บทที่ 1026 ข้อเสนอเป็นอันตกลง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1026 ข้อเสนอเป็นอันตกลง

บทที่ 1026 ข้อเสนอเป็นอันตกลง

“สาวน้อย อย่าหาว่าใจร้ายกันเลยนะ แต่ฉันอยากได้ห้าหมื่นน่ะ”

สีหน้าคนพูดดูขมขื่นเล็กน้อย

ครอบครัวตนพอมีฐานะอยู่บ้าง นอกจากโรงงานหลังนี้แล้วก็ยังมีเรือนสี่ประสานอีกแห่งด้วย

แต่เราไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น

ไม่กี่วันก่อน ลูกสะใภ้แนะนำให้เราย้ายไปต่างประเทศเพื่อหาหนทางพัฒนา เธอยังบอกอีกว่าคนที่ได้ไปร่ำรวยกันทั้งนั้น

แถมยังดีต่อเด็ก ๆ และทำให้พวกเขาได้รับการศึกษาดี ๆ อีกด้วย อะไรทำนองนั้น

หลังจากตัดสินใจพวกเขาก็ทิ้งทุกอย่างแล้วออกนอกประเทศทันที

เรือนสี่ประสานขายง่ายมาก เพิ่งจะออกไปได้เมื่อสองวันก่อนเอง

มันเป็นเรือนสี่ประสานสามวง ขายในราคาห้าหมื่นหยวน

ถึงเงินก้อนนี้จะพอให้ไปต่างประเทศ แต่ตัวเขาไม่คิดเช่นนั้น

หากเขาขายโรงงานได้ในราคาเดียวกันจะพอให้ทั้งครอบครัวเขาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ และมีทุนเริ่มต้นชีวิตอีกด้วย

“ลุงชุย หนูไม่รู้ว่าลุงมีแผนอะไรนะคะ แต่ถ้าลุงขอห้าหมื่น หนูไม่คิดว่าจะขายออกได้ในสามหรือห้าเดือนนี้หรอกนะ”

ก็จริงนั่นแหละ เขารู้ดี

เพราะโรงงานนี้ไม่ได้อยู่ในเมือง ต่อให้มีพื้นที่กว้างก็ดูเหมือนทำอะไรไม่ได้นอกจากเปิดโรงงาน

แต่เขาไม่มีทางเลือก ถ้าเงินไม่พอ หลังจากเดินทางไปที่นั่นคงลำบากแน่ ๆ

“สาวน้อย ฉันบอกตรง ๆ ก็ได้นะ ถ้าเก็บที่ดินนี้ไว้อีกสักปีสองปี ราคาจะเพิ่มขึ้นแน่นอน” สหายชุยยิ้ม

นี่คือเหตุผลที่มั่นใจในการขอราคานี้มาก ๆ

ถ้าบ้านเราไม่ได้รีบร้อนจะไปขนาดนั้น ตนก็ยินดีเก็บไว้ต่อนั่นแหละ

มันก็จริงอย่างที่ว่านั่นแหละ เสี่ยวเถียนคิด

เผลอ ๆ ขายตอนนี้ขาดทุนกว่ารอขายปีหน้าอีก

ในเมื่อเขาก็รู้แล้วทำไมถึงร้อนใจจังล่ะ?

สุดท้ายก็ถามความแคลงใจออกไป

“ครอบครัวฉันอยากไปพัฒนาสร้างตัวที่ต่างประเทศน่ะ เพื่อที่จะได้ไปอยู่อย่างมั่นคงเลยก็ต้องขายน่ะ”

ไปต่างประเทศสินะ!

เข้าใจละ

ยุคนี้มีหลาย ๆ คนยอมล้มละลายเพื่อหาเงินไปต่างประเทศกันอยู่

ในสายตาคนจีนส่วนใหญ่มองว่าต่างประเทศเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยทองคำ

เหมือนกับว่าถ้าได้ไปแล้วยามกลับมาคนจะกลายเป็นเศรษฐี

ที่จริงก็ไม่ได้มีคนทำได้เยอะขนาดนั้นหรอก ส่วนหนึ่งคืออาจจะเพราะพื้นเพทางบ้านมั่นคงอยู่แล้วหรือมีความสามารถส่วนบุคคลที่มากพอ

เธอคิดว่าต่อให้ไปก็ไม่มีทางหาเงินได้หรอก

ปัจจุบันโอกาสในประเทศเราก็ดีพออยู่แล้ว หากเก่งพอเราพัฒนาตนเองที่นี่ได้

เธอไม่ได้เกลี้ยกล่อมเขา

คนมันตัดสินใจไปแล้วคงไม่ได้เปลี่ยนใจกันง่าย ๆ หรอก

“ห้าหมื่นหยวนเยอะไปหน่อยค่ะ หนูให้สี่หมื่นห้า ยังไงราคาก็มากกว่าราคาตลาดอยู่แล้วละ”

เธอเอ่ยด้วยความสงบ

ท่าทางเหมือนคนเดินมาซื้อไก่

สหายชุยขมวดคิ้ว

ห้าหมื่นเป็นเงินก้อนใหญ่นะ

แต่อย่างที่เธอบอก ราคาตลาดของโรงงานแห่งนี้อยู่ที่สี่หมื่นถึงสี่หมื่นสามพันหยวน

“สี่หมื่นห้าน้อยไป ห้าหมื่นขาดตัว ถ้าเซ็นสัญญาวันนี้โอนกรรมสิทธิ์เลย ถ้าไม่เอาก็พอเท่านี้”

หลังจากขบคิดอยู่นาน เจ้าตัวรู้สึกว่าไม่คุ้ม

ถ้าตอนนี้ขายไม่ได้รออีกหน่อยแล้วกัน

ไว้ที่บ้านไปต่างประเทศกันก่อน ส่วนเขาจะรอจนราคาขึ้นถึงค่อยขายแล้วกัน

เมื่อทั้งสองได้ฟังเช่นนั้นเป็นอันรู้ว่าเจรจาไม่ได้แล้ว

แต่เธอไม่ใช่คนยอมแพ้

“ลุงจะไปต่างประเทศใช่ไหมคะ แต่เงินที่หนูให้เป็นสกุลจีนนะ ถึงเอาไปที่นั่นคงลำบากอยู่ดี งั้นจะให้ทองคำกับลุงสักหน่อย ลุงคิดว่าไงคะ?”

เสี่ยวเถียนแนะนำ

หลายปีที่ผ่านมาเธอเก็บทองไว้เพียบเลย แต่ราคาในประเทศต่ำกว่าราคาในต่างประเทศน่ะ

ซึ่งเธอไม่เคยแลกเป็นเงินสดเลย

สหายชุยได้ยินถึงกับตาลุกวาว

เขาตั้งใจจะเอาทองคำไปแลกที่ต่างประเทศอยู่ คงจะดีถ้าสาวน้อยมอบให้เขาได้

เสี่ยวเถียนรู้ราคาทองในตอนนี้ดี

เด็กสาวอธิบายสถานการณ์ให้ฟังอย่างสมเหตุสมผล และวิเคราะห์ให้เขาฟัง

ตอนนี้ราคาทองคำในธนาคารของประเทศเราอยู่ที่ 18 หยวนต่อ 51 กรัม ส่วนราคาในต่างประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 360 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

พอแปลงออกมาแล้วจะได้เป็น 11 หยวนหรือเท่ากับ 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้น่าจะอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 2.5 หยวน

ส่วนราคาทองคำระหว่างประเทศคือ ทองคำ 1 กรัมแปลงเป็นหยวนได้เท่ากับ 26 หยวน

เสี่ยวเถียนอธิบายอย่างชัดเจนและรวดเร็ว

ในเมื่อคุณลุงจะไปต่างประเทศและตั้งใจแลกทองคำ ก็จะต้องศึกษาราคาทองคำอยู่แล้ว

ราคาทองคำในประเทศตกลงมาก ต่อให้แลกเป็นราคาธนาคาร คนธรรมดาคงไม่ได้ทำกันง่าย ๆ หรอกนะ

ต้องใช้เส้นสายเท่านั้น

อย่างที่บอก ทองคำ 1 กรัมมีมูลค่า 26 หยวน และสหายชุยรู้สึกว่าไม่คุ้ม

ราคาในประเทศแค่ 18.5 หยวนเอง

“สาวน้อย งั้นลดเป็น 1 กรัมต่อ 25 หยวนแล้วกัน ถ้าเธอตกลงเราจะเซ็นสัญญาและโอนกรรมสิทธิ์ให้เลย”

ทีแรกจะเจรจาราคา 23 หยวน แต่อีกฝ่ายเสนอทองเพื่อประหยัดเงินน่ะสิ ถ้าเขาเอาตามนั้นน่าจะลำบาก

“หนูให้ลุง 1 กิโลกรัม และเงินสด 23,000 หยวน ลุงเห็นด้วยไหมคะ?”

ถึงราคาโรงงานจะสูงไปหน่อย แต่พอคำนวณดูก็ไม่ได้น่าเกลียดมาก ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับไหว

สหายชุยขบคิดก่อนตอบตกลง

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”

ทีแรก ซูเสี่ยวซื่อคิดว่าจะมีจังหวะให้แสดงความสามารถ แต่กลายเป็นว่าไม่มีที่ให้เขาได้เฉิดฉายเลย น่าเสียใจจริง ๆ

น้องสาวเก่งแบบนี้ก็ลำบากอยู่แล้วสิ

ในฐานะพี่ชาย ไม่เห็นรู้สึกถึงความสำเร็จเลย

“งั้นเป็นอันตกลงนะคะ ถ้าลุงรีบ เราจะจัดการเรื่องนี้ในตอนเช้าเลยค่ะ”

“ได้สิ แต่ขอเห็นทองก่อนนะ!”

ทองคำหนึ่งกิโลกรัมเชียวนะ เขากลัวว่าเธอจะเอามาให้ไม่ได้

เพราะเจ้าตัวเด็กเกินไป แถมเป็นผู้หญิงด้วย จะคุยกับที่บ้านได้หรือ?

สหายชุยไม่รู้ว่าเสี่ยวเถียนตัดสินใจได้เลยเพราะเธอเป็นเจ้าของทองคำอยู่แล้ว

ส่วนก้อนทองคำที่ขุดเจอบนเขาเมื่อสมัยนู้นเธอเคยชั่ง หนักมากกว่าเก่าร้อยกรัมเสียอีก

แต่ทองคำที่เป็นก้อนน้อย ๆ แบบนั้นมันแลกลำบาก เธอเลยจะให้เป็นทองคำแท่ง