ตอนที่ 1024 ไม่มีข้อยกเว้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1024 ไม่มีข้อยกเว้น

หลังจากจักรพรรดินีองค์นี้ขึ้นครองบัลลังก์ การปกครองระบอบใหม่ของนางล้วนมีประโยชน์ต่อบ้านเมืองและชาวบ้าน นอกจากเรื่องที่เป็นสตรีแล้ว นางคือจักรพรรดินีที่ทรงคุณธรรมและปรีชาชาญ
ซุนเหวินเหยาไม่อยากทำเช่นนี้เลยสักนิด ทว่า เขาไม่อาจขัดคำสั่งเบื้องบนได้
บัดนี้ไป๋จิ่นจื้อกำลังโดนขัดสีฉวีวรรณด้วยสมุนไพรไม่รู้กี่ชนิดต่อกี่ชนิดอย่างที่ไป๋ชิงเหยียนคิดไว้จริงๆ สาวน้อยลืมเรื่องซุนเหวินเหยาไปเสียสนิท
หลู่ไท่เว่ยที่เพิ่งได้หยุดพักจิบน้ำชา แช่เท้าผ่อนคลายได้รับรายงานเรื่องที่ไป๋จิ่นจื้อก่อในเมืองหลวง เขาวางถ้วยชาในมือลง ยกพัดกลมขึ้นพัดพลางถอนหายใจ “เกาอี้จวิ้นจู่ผู้นี้ช่างอารมณ์ร้อนเสียจริง แตกต่างจากทายาทคนอื่นในตระกูลไป๋มาก ไม่รู้ว่าวันหน้าจะแต่งงานเข้าตระกูลใดให้ตระกูลนั้นปวด…”
กล่าวถึงตรงนี้หลู่ไท่เว่ยรีบเปลี่ยนคำทันที “ตระกูลใดจะโชคดีได้เกาอี้จวิ้นจู่ที่มีนิสัยตรงไปตรงมาไปเป็นสะใภ้กันนะ!”
หลู่จิ่นเสียนที่กำลังแช่เท้าเป็นเพื่อนบิดาหัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นยกชาขึ้นจิบ “ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใด ล้วนเป็นวาสนาของตระกูลนั้น พวกเขาต้องต้อนรับนางอย่างดีใจขอรับ ได้ยินว่ามารดาของฮูหยินสามหลี่ซื่อพาหลานชายคนรองของตัวเองมายังเมืองหลวง คงได้ยินว่าเกาอี้จวิ้นจู่กำลังจะเดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้วจึงอยากแต่งงานกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกันมากขึ้นขอรับ”
หลู่ไท่เว่ยพยักหน้าพลางพัดพัดกลมใบมือเบาๆ อย่างน้อยตระกูลของเขาก็ไม่คิดเป็นดองกับราชวงศ์ ขอเพียงไม่ใช่ตระกูลเขาก็พอแล้ว ตระกูลเขามีหลู่หยวนเผิงที่เอาแต่เรียกท่านปู่ทั้งวันจนเขาปวดศีรษะเพียงคนเดียวก็พอแล้ว หากมีเกาอี้จวิ้นจู่มาเพิ่มอีกคนหลู่ไท่เว่ยคงรับไม่ไหว
“ว่าไปแล้วบรรดาน้องสาวของฝ่าบาทในตอนนี้ นอกจากฮูหยินฉินที่แต่งงานออกเรือนไปกับฉินหล่างแล้ว คุณหนูสาม คุณหนูสี่ คุณหนูห้าและคุณหนูหกล้วนอยู่ในวัยออกเรือนแล้วทั้งสิ้น ขุนนางอย่างพวกเราควรช่วยมองหาคนที่เหมาะสมให้บรรดาน้องสาวของฝ่าบาทบ้าง ฝ่าบาททรงสนิทสนมกับบรรดาน้องสาวของพระองค์มาก”
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าหลางเจี๋ยของพวกเราเหมาะสมกับคุณชายสามแห่งตระกูลไป๋หรือไม่ขอรับ” หลู่จิ่นเสียนพุ่งเป้าหมายไปที่ไป๋ชิงฉี ชายหนุ่มคือคนที่สุขุมที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
“วันหน้าเราลองทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทดีหรือไม่ขอรับ คุณชายสามอยู่ในวัยแต่งงานแล้ว หลางเจี๋ยของพวกเราเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม ถึงแม้ไม่ใช่สตรีที่มีความสามารถเหมือนดั่งฝ่าบาท ทว่า ถือสตรีเป็นสตรีที่โดดเด่นในบรรดาสตรีคนอื่นแล้วขอรับ!”
เมื่อเห็นบิดาไม่กล่าวสิ่งใด มีท่าทีราวกับครุ่นคิดอยู่ หลู่จิ่นเสียนจึงกล่าวต่อ “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ชมบุตรสาวตัวเองนะขอรับ ด้วยนิสัยของหลางเจี๋ย หากนางได้แต่งงานกับคุณชายสามไป๋ชิงฉีจริงๆ นางคงช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทได้มากเลยขอรับ!”
“หลางเจี๋ยเป็นคนมีความมุ่งมั่น บัดนี้ฝ่าบาททรงเปิดสำนักศึกษาสำหรับสตรี ทรงให้สิทธิพิเศษกับบัณฑิตมากมาย หากบัณฑิตในสำนักศึกษาสอบผ่านเกณฑ์ในทุกเดือนที่มีการจัดสอบในสำนักศึกษา พวกนางจะได้สิทธิเข้าร่วมการสอบชุนเหวยที่จะจัดขึ้นในเดือนสอง ปีหน้าโดยปริยาย นางหวังอยากเข้าไปทำงานในราชสำนักกับบิดาและพี่ชาย ไม่มีทางยินดีแต่งงานออกเรือนในตอนนี้หรอก รอดูไปก่อนเถิด สวรรค์เป็นคนกำหนดชะตาของเด็กเหล่านี้ พวกเราไม่ต้องรีบร้อน”
หลู่ไท่เว่ยกล่าวอย่างไม่ร้อนใจ เขาคิดว่าหากสวรรค์กำหนดมาแล้วว่าคนผู้นั้นคือเขยหรือสะใภ้ของตระกูลหลู่ คนผู้นั้นย่อมหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน ทว่า หากไม่ใช่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่ใช่อยู่ดี
วันที่ยี่สิบเก้า เดือนเก้า อ๋องแห่งเมืองหานและแม่ทัพจ้าวเซิ่งพาทูตของแคว้นตงอี๋เดินทางมาถึงเมืองหลวงเพื่อมอบบรรณาการให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจว
ทูตของแคว้นตงอี๋มีจุดประสงค์เช่นเดียวกับทูตของต้าเยี่ยน พวกเขากล่าวว่าตอนที่พวกเขาเป็นรัฐบรรณการของต้าเหลียง สองแคว้นแต่งงานเชื่อมไมตรีกันมาสองรุ่นแล้ว บัดนี้แคว้นตงอี๋ยินดีสวามิภักดิ์ต่อต้าโจว เขาอยากให้แคว้นต้าโจวยึดธรรมเนียมเช่นนี้ต่อ ให้ต้าโจวส่งองค์หญิงไปแต่งงานเชื่อมไมตรีที่แคว้นตงอี๋ บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนไม่มีธิดา ทว่า มีน้องสาว ทูตของตงอี๋ตั้งใจมาสู่ขอน้องสาวคนใดคนหนึ่งของไป๋ชิงเหยียนไปเป็นชายารองของรัชทายาทแห่งแคว้นตงอี๋
ไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวสิ่งใด หลิ่วหรูซื่อก้าวไปด้านหน้าพลางกล่าวขึ้นก่อนยิ้มๆ “ก่อนหน้านี้แคว้นต้าเยี่ยนเสนอตำแหน่งไทเฮาและรัชทายาทในภายภาคหน้าเป็นของหมั้นเพื่อแต่งงานเชื่อมไมตรีกับต้าโจว ฝ่าบาทยังไม่ทรงอนุญาต แคว้นเล็กอย่างแคว้นตงอี๋กล้าสู่ขอพระขนิษฐาของฝ่าบาทไปเป็นชายารองของรัชทายาทแห่งแคว้นตงอี๋หรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนคลี่ยิ้มน้อยๆ จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ “ไม่ว่าตำแหน่งฮองเฮาหรือตำแหน่งชายารอง น้องสาวและสตรีแคว้นต้าโจวของเราไม่มีทางแต่งงานไปอยู่แคว้นอื่นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นแคว้นใดล้วนไม่มีข้อยกเว้นทั้งสิ้น รบกวนท่านทูตแคว้นตงอี๋กลับไปรายงานให้จักรพรรดิแคว้นท่านทราบด้วย”
บัดนี้แคว้นต้าโจวแข็งแกร่งมากเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องมีการแต่งงานเชื่อมไมตรี
นับแต่โบราณสตรีที่ต้องแต่งงานเชื่อมไมตรีต้องจากแคว้นบ้านเกิดของตัวเองไปไกล เมื่อต้องแต่งงานไปอยู่ที่อื่น แม้จะได้รับความรักและการให้เกียรติจากสามี ทว่า สตรีเหล่านั้นไม่มีทางมีความสุขเท่ากับแต่งงานอยู่ในแคว้นของตัวเอง ได้อยู่ใกล้ชิดกับบิดามารดาของตน ดังนั้นสตรีของต้าโจวจะไม่แต่งงานเชื่อมไมตรีกับแคว้นอื่นเด็ดขาด
คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้บรรดาขุนนางในราชสำนักโล่งใจไม่น้อย ปกติแล้วหากจักรพรรดิไม่มีธิดาหรือไม่อยากให้ธิดาของตัวเองแต่งงานไปอยู่แคว้นอื่น เขามักจะแต่งตั้งบุตรสาวของขุนนางใหญ่หรือบุตรสาวของเชื้อพระวงศ์ขึ้นเป็นองค์หญิงเพื่อแต่งงานแทน ทว่า ตระกูลใดอยากให้บุตรสาวของตัวเองแต่งงานไปอยู่แคว้นอื่นกัน
ผู้ที่รักบุตรสาวของตัวเองจริงๆ ล้วนไม่อยากให้บุตรสาวทนทุกข์ทรมานจากการแต่งงานไปอยู่แคว้นอื่น ผู้ที่เห็นแก่ผลประโยชน์กลัวว่าเมื่อบุตรสาวของตัวเองแต่งงานไปแล้วจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้ตระกูลในราชสำนักได้อีกแล้ว
คำกล่าวห้วนๆ ของหลิ่วหรูซื่อทำให้ทูตของแคว้นตงอี๋เริ่มเหงื่อซึม ทว่า คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนถือว่าไว้หน้าทูตของแคว้นตงอี๋มากแล้ว ทูตของตงอี๋รีบรับคำและถอยกลับไปยืนที่เดิมทันที
ทว่า คำกล่าวของทูตแคว้นตงอี๋ทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในเมืองหลวงของต้าโจว บรรดาอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนและฮูหยินสูงศักดิ์ในเมืองหลวงต่างเริ่มมีความคิดบางอย่างขึ้นมาทันที บัดนี้บุตรชายและบุตรสาวในตระกูลของตัวเองล้วนเติบใหญ่กันหมดแล้ว
บุรุษและสตรีควรแต่งงานในวัยที่เหมาะสม นี่คือสิ่งที่ปฏิบัติต่อกันมาตั้งแต่โบราณ
ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋ชิงอวิ๋น เสี่ยวอู่ เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชีไม่อยู่ในเมืองหลวงจึงยังไม่เท่าใดนัก ทว่า ไป๋จิ่นจื้อที่เพิ่งกลับมากลายเป็นเนื้อชิ้นหอมที่ทุกคนต่างพากันจับจ้อง
ไป๋จิ่นจื้อที่เพิ่งกลับมาจากการถูกมารดาลากไปพบญาติผู้พี่รีบวิ่งไปหาไป๋ชิงเหยียนทันที สาวน้อยขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนส่งนางไปหาบรรดาพี่น้องที่หนานเจียง
“พี่หญิงใหญ่ดูท่านแม่แต่งกายให้ข้าสิเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อเดินไปมาหน้าโต๊ะของไป๋ชิงเหยียนไม่หยุด สาวน้อยมองไปยังไป๋หวั่นชิงที่อยู่ในอ้อมกอดของไป๋ชิงเหยียน เขย่าสร้อยทับทิมเม็ดใหญ่บนคอของตัวเอง จากนี้ไปทางไป๋หวั่นชิง “ข้าแทบจะมีดอกไม้เต็มร่างหมือนเสี่ยวปาเข้าไปทุกทีแล้วเจ้าค่ะ!”
ตอนอยู่ในค่ายทหารไป๋จิ่นจื้อสวมแต่ชุดนักรบจนเคยชินแล้ว บัดนี้ให้นางแต่งกายเป็นสตรีอ่อนหวาน สวมเครื่องประดับศีรษะและสร้อยคอที่หนักอึ้งเช่นนี้ ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกเหมือนกำลังเป็นนักโทษ
ไป๋หวั่นชิงไม่พอใจขึ้นมาทันที เด็กน้อยเบ้ปาก จ้องไปทางพี่หญิงสี่ของตัวเองเขม็ง
“พี่หญิงสี่เป็นลิง! พี่หญิงสี่ต่างหากที่มีแต่ดอกไม้เต็มตัว เสี่ยวปาน่ารักเจ้าค่ะ”
เด็กน้อยยังพูดไม่ชัด ทว่า ความจำดีมาก นางจำได้แม่นว่าไป๋จิ่นจื้อหาว่านางเป็นลิง
“เสี่ยวปาของเราน่ารัก งดงามที่สุด!” ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของไป๋หวั่นชิงอย่างอ่อนโยน
เด็กน้อยซบหน้าลงบนฝ่ามือของไป๋ชิงเหยียนอย่างชอบใจ เหล่มองไปทางไป๋จิ่นจื้อแวบหนึ่ง จากนั้นวาดพู่กันลงบนม้วนไม้ไผ่ต่อ
ไป๋จิ่นจื้อไม่ได้ทะเลาะกับเด็กน้อยอย่างไป๋หวั่นชิงต่อ สาวน้อยนั่งลงตรงหน้าโต๊ะหนังสือของไป๋ชิงเหยียน
“พี่หญิงใหญ่ต้องช่วยหาทางให้ข้านะเจ้าคะ ข้าไม่อยากอยู่เมืองหลวงต่อแล้วเจ้าค่ะ ให้ข้ากลับค่ายทหารเถิดเจ้าค่ะ!”