซิ่วมิตื้นเขิน ดูจากบุคลิกลักษณะของเขากับการที่เถ้าแก่โจวผู้นั้นประจบเอาใจเขาเสียขั้นนั้น เรื่องที่สรรหาน้ำพุเขาฮุ่ยซานมาจากแดนไกลยังมิเท่าไร แต่ยังมิทันถึงช่วงฤดูที่ดีที่สุดก็เร่งส่งเซี่ยซาเหรินเซียงมาให้แล้ว ไม่แน่ว่าคนผู้นี้อาจจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังโรงปักผ้าเสียซิ่วเสียเอง

เมื่อในใจเกิดความคิดเช่นนี้ เขาจึงเจตนาถามขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นในความคิดของคุณชาย สมควรโน้มน้าวอย่างไรให้ตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์สนับสนุนการก่อตั้งกองกำลังอาสา”

ข้าตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ในเมื่อพ่อค้าแสวงหากำไรก็สมควรเอากำไรชักจูงเขา แม่ทัพใหญ่ลู่มิอาจรั้งอยู่ที่อู๋เย่ว์ได้นานแน่นอน เมื่อเขาจากไปแล้ว หากไร้กองกำลังอาสาคอยช่วยกองทัพหนานฉู่เสริมความแข็งแกร่งแนวป้องกันชายฝั่งทะเลของอู๋เย่ว์ กองทัพต้ายงย่อมขึ้นบกกวาดปล้นอีกหน หากกองทัพต้ายงลงมือที่อู๋เย่ว์สำเร็จซ้ำๆ ต่อให้ยอมเปิดทางให้ออกเรือทำการค้า ตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์ก็เพียงตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นเท่านั้น

ยามศัตรูสองฝั่งร่วมมือกัน หากฝั่งหนึ่งมิมีกำลังมากพอย่อมมิอาจสร้างข้อได้เปรียบยามร่วมมือกันได้ ดังนั้นสำหรับตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์แล้ว กองทัพต้ายงต้องถูกบีบให้ถอยไปอยู่ในทะเลจึงจะมีโอกาสเจรจาการค้า ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์เดิมทีแต่ละตระกูลก็มีกองกำลังส่วนตัวอยู่ หากกังวลว่ากองกำลังอาสาจะถูกราชสำนักควบคุม ทำให้เสียหายไปถึงรากฐานของพวกเขา ไยมินำกำลังพลส่วนตัวเข้าไปปะปนกับกองกำลังอาสา เช่นนี้กองกำลังอาสาก็จะอยู่ในการควบคุมของตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์ มิถึงขั้นกลายเป็นเครื่องมือกำจัดผู้เห็นต่างจากราชสำนักไปเสียหมด”

ติงหมิงขมวดคิ้ว “หากเป็นเช่นนี้ แม้กองกำลังอาสาจะก่อตั้งได้สำเร็จ แต่ก็จะมีกำลังพลส่วนตัวของตระกูลใหญ่ในอู๋เย่ว์ผสมอยู่อย่างเลี่ยงมิได้ วันหน้าย่อมเป็นภัย”

ข้าหัวเราะ “ในเมื่อพี่ติงเจตนาจะถาม ข้าก็เพียงลองกล่าวความเห็นดูเท่านั้น นี่เป็นเพียงแผนการรับมือเฉพาะหน้า หากไม่ทำเช่นนี้คงยากจะก่อตั้งกองกำลังอาสาได้โดยไว ส่วนการควบคุมกองกำลังอาสาก็เป็นเพียงข้ออ้างสำหรับโน้มน้าวตระกูลใหญ่ของอู๋เย่ว์เท่านั้น เมื่อต้องดำเนินการขึ้นมาจริงๆ ยังมีรายละเอียดมากมายที่ต้องขบคิด มิทราบว่าสุดท้ายแล้วผู้ใดจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ

จากความเห็นของข้า หากก่อตั้งกองกำลังอาสาขึ้นมาได้แล้ว แม้คนจะไม่สามัคคี แต่อาศัยความสามารถและบารมีของแม่ทัพใหญ่ เรื่องนี้คงสร้างความลำบากให้เขาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม่ทัพใหญ่ลู่เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊ มีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นมาก บางทีอาจมีวิธีการที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้!”

ติงหมิงลอบพยักหน้า รู้สึกว่าอวิ๋นอู๋จงกล่าวมีเหตุผลยิ่งนัก พอเงยหน้ามองก็เห็นคุณชายอวิ๋นผู้นี้สะบัดพัดแผ่วเบา สีหน้าสุขุม ใบหน้าฉายแววเชื่อมั่นในตนเอง เห็นชัดว่ามิสงสัยความคิดของตนเองแม้แต่น้อย ทั้งยังนับถือชื่นชมแม่ทัพใหญ่ลู่ช่านอย่างยิ่งอีกด้วย ดูเช่นนี้ไม่เหมือนเขาสิ้นหวังต่อหนานฉู่อย่างถึงที่สุดดังปากว่า

หากยกคุณธรรมมาโน้มน้าว บางทีอาจเกลี้ยกล่อมให้เขาทุ่มเทกำลังเพื่อแว่นแคว้นได้ อย่างน้อยที่สุดก็อาจจะได้คำชี้แนะหรือการช่วยเหลือจากเขา อีกอย่างคนผู้นี้มีคุณสมบัติและความสามารถเช่นนี้ หากถูกฝังอยู่ท่ามกลางสามัญชนไฉนมิน่าเสียดายยิ่ง

พอคิดมาถึงตรงนี้เขาก็คิดจะออกปากเกลี้ยกล่อม แต่แล้วก็เห็นอวิ๋นอู๋จงดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มสะบัดพัดถามขึ้นด้วยท่าทางไม่อินังขังขอบ “ตามความเห็นของพี่ติง ศึกที่อู๋เย่ว์ กองทัพต้ายงกับหนานฉู่ผู้ใดมีโอกาสชนะมากกว่า สหายร่วมบ้านเกิดของข้าผู้นั้นมีความสามารถพอจะฮุบดินแดนอู๋เย่ว์จริงหรือไม่ แม้คนผู้นั้นชื่อเสียงเลื่องลือ แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย การทำสงครามซึ่งหน้าเช่นนี้ น่ากลัวว่าเขาคงไม่มีหนทางอันใดนักกระมัง”

ติงหมิงได้ยินดังนี้ก็กลืนสิ่งที่เดิมตั้งใจจะพูดกลับลงไป ในใจนึกทอดถอนใจเหลือประมาณ แล้วถอนหายใจตอบว่า “พี่อวิ๋นมองความผิดพลาดในด้านการปกครองของราชสำนักได้ทะลุปรุโปร่ง คิดว่าในใจก็คงทราบความแข็งแกร่งของต้ายงดี กำลังของต้ายงเหนือกว่าแคว้นเรามาตลอด สงครามปราบเป่ยฮั่นหนนั้นเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน แม้ระหว่างทำศึกทั้งสองฝ่ายล้วนมีคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย แต่ต้ายงกลับมิเสียหายถึงรากฐาน ต่อมายังกลืนกำลังของแคว้นเป่ยฮั่นเข้ามาจนหมด แม้แต่องค์หญิงจยาผิงในอดีตก็กลายเป็นพระชายาฉีอ๋องในตอนนี้ กำลังของแคว้นต้ายงมีแต่เพิ่มมิมีลด

ส่วนชิ่งอ๋องที่ฉวยโอกาสก่อกบฏหมายยึดครองแผ่นดินตงชวนก็กลับกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ที่สุด การก่อกบฏที่แปลกประหลาดหนนั้น ยามนี้หวนนึกดูแล้วก็ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อยิ่ง ผู้ใดจะคิดว่ากลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วจะแปรพักตร์ก่อนเปิดศึก

กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วทำตัวลึกลับอยู่ในดินแดนของอดีตแคว้นสู่มาตลอด แม้ต้ายงกับหนานฉู่ของพวกเรากวาดล้างหลายหนก็มิเป็นผลแต่อย่างใด พวกเขาผูกแค้นกับสองแคว้นอย่างล้ำลึก ทุกคนเชื่อเรื่องนี้อย่างมิคลางแคลง ทว่ากลุ่มคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังและลึกลับอย่างที่สุดกลุ่มนี้กลับถูกกรมวินิจการณ์ของต้ายงควบคุมไว้อย่างสิ้นเชิงตั้งนานแล้ว ทำให้การปราบชิ่งอ๋องหลี่คังง่ายดายดุจยกฝ่ามือ

กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วที่มีอำนาจยิ่งใหญ่พริบตาเดียวมลายหายดั่งหมอกควัน หัวหน้ากรมวินิจการณ์เซี่ยโหวหยวนเฟิงสร้างชื่อทั่วใต้หล้า แม้แต่สู่จงก็สั่นสะเทือนเพราะเขา หากมิใช่ว่าแม่ทัพใหญ่ลู่ฉวยโอกาสที่ตงชวนไม่สงบ จู่โจมยึดด่านจยาเหมิงมาได้ น่ากลัวว่ากองทัพต้ายงคงบุกเข้ามาในสู่จงตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว

ยามนี้แม้สู่จงจะมั่นคง แต่แถบเซียงฝานกับเจียงไหวมีกระบี่คมกริบจ่ออยู่เหนือศีรษะตลอดเวลา เหตุการณ์ที่ต้ายงนำกำลังทหารนับล้านบุกมาแต่พ่ายแพ้ศึกใหญ่ที่ไหวซีกับหยางโจวสองหนมิได้ทำให้พวกเขาเสียหายถึงเส้นเอ็นกระดูก

เมื่อจักรพรรดิต้ายงโยกย้ายแม่ทัพผู้กล้าที่เคยยาตราทัพบุกแดนเหนือในอดีตมายังเจียงไหว เกรงว่าคงจะรับมือมิง่ายดายดังก่อน สิ่งที่ทำให้คนปวดหัวยิ่งกว่าก็คือกองทัพต้ายงสร้างเส้นทางใหม่ขึ้นมา พวกเขาบุกโจมตีทางทะเล อู๋เย่ว์ตกอยู่ในอันตราย หนานฉู่ของข้ามีประชากรสิบล้านกับแผ่นดินครึ่งหนึ่งแต่กลับเสียเปล่า ทุกหนทุกแห่งล้วนต้องป้องกัน ทุกหนทุกแห่งล้วนมีกองทัพศัตรู

แม้ข้ามิแตกฉานกลศึกนัก แต่ก็ทราบว่าสิ่งใดคือป้องกันหลายจุดกำลังทหารกระจาย ในศาสตร์วรยุทธ์ก็มีกล่าวถึงหลักการอ่อนมิอาจป้องกัน ตั้งรับนานวันเข้าย่อมพลาดพลั้ง แต่จะสวนกลับก็ไร้กำลังแล้วจะทำเช่นไรได้เล่า ต้าย้งกับหนานฉู่ผู้ใดแข็งแกร่งผู้ใดอ่อนแอ เป็นเรื่องที่เห็นชัดเจนโจ่งแจ้งกันอยู่แล้ว

ส่วนที่คุณชายถามถึงเจียงเจ๋อ เจียงสุยอวิ๋นผู้นี้ ความจริงต่อให้ข้ามิพูด คุณชายก็คงรู้ความร้ายกาจของคนผู้นี้ แม้ในราชสำนักและในหมู่ประชาชนล้วนแต่ดูแคลนหยามหมิ่นคนผู้นี้ ทว่าขอเพียงเป็นผู้ที่มีปัญญา ไฉนจะลืมเลือนเมื่อคราบุกแคว้นสู่ในอดีต คนผู้นี้ถวายแผนการช่วยเหลือเต๋อชินอ๋องกำชัยเหนือเมืองอันแข็งแกร่งติดต่อกัน สุดท้ายยังบีบให้เจ้าแคว้นสู่สวรรคต กำจัดภัยซ่อนเร้นในแคว้นสู่

แม้ต่อมาเขาจะล้มหมอนนอนเสื่อหลบหายไปจนผู้คนค่อยๆ ลืมเลือนความสามารถของเขา แต่ใต้หล้าผู้ใดกล้าลืมเขาบ้าง

ข้าเคยเห็น ‘หนังสือทัดทานการสถาปนาตำแหน่งจักรพรรดิ’ ที่เป็นเหตุให้เขาถูกปลดฉบับนั้น ในหนังสือฉบับนั้นอธิบายอันตรายที่จะกล้ำกรายหนานฉู่ไว้หมดสิ้น ในนั้นมีกล่าวถึงอู๋เย่ว์ ตำหนิกองทหารรักษาเมืองของอู๋เย่ว์ว่ามิฝึกฝนทหาร ตระกูลขุนนางของอู๋เย่ว์มิยอมรับคำสั่งจากเจี้ยนเย่ ยามเกิดเรื่องย่อมไร้ความสามารถต่อกรศัตรู หากวันนี้มิเกิดเรื่องขึ้น ในหนานฉู่ก็คงมิมีผู้ใดเข้าใจว่าในหนังสือฉบับนั้นกล่าวจริงแท้ทุกคำ

ตามความเห็นของข้า เรื่องที่เต๋อชินอ๋องทำพลาดที่สุดก็คือหลังสิ้นใจส่งมือสังหารไปลอบสังหารคนผู้นี้ หากมิใช่เช่นนั้น คนผู้นี้บางทีอาจยังคิดถึงหนานฉู่ ไม่นำทหารบุกโจมตีอู๋เย่ว์อย่างมิอาลัยบ้านเกิดเมืองนอนสักนิดดังเช่นวันนี้”

ติงหมิงกล่าวมาถึงตรงนี้อย่างมิเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย พอกล่าวคำนี้จบ ในลำเรือก็มีเสียงดังกังวานขึ้นหนึ่งหน ทุกคนหันไปมองก็พบว่าถ้วยชาในมือของไผ่ระทมถูกบีบจนแหลก ติงหมิงอยากจะเอ่ยอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้

เวลานี้เอง เสี่ยวซุ่นจื่อก็ยกน้ำพุที่เพิ่งต้มเดือดเตรียมจะเข้ามารินเติมให้พอดี เรื่องที่ไผ่ระทมทำถ้วยชาราคามิธรรมดาเสียหาย เขาขนคิ้วไม่กระตุกแม้แต่นิด เพียงส่งถ้วยชาอีกใบหนึ่งมาให้ นี่เป็นน้ำชาที่จงใจแบ่งออกมาเผื่อเมื่อครู่ จากนั้นเขาก็ส่งผ้าผืนหนึ่งมาให้อีก

ไผ่ระทมยิ้มอย่างอับอาย ใช้ผืนผ้าเช็ดคราบน้ำชาบนมือ ดวงตาก็ฉายแววขออภัย แต่เสี่ยวซุ่นจื่อกลับตรงไปรินน้ำเพิ่มให้ทุกคนเสียแล้ว