บทที่ 1032 เฉาซินเหลียนถูกจับ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1032 เฉาซินเหลียนถูกจับ

บทที่ 1032 เฉาซินเหลียนถูกจับ

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานกับเฉาซินเหลียนจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด หากแต่พวกเขาก็ยังเป็นญาติที่เคยกินข้าวในหม้อเดียวกัน เฉาซินเหลียนนะเฉาซินเหลียน ช่างเป็นคนจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่าเสียเหลือเกิน

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ได้มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับกู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อ แต่ความโศกเศร้าลึก ๆ ที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจของนาง คงจะเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำภายในร่างกายของเจ้าของร่างเดิม

“หวานเอ๋อร์…” เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานนิ่งงันไปเป็นเวลานาน ฉินเย่จือรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อมองดูความเศร้าโศกบนใบหน้าอีกฝ่าย

ในตอนนี้เขาอยากจะสับเฉาฮุยให้แหลกเป็นชิ้น

“พี่เย่จือ มัดเขาและส่งไปที่ศาลาว่าการตอนนี้ และฟ้องร้องเฉาซินเหลียนในข้อหาฆาตกรรม ข้าต้องการให้นางชดใช้ด้วยชีวิตให้พ่อแม่ของข้า” กู้เสี่ยวหวานหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น

ความแน่วแน่และกระหายเลือดฉายชัดในดวงตาของนาง

เมื่อเห็นท่าทางของกู้เสี่ยวหวานแล้ว เฉาฮุยก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น คิดว่าชีวิตของตัวเองคงจบลงแล้ว และคราวนี้เฉาซินเหลียนต้องตายแน่

ฉินเย่จือมัดเฉาฮุย นำเขาขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังศาลาว่าการทันที

ทันทีที่ผู้คนจากศาลาว่าการได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานมาที่นี่ ลวี่เทาก็รีบมาทักทายนางอย่างประจบประแจงทันที

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือยืนอยู่ที่ประตู โดยบนพื้นด้านข้างมีคนถูกมัดมืออยู่นั้น ลวี่เทาก็เอ่ยขึ้น “เสี้ยนจู่ ต้องขออภัยที่ข้าไม่ได้ออกมาต้อนรับ ข้าหวังว่าท่านเจ้าจะไม่ถือสา” ลวี่เทาส่งยิ้มประจบประแจงไปหากู้เสี่ยวหวาน

ครั้นมองไปที่ใบหน้าที่เศร้าหมองของกู้เสี่ยวหวาน และดวงตาที่หวาดกลัวของคนที่คุกเข่าข้างนาง ลวี่เทาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและรีบถามว่า “เสี้ยนจู่เกิดอะไรขึ้น”

กู้เสี่ยวหวานชี้ไปที่เฉาฮุยแล้วพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ใต้เท้าลวี่ ข้าต้องการฟ้องร้องเฉาซินเหลียนและน้องชายของนางที่ฆ่าพ่อแม่ของข้า ยักยอกทรัพย์สินของข้า และทำลายบ้านของข้า”

“ว่าอย่างไรนะ?” เฉาฮุยตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน แต่เมื่อเห็นท่าทางของกู้เสี่ยวหวานเคร่งขรึม เขาก็รู้สึกว่านางคงจะไม่ได้ล้อเล่น

เมื่อลวี่เทาสงบสติอารมณ์ได้ เขาคิดกับตัวเองว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้กู้เสี่ยวหวานพอใจ โดยไม่รอให้กู้เสี่ยวหวานพูดต่อ ลวี่เทาสั่งให้เจ้าหน้าที่จับไปกุมเฉาซินเหลียนและพานางมาที่นี่ทันที

ทางด้านกู้เสี่ยวหวาน ลวี่เทารีบพากู้เสี่ยวหวานไปที่ห้องโถงด้านในเพื่อดื่มชาแก้กระหายน้ำ

เพื่อแก้แค้นคนที่ฆ่าพ่อและแม่ กู้เสี่ยวหวานจึงไม่มีความคิดแม้แต่น้อยที่จะดื่มชา เมื่อเห็นท่าทางที่ว้าวุ่นใจของกู้เสี่ยวหวาน ลวี่เทาจึงรีบให้คนไปส่งข่าวที่สวนกู้

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปที่บ้านเช่าของเฉาซินเหลียน เฉาซินเหลียนยังคงแต่งตัวอยู่เพื่อรอเวลานัดพบกับหลี่ซื่อ

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่สามคนพุ่งเข้ามาประชิดตัว เฉาซินเหลียนก็ตื่นตระหนก “พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่? พวกเจ้ากำลังบุกรุกเข้ามาในบ้านของข้า”

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่สนใจว่าจะเป็นการบุกรุกหรือไม่ และเพื่อประจบประแจงกู้เสี่ยวหวาน ใต้เท้าลวี่ได้สั่งให้พวกเขานำตัวเฉาซินเหลียนกลับไปทันที และเขาเองก็คร้านเกินกว่าจะพูดกับนาง ดังนั้นจึงเดินเข้าไปมัดมือของเฉาซินเหลียนทันที

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร พวกเจ้ากำลังทำอะไร” เฉาซินเหลียนไม่คาดคิดว่าคนเหล่านี้ไม่พูดไม่จา เดินมาถึงก็มัดมือนางทันที นางรู้สึกประหม่าก่อนจะเอ่ยด้วยร้อยยิ้มประจบสอพลอ “ท่านเจ้าหน้าที่ ถ้าพวกท่านมีอะไรจะพูดก็พูดกันดี ๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

หลังจากพูดจบ นางก็ดึงเครื่องประดับผมที่เพิ่งสวมออกจากศีรษะและมอบสิ่งของเหล่านั้นให้กับเจ้าหน้าที่ด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเห็นว่าเป็นของมีค่า เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็เก็บมันไปและท่าทีของพวกเขาก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังคงมัดมือของเฉาซินเหลียนไว้ “มีคนฟ้องร้องเจ้าในข้อหาปล้นทรัพย์และฆาตกรรม ใต้เท้าลวี่กำลังรอเจ้าอยู่ในห้องพิจารณาคดี เอาล่ะ เรายังต้องพาเจ้ากลับไปตามคำสั่ง”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉาซินเหลียนก็เกิดอาการตื่นตระหนก ปล้นทรัพย์และฆาตกรรมหรือ?

หรือว่า…

เฉาฮุยฆ่ากู้เสี่ยวหวานแล้ว

เฉาซินเหลียนมีความสุขมาก ถ้าเขาฆ่านางสำเร็จจริง ๆ ก็จะไม่มีใครมีข้อแก้ตัวให้ตนเอง เฉาซินเหลียนแสร้งทำเป็นตกใจและร้องไห้เสียงดัง “เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจผิด? ข้าเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ข้าจะปล้นทรัพย์และฆาตกรรมได้อย่างไร จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ หรือไม่ก็มีคนใส่ร้ายข้า”

วันนี้เฉาซินเหลียนแต่งหน้าสีฉูดฉาด ทาชาดสีแดงสด และฟันขาวสะอาดเหมือนเด็กสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปด ท่าทางดูสดใสและสดชื่น ร่างกายของนางจึงได้รับการดูแลอย่างดีและมากไปด้วยเสน่ห์

เจ้าหน้าที่มองดูรูปลักษณ์และหน้าตาของอีกฝ่าย มันทำให้พวกเขารู้สึกว่ากระดูกของร่างกายทั้งหมดกำลังจะละลาย

และเมื่อกำลังจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสาร เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดึงแขนเสื้อของเขาทันที และกระซิบว่าใต้เท้ายังรออยู่

เจ้าหน้าที่ผู้นี้ถอนคำพูดที่ต้องการเอ่ยเย้าแหย่เฉาซินเหลียนในทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่านางจะหน้าตาดีแค่ไหน นางก็เป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานและมีลูกแล้ว เมื่อเทียบกับอนาคตของตัวเองที่ยังไปได้อีกยาวไกล อย่าเสียเวลาจะดีกว่า

จากนั้นเขาก็พูดอย่างเคร่งขรึม “ใต้เท้าลวี่จะตัดสินอย่างชัดเจนว่ามีใครกล่าวความเท็จหรือไม่ เจ้าควรมากับเรา อะไรถูกอะไรผิดเจ้าจะรู้เองเมื่อมาที่ศาล”

เฉาซินเหลียนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งได้เข้ามาข้างหน้าและจับนางตัวนางไว้ เฉาซินเหลียนพยายามดิ้นรนและรู้สึกว่ามีคนตบบั้นท้ายของนาง เมื่อหันกลับมาก็พบกับใบหน้าอันดุร้าย และมันทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวในใจ “ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าไม่ได้ฆ่าใครจริง ๆ”

คนเหล่านั้นไม่ฟังคำพูดของเฉาซินเหลียน และพาเฉาซินเหลียนไปที่ศาลาว่าการ

กู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีก็อยู่ในบ้าน เมื่อเห็นแม่ของพวกเขาถูกพรากไป ด้วยความกลัวพวกเขาจึงร้องไห้และวิ่งตามไปตลอดทาง

บนถนน กลุ่มเจ้าหน้าที่พาเฉาซินเหลียนที่กำลังร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคืองไปยังศาลาว่าการ ตามด้วยเด็กสองคนที่วิ่งตามและเรียกหาแม่ตลอดทาง

ทุกคนต่างสงสัยใคร่รู้อย่างมาก และต่างก็คาดเดาว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรลงไป

เฉาซินเหลียนเพิ่งย้ายมาที่เมืองได้ไม่นาน แต่เพราะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย นางจึงได้รู้จักกับผู้คนมากมาย เมื่อเห็นว่าเฉาซินเหลียนถูกจับ พวกเขาทั้งหมดก็พากันชะเง้อคอดูและซุบซิบกัน

จากนั้นฝูงชนจึงเดินตามไปจนถึงศาลาว่าการ

คนดูที่ตามมาก็แน่นขนัดไปทั้งศาลาว่าการ กระซิบกระซาบกัน และต่างเดาว่าเกิดอะไรขึ้น