ตอนที่ 1025 เห็นแก่ความหลัง
ไป๋ชิงเหยียนขบขันกับท่าทีของไป๋จิ่นจื้อ ทว่า เริ่มนึกถึงเรื่องแต่งงานของไป๋จิ่นจื้ออย่างจริงจังขึ้น “พี่ขอถามเจ้าสักนิด เมืองหลวงมีบุรุษดีๆ มากมาย เจ้าถูกใจผู้ใดบ้างหรือไม่”
“เมืองหลวงมีบุรุษดีๆ ที่ใดกันเจ้าคะ! บุรุษดีๆ ล้วนอยู่ในสนามรบทั้งสิ้น แม้แต่หลู่หยวนเผิงหลานชายของหลู่ไท่เว่ยที่เคยแต่เล่นสนุกไปวันๆ ในเมืองหลวงยังเก่งกว่าบุรุษในเมืองหลวงอีกเจ้าค่ะ อย่างน้อยเขาก็รู้จักไปออกรบเพื่อปกป้องบ้านเมือง”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองไป๋จิ่นจื้อที่กำลังเขี่ยม้วนไม้ไผ่เล่น จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่จริงจัง “เจ้าชอบหลู่หยวนเผิงอย่างนั้นหรือ”
“พี่หญิงใหญ่ล้อข้าเล่นหรือเจ้าคะ แค่ข้าบอกว่าหลู่หยวนเผิงดีกว่าบุรุษในเมืองหลวงตอนนี้ ผู้ใดชอบหลู่หยวนเผิงกันเจ้าคะ เจ้าคนนั้นยังโตเป็นหนุ่มไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ! นอกจากทนลำบากในค่ายทหารได้ เขาไม่มีสิ่งใดเข้าตาข้าสักอย่างเลยเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อรีบปฏิเสธ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าอยู่ต่อเป็นเพื่อนท่านอาสะใภ้สามอีกสักครึ่งเดือน หลังจากนั้นพี่จะส่งเจ้าไปหนานเจียง…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นจื้อแสดงสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมออกมา สาวน้อยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นต่อรองกับพี่สาวของตัวเองอย่างจริงจัง “พวกเราถอยคนละก้าว เจ็ดวันได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ซุนเหวินเหยาผู้นั้นมาหาเจ้าอีกหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเรื่อง
ไป๋จิ่นจื้อไม่เคยระวังตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่หญิงใหญ่ สาวน้อยจึงถูกเบี่ยงประเด็นอย่างรวดเร็ว “ข้าถูกท่านแม่พาไปดูตัว มีเวลาว่างที่ใดกันเจ้าคะ ได้ยินว่าตั้งแต่ซุนเหวินเหยากลับมา เขาอยู่แต่ในค่ายทหารเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องนี้ดี หลังจากที่ไป๋จิ่นจื้อเล่าเรื่องซุนเหวินเหยาให้นางฟัง หลู่ผิงก็มาบอกให้นางเตือนไป๋จิ่นจื้อให้ระวังซุนเหวินเหยาผู้นี้เช่นเดียวกัน นางจึงสั่งให้หลูผิงส่งคนไปสืบเรื่องนี้
ได้ยินว่าซุนเหวินเหยาผู้นี้อยู่อย่างสงบเสงี่ยม ฝึกฝนร่างกายในค่ายทหารตามปกติทุกวัน ไม่เคยก่อเรื่อง บางทีก็ออกไปหาของอร่อยในเมืองหลวงทานกับบรรดาทหารสามสี่นายที่ไป๋จิ่นจื้อพากลับมาเมืองหลวงด้วย
ต่อมาเมื่อแม่ทัพจ้าวเซิ่งและทหารค่ายผิงอันเดินทางมาถึงเมืองหลวง ซุนเหวินเหยาจึงกลับไปรวมตัวกับกองทัพของตัวเอง
“ฝ่าบาท หัวหน้าหลูขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ…”
ไป๋ชิงเหยียนตบก้นของไป๋หว่านชิงเบาๆ จากนั้นกล่าวกับเว่ยจง “เจ้าช่วยพาเสี่ยวปากลับไปส่งให้ท่านอาสะใภ้ห้าที”
“พี่หญิงใหญ่ เสี่ยวปาไม่กลับเจ้าค่ะ!” ไป๋หว่านชิงจับเสื้อของไป๋ชิงเหยียนแน่นพลางมองไปทางไป๋ชิงเหยียนตาปริบๆ “พี่หญิงสี่อยู่ เสี่ยวปาจะอยู่ด้วย เสี่ยวปารักพี่หญิงใหญ่ที่สุดเจ้าค่ะ…”
เด็กน้อยตัวอ้วนกลมมองไปที่ไป๋ชิงเหยียนตาแป๋วเช่นนี้ ผู้ใดจะทนได้กัน
ไป๋ชิงเหยียนบีบแก้มของไป๋หว่านชิงเบาๆ จากนั้นให้เว่ยจงพาหลูผิงเข้ามา
เมื่อหลูผิงเข้ามาด้านในแล้วเห็นว่าสามพี่น้องอยู่กันครบจึงทำความเคารพคุณหนูทั้งสาม จากนั้นกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ ซุนเหวินเหยาไปพบคุณหนูสองของจวนฉินขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อตกใจเล็กน้อย สาวน้อยหันไปมองไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “ได้ยินว่านางสองคนก่อเรื่องขึ้นมากมายหลังจากต้าจิ้นถูกสถาปนาเป็นแคว้นต้าโจว ทว่า ต่อมากลับสงบลง…”
หลูผิงพยักหน้า “ข้าให้คนลองสืบดูแล้วขอรับ คุณหนูตระกูลฉินทั้งสองคนนี้ค่อนข้างแปลกคน ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ว่าพวกนางเคยทำร้ายคุณหนูรองจนตระกูลฉินและตระกูลไป๋แตกหักกัน ทว่า หลังจากคุณหนูใหญ่ขึ้นครองราชย์ สถาปนาแคว้นต้าโจวขึ้น คุณหนูสองคนนี้กลับโพนทะนาไปทั่วว่าพวกนางสนิทสนมกับพี่สะใภ้ของตัวเองมาก ทั้งยังกล่าวอีกว่าคุณหนูใหญ่ปฏิบัติต่อพวกนางราวกับน้องสาวแท้ๆ ต่อมาตระกูลต่งจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้คุณหนูต่งโดยไม่ได้เชิญพวกนาง พวกนางแบกหน้าไปยังตระกูลต่ง เรียกฮูหยินต่งว่าท่านป้า เรียกคุณหนูต่งว่าพี่หญิง จากนั้นเข้าไปร่วมงานเลี้ยงในตระกูลต่งด้วยขอรับ”
วันเกิดของต่งถิงเจิน ไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่เมืองลั่วหง หญิงสาวย่อมไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง เรื่องนี้คือเรื่องเล็ก ต่งชิงผิง ซ่งซื่อและต่งถิงเจินจึงไม่อยากนำเรื่องนี้มาฟ้องไป๋ชิงเหยียน แค่นี้ไป๋ชิงเหยียนก็งานยุ่งมากพออยู่แล้ว
หลูผิงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “คุณหนูสองของตระกูลฉินทำเรื่องที่อุกอาจมากกว่าเดิม นางออกไปจากงานเลี้ยงโดยพลการ ให้คนตามไปขวางทางคุณชายต่งฉางหยวนเพื่อสารภาพรัก กล่าวว่าอยากแต่งงานไปเป็นภรรยาของคุณชายต่ง คุณชายต่งปฏิเสธ คุณหนูสองตระกูลฉินจึงร้องไห้อาละวาดไม่หยุดจนผู้คนแห่เข้ามาดูพลางต่อว่าคุณชายต่งขอรับ…”
“ช่างหน้าไม่อายจริงๆ !” ไป๋จิ่นจื้อด่าออกมาอย่างอดไม่ได้ สาวน้อยโมโหจนหน้าอกสั่นรุนแรง “ต้องการใส่ร้ายญาติผู้พี่ฉางหยวนอย่างนั้นหรือ”
“คุณชายฉางหยวนไม่ไว้หน้า เขากล่าวว่าเพิ่งเคยพบหน้าคุณหนูสองของตระกูลฉินเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าเหตุใดคุณหนูสองตระกูลฉินต้องใส่ร้ายให้เขาดูเป็นคนเลวเช่นนี้ ฟ้าดินเป็นพยาน ต่อให้ชื่อเสียงของเขาต้องเสื่อมเสียจนไม่สามารถแต่งงานกับผู้อื่นได้อีก เขาก็ไม่มีทางแต่งงานกับคนที่กล่าววาจาให้ร้ายผู้อื่นอย่างคุณหนูสองตระกูลฉินเด็ดขาด! ที่สำคัญคุณหนูสองของตระกูลฉินเคยทำร้ายพี่หญิงรองของตระกูลไป๋จนเกือบถึงแก่ชีวิต หากกล่าวตรงๆ คุณชายตระกูลต่งไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกับคุณหนูตระกูลฉินได้ขอรับ!”
“กล่าวได้ดี!” ไป๋จิ่นจื้อถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางกลัวว่าญาติผู้พี่ซึ่งรูปลักษณ์ดีอย่างต่งฉางหยวนจะใจอ่อนให้กับสตรี
หลูผิงหัวเราะออกมากับท่าทีของไป๋จิ่นจื้อเล็กน้อย จากนั้นกล่าวต่อ “ต่อมาชื่อเสียงของคุณหนูสองตระกูลฉินผู้นี้จึงไม่ค่อยดีนัก ได้ยินว่านางกลับจวนไปผูกคอตาย ทว่า ถูกคนช่วยชีวิตเอาไว้ได้ หลังจากนั้นนางดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ไม่ก่อเรื่อง เอาแต่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมในจวนของตัวเองขอรับ”
ซุนเหวินเหยาไปพบเจ้านายเก่าของตัวเองไม่ใช่เรื่องแปลก แสดงให้เห็นว่าซุนเหวินเหยาผู้นี้เป็นคนเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า…
ทว่า ซุนเหวินเหยาเข้าหาไป๋จิ่นจื้อโดยมีจุดประสงค์แอบแฝง ไป๋ชิงเหยียนจึงต้องหวาดระแวงทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขา ไป๋ชิงเหยียนกำลังสงสัยว่าซุนเหวินเหยาวางแผนทำถึงขั้นนี้เป็นเพราะเขาคือสายลับของแคว้นอื่นเหมือนที่ไป๋จิ่นจื้อคิด ทว่า เขาต้องการหลอกใช้ไป๋จิ่นจื้อทำสิ่งใด ต้องการทำให้ต้าโจววุ่นวายอย่างนั้นหรือ
“ทั้งสองคนนัดเจอกันโดยส่งจดหมายผ่านผู้ใด” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“คนที่ข้าส่งไปจับตาดูซุนเหวินเหยาไม่ทราบว่าพวกเขานัดพบกันได้อย่างไรขอรับ เหตุนี้ข้าจึงมารายงานเรื่องนี้ให้คุณหนูใหญ่ทราบก่อนขอรับ” หลูผิงกล่าว
“ลุงผิงให้คนจับตาดูคนผู้นี้ต่อไปก่อน ทว่า ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงมากนัก ส่วนคุณหนูรองตระกูลฉิน…” ไป๋ชิงเหยียนเงียบไปครู่หนึ่ง “ให้คนจับตาดูจวนฉินไว้ก็พอ”
“ขอรับ” หลูผิงกำหมัดรับคำ
“ฝ่าบาท…” เว่ยจงเดินเข้ามาในตำหนักอีกครั้ง เมื่อทำความเคารพเสร็จจึงกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท ต่งฉางหยวนและหลี่หมิงรุ่ยมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนส่งตัวไป๋หว่านชิงให้ไป๋จิ่นจื้อ “ให้เข้ามาได้”
ไป๋จิ่นจื้อนั่งอุ้มไป๋หว่านชิงตัวอ้วนกลมอยู่ด้านข้างไป๋ชิงเหยียน ตัวของน้องสาวตัวน้อยหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นนม ไป๋หว่านชิงไม่ได้งอแง ยอมนั่งอยู่ในอ้อมกอดของไป๋จิ่นจื้ออย่างว่าง่าย ดวงตาดำขลับจ้องไปทางประตูนิ่ง
ต่งฉางหยวนและหลี่หมิงรุ่ยในชุดขุนนางเดินเข้ามาในตำหนัก พวกเขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นจื้อและไป๋หว่านชิง จากได้นั้นได้ยินไป๋จิ่นจื้อเอ่ยเรียก “ญาติผู้พี่ฉางหยวน!”