ตอนที่ 2,368 : ตี้เฉิน

เหล่าเซียนอมตะเสเพลของทั้ง 3 ลัทธินั้น ถูกกักขังจนหมดสิ้นอิสระภาพ…ไม่อาจออกจากพื้นที่ของเผ่ามังกรได้เลย หลังจากถูกพวกมันถูกยอดฝีมือของเผ่ามังกรจับตัวมา!

หากมีผู้ใดคิดหลบหนี ตายสถานเดียว!

แต่เป็นธรรมดาว่าไม่ใช่พวกมันจะไม่มีโอกาสออกไปด้านนอกบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าโอกาสที่ว่าช่างน้อยนิดนัก

เพราะหากจะออกจากเผ่ามังกร พวกมันจำต้องผ่านเงื่อนไข 2 ประการให้ได้ก่อน!

ประการแรกเลย มันต้องหาผู้สนับสนุนในเผ่ามังกรให้ได้เสียก่อน และต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจในระดับหนึ่ง!

ประการที่สองคือพวกมันต้องประพฤติตัวดีๆจนผู้สนับสนุนที่ว่าไว้วางใจ จนมอบหมายให้พวกมันออกไปจัดการธุระปะปังด้านนอก

ทั้ง 2 ประการเป็นเงื่อนไขที่ขาดไม่ได้

และตอนนี้พอได้ฟังวาจาของชายร่างใหญ่ที่มาหาหลี่ปิง ทำให้เซียนอมตะเสเพลทุกคนที่มาล้อเลียนหลี่ปิงทราบได้ทันที ว่าหลี่ปิงกำลังจะได้ออกไปข้างนอกแล้ว…

เรื่องนี้ทำให้เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายอิจฉาทั้งชิงชังนัก!

“ให้ตายเถอะ! ไฉนวาสนาหลี่ปิงผู้นี้ถึงได้ดีนัก!”

สีหน้าของเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มาล้อเลียนหลี่ปิงเปลี่ยนเป็นมืดมนลงทันที!

ต้องทราบด้วยว่าหลังพวกมันถูกเผ่ามังกรจับมาที่นี่แล้ว ถึงแม้พวกมันจะมีดีพอเข้าตาเหล่าใต้เท้าในเผ่ามังกรทั้งหลาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกมันทุกคนจะได้รับโอกาสออกไปด้านนอก!

นั่นเพราะมีเพียงผู้สนับสนุนของพวกมันไว้วางใจพวกมันถึงระดับหนึ่ง จึงจะเปิดโอกาสให้พวกมันออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมายด้านนอก!

ทว่าแม้พวกมันจะได้เดินทางออกจากเผ่ามังกรจริง แต่ก็ต้องกลับมาที่นี่หลังจากเสร็จธุระ หาไม่แล้วก็ยากจะรอดพ้นการตามล่าของเผ่ามังกร!

แต่อย่างน้อยๆพวกมันก็ไม่ต้องอุดอู้อยู่ที่นี่ตลอดเวลา

อยู่ในสถานที่เดิมๆ ไร้ซึ่งอิสระประหนึ่งนกในกรงยังมีใครไม่เบื่อหน่าย?

“ใต้เท้าตี้เฉินให้พวกเราออกจากเผ่ามังกรคราวนี้ สมควรมีธุระสำคัญแล้วสินะ?”

ได้ยินวาจาของคนข้างกายสองตาหลี่ปิงทอประกายสว่างจ้ากล่าวถามออกไปทันที ตอนนี้ทีท่าอาการซึมเซาขุ่นขึ้งหลังถูกล้อพลันสลายหายกลายเป็นปลอดโปร่งสดชื่น!

“หึ!”

เซียนอมตะเสเพลที่มากล่าวล้อแดกดันหลี่ปิงคนแรกพ่นลมสบถเสียงเย็น ก่อนที่จะมองกล่าวกับหลี่ปิงด้วยสายตาเยียบเย็น “ข้าหวังว่าโอกาสได้ออกจากเผ่ามังกรครั้งนี้ของเจ้าก็สมควรใช้ไปสะสางเรื่องงามหน้าเสีย! หวังว่าเจ้าคงรู้วิธีจัดการจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่ของเจ้าให้ดี อย่าให้มันต้องไปเลียแข้งเลียขา 7 ทวาราเที่ยงแท้อีก!”

“3 ลัทธิใหญ่ผนึกกำลังต้านทาน 7 ทวาราเที่ยงแท้มาแต่โบราณกาล นี่เป็นดั่งประเพณีที่สืบทอดกันมา…พวกเจ้าลัทธิบูชาไฟอย่าได้หลงลืมรากเหง้าเสียเล่า!”

วาจ้าท้ายประโยคของเซียนอมตะเสเพลของลัทธิอารามทมิฬ ยังแข็งกร้าวน่ากลัวนัก

“ถูกแล้ว!”

“มันต้องเป็นเช่นนั้น!”

เหล่ายอดฝีมือเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายของลัทธิอารามทมิฬและลัทธิชะตาฟ้าคนอื่นๆ ก็กล่าวย้ำออกมาอย่างเห็นด้วย

“เฮอะ! ข้าหลี่ปิงจะทำอะไร ยังไม่ถึงตาให้พวกเจ้ามาชี้นิ้วสั่ง!”

สีหน้าหลี่ปิงมืดลง เพียงทิ้งวาจาเย็นชาไว้อีกประโยค ก็จากไปพร้อมเซียนอมตะเสเพลของลัทธิบูชาไฟที่มาตามตัว

หลังหลี่ปิงจากไป เหล่าเซียนอมตะเสเพลของลัทธิอารามทมิฬกับลัทธิชะตาฟ้าที่เหลือก็เริ่มตั้งวงสนทนากันทันที

“ข้าหวังว่าตัวบัดซบหลี่ปิงออกไปคราวนี้ ขออย่าให้ให้มันได้พบเจอผู้สืบทอดหมอกพิรุณนั่นเลย…ไม่งั้นมันต้องฆ่าไอ้เด็กนั่นได้แน่ คราวนี้พอมันกลับมาได้คุยโวไม่รู้จักจบสิ้น!!”

“เอาหน่า ภูมิภาคเบื้องบนแม้ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเล็ก…มันออกไปทำธุระย่อมมีเวลาจำกัด ต่อให้มันคิดไปหาผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้รุ่นนี้ แต่ก็มิแน่ว่ามันจะหาตัวเจอ!”

“เว้นเสียแต่ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้รุ่นนี้จะเป็นชนชั้นโง่เขลาเบาปัญญาเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ก็รั้งอยู่ที่ลัทธิบูชาไฟ…หาไม่แล้วหลี่ปิงคิดหาตัวมันก็ไม่ต่างใดจากงมเข็มในกองฟาง!”

ฟังจากคำของเหล่าเซียนอมตะเสเพลอีก 2 ลัทธิแล้ว เผยให้รู้ว่าพวกมันไม่เพียงอิจฉาหลี่ปิงที่ได้ออกไปข้างนอก แต่ยังกล่าวถึงผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำ 7ทวาราเที่ยงแท้รุ่นนี้อย่างต้วนหลิงเทียนด้วย!

แม้การที่พวกมันถูกส่งให้ออกไปทำธุระ ย่อมไม่อาจจัดการเรื่องส่วนตัวได้ ในทางทฤษฏี…

ทว่าหลังได้ออกไปด้านนอกแล้วก็เสมือนได้ตีตัวออกห่างลิขิตสวรรค์ ขอเพียงพวกมันจัดการธุระเสร็จและย้อนกลับมาในเวลาที่กำหนดและไม่สร้างปัญหาใหญ่โตอะไร เผ่ามังกรย่อมไม่ติดใจเอาความ…

ด้วยเหตุนี้เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเอาใจช่วยต้วนหลิงเทียน และหวังว่าหลี่ปิงจะหาต้ววนหลิงเทียนไม่เจอ!

เพราะในสายตาของพวกมัน

ถึงต้วนหลิงเทียนจะบรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่ก็ไม่นับเป็นตัวอะไร!

เพราะลำพังแค่เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มาหาเรื่องเยาะเย้ยหลี่ปิงเหล่านี้ หลับตาสุ่มชี้มาสักคนอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์! การฆ่าครึ่งก้าวเซียนอมตะก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับจะลงมือตอนไหนเท่านั้น!!

นอกจากนี้ด้วยมีอำนาจของเผ่ามังกรแลเผ่าหงส์ฟ้าครอบงำแดนดิน พวกมันย่อมไม่กลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าทำลายลัทธิของพวกมัน!

ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงภาวนาให้หลี่ปิงหาตัวต้วนหลิงเทียนไม่เจอ เพราะพวกมันไม่อยากให้หลี่ปิงมีโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียน!

ต้วนหลิงเทียนไม่ตาย เป็นอะไรที่ส่งผลกระทบต่อพวกมันน้อยมาก

อย่างไรก็ตามหากต้วนหลิงเทียนถูกหลี่ปิงฆ่าขึ้นมา คราวนี้หลี่ปิงนั่นไม่พ้นได้ทีขี่แพะไล่กวด ต้องมาพ่นวาจาเย้ยเยาะพวกมันน้ำไหลไฟดับไปอีกนานแน่นอน กระทั่งไม่พ้นกล่าวว่า ‘ข้ามีปัญญาฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อล้างแค้นให้ถังซวนได้แล้ว แต่พวกเจ้าเล่า? มีปัญญาทำอะไรได้บ้าง?’ ออกมาไม่หยุดแน่นอน

พุทธองค์ต้องการธูป ผู้คนต้องการหน้าตา…

ในสถานที่ๆกระทั่งวิหกยังไม่อยากแวะเวียนมาขับถ่ายเช่นนี้ ชีวิตของพวกมันล้วนจืดชืดน่าเบื่อซ้ำซากจำเจ ทว่าพวกมันยึงยึดถือ ‘หน้า’ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องต้วนหลิงเทียนฆ่าถังซวนจ้าวลัทธิบูชาไฟ ทั้งเกิดเรื่องราวยกสตรีขนอุนขึ้นมาเป็นจ้าวลัทธิเพื่อเอาตัวรอดเช่นนี้ขึ้น พวกมันจึงแห่กันมาถล่มหลี่ปิงให้เสียหน้า…

ทั้งหมดเพราะพวกมันต้องการกูหน้าตัวเองที่หลี่ปิงเคยไปถล่มพวกมันเอาไว้…

เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วคนของลัทธิอารามทมิฬกกับลัทธิชะตาฟ้าตกตายด้วยน้ำมือคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อย่างที่ไม่มีปัญญาตอบโต้อะไร หลี่ปิงก็มากล่าวเย้ยเยาะไม่เว้นแต่ละวันจนพวกมันเสียหน้าจนไม่รู้จะเสียหน้าอย่างไรแล้ว!

“เฮ่อ ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ใต้เท้าที่สนับสนุนข้าจะมีธุระให้ข้าออกไปจัดการนอกเผ่ามังกรบ้าง…”

เหล่ายอดฝีมือเซียนอมตะเสเพลจากลัทธิอารามทมิฬ กับลัทธิชะตาฟ้าได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน พวกมันได้แต่มองทิศทางที่หลี่ปิงจากไปอย่างวาดหวังทั้งเลื่อนลอย…

ส่วนอีกด้าน

“หวังชง เจ้ารู้หรือไม่ว่าใต้เท้าตี้เฉินให้พวกเราออกจากเผ่ามังกรครานี้ มีธุระอันใดให้พวกเราไปทำกันแน่?”

ระหว่างทางหลี่ปิงอดไม่ไหว ได้แต่หันไปมองถามยอดฝีมือเซียนอมตะเสเพลที่มาจากลัทธิบูชาไฟเหมือนมัน

“ข้าเองก็มิรู้ว่าคราวนี้มีเรื่องอะไรกันแน่…หากแต่น้ำเสียงที่บันทึกมาในหยกสื่อสารของใต้เท้าตี้เฉินแลดูเป็นกังวลไม่น้อย”

หวังชงกล่าวเสียงขรึม

หลี่ปิงพยักหน้า

“หลี่ปิง”

ทันใดนั้นเองคล้ายหวังชงนึกอะไรขึ้นได้ จึงกล่าวกับหลี่ปิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ข้ารู้ว่าเจ้ายินดีนักที่ได้ออกจากเผ่ามังกร เพราะเหมือนเจ้าได้โอกาสจัดการพวก 7 ทวาราเที่ยงแท้รวมถึงผู้สืบทอดหมอกพิรุณที่ฆ่าไอ้หนูถังซวนเพื่อล้างแค้น กระทั่งกลับมาเกทับหยามหน้าเจ้าพวกนั้น…”

“แต่ข้ายังหวังว่า…เจ้าจะยึดถือธุระที่ใต้เท้าตี้เฉินมอบให้พวกเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด! หากเวลาครบกำหนดแล้ว แต่พวกเรายังมิอาจจัดการเรื่องราวให้แล้วเสร็จ ไม่พ้นใต้เท้าตี้เฉินต้องหมดความไว้วางใจในตัวพวกเรา ถึงตอนนั้นพวกเราก็อย่าได้หวังว่าจะมีโอกาสออกจากเผ่ามังกรตลอดชั่วชีวิต!”

เสียงกล่าวประโยคท้ายของหวังชงนั้น น้ำเสียงจริงจังขึงขังเป็นที่สุด

โอกาสได้ออกจากเผ่ามังกรเพื่อทำธุระนั้น หาได้ยากยิ่ง…

ทว่าเมื่อทำพลาด เกรงว่าวันหน้าคงไม่มีโอกาสได้ออกไปไหนแล้ว!

ในประวัติศาสตร์ของเผ่ามังกรเอง ก็เคยมีเซียนอมตะเสเพลได้รับโอกาสออกไปจัดการธุระยิบย่อยเช่นกัน ทว่าเซียนอมตะเสเพลผู้นั้นกลับทำพลาด หลังจากนั้นมันก็ไม่ได้รับโอกาสให้ออกไปจากเผ่ามังกรจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต…

“ไม่ต้องห่วงไป…ข้ารู้หนักเบาดีแก่ใจ”

หลี่ปิงพยักหน้ามันย่อมเข้าใจสิ่งที่หวังชงกล่าวดี

“หยุด!”

ในขณะที่หลี่ปิงกับหวังชงกำลังจะออกจากพื้นที่กักกันของเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้ง 3 ลัทธิ ก็มีเสียงดังประหนึ่งฟ้าร้องลั่นขึ้น พาลให้ใจหลี่ปิงสะท้านไปทันใด

ฟุ่บ!

แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงสนั่นลั่นดังขึ้น ปรากฏร่างหนึ่งโรยตัวลงมาจากฟ้าสูง เพียงไม่กี่ก้าวร่างมันก็บรรลุถึงเบื้องหน้าหลี่ปิงกับหวังชง

เป็นชายชราร่างใหญ่มาในชุดคลุมสีเขียว ลอยขวางพร้อมแผ่แรงกดดันไร้สภาพประการหนึ่ง!

กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกทั่วร่างของผู้ชราแม้จะแผ่ออกอย่างบางเบา หากแต่ช่างมีแรงกดดันยิ่งใหญ่ไร้ประมาณ!

ยังเป็นกลิ่นอายพลังอันครอบงำมากล้นไปด้วยอำนาจสะกดข่มนัก!

และกลิ่นอายพลังดังกล่าวหลี่ปิงกับหวังชงย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

นั่นคือ ‘รัศมีมังกร’ ที่จะเปล่งออกจากร่างมังกรเทพยดาหลังพลังฝึกปรือสูงล้ำถึงระดับหนึ่ง!

“ใต้เท้าชิงเยว่”

หลังชายชายชราในชุดคลุมเขียวปรากฏกาย หลี่ปิงกับหวังชงก็ป้องมือโค้งคารวะอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม

นั่นเพราะชายชราในชุดคลุมเขียวผู้นี้เป็นหนึ่งในยอดฝีมือเซียนอมตะเสเพลของเผ่ามังกร ที่คอยเฝ้าจับตาดูพวกมันจาก 3 ลัทธิ พลังอำนาจเหนือชั้นกว่าพวกมันมากนัก เพราะอีกฝ่ายคือเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!

“พวกเจ้าจะไปไหน?”

ชายชราในชุดคลุมเขียวกล่าวถามเสียงเบา

“เรียนใต้เท้าชิงเยว่ เป็นใต้เท้าตี้เฉินเรียกหาพวกเราขอรับ…ใต้เท้ากล่าวว่ามีบางสิ่งจะให้พวกเราไปจัดการ”

หวังชงที่อยู่ข้างๆหลี่ปิง เร่งก้าวออกมาประสานมือกล่าวคำด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“ใต้เท้าตี้เฉินรึ?”

ได้ยินคำของหวังชง ลึกลงไปในแววตาของชิงเยว่ก็เผยความเคารพออกมาทันที จากนั้นสีหน้าขึงขังของมันก็เริ่มอ่อนจางลง “เอาล่ะ ในเมื่อเป็นใต้เท้าตี้เฉินเรียกหาเช่นนั้นพวกเจ้าก็ออกไปได้”

กล่าวจบคำร่างชิงเยว่ก็อันตรธานหายไปทันที

ตี้เฉินที่ว่าแม้พลังฝีมือจะเทียบมันไม่ได้ หากแต่บิดาของตี้เฉินนั้นเป็น 1 ในบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงของเผ่ามังกร เช่นนั้นยามมันพบหน้าตี้เฉิน ก็ยังต้องเรียกหาอีกฝ่ายด้วยเคารพว่าใต้เท้า!

หลังชิงเยว่จากไป หลี่ปิงกับหวังชงก็เร่งรุดเหินร่างไปยังพื้นที่พักอาศัยของเซียนอมตะเสเพลเผ่ามังกรทันที สุดท้ายก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง และได้พบคนเผ่ามังกรที่เป็นผู้หนุนหลังของพวกมัน

อันที่จริงก็ไม่เชิงผู้สนับสนุนอะไร แต่เป็นเจ้านายของพวกมันมากกว่า

และทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์กับตี้เฉินในลักษณะนายบ่าว เรียกว่าพวกมันเป็นขี้ข้าตี้เฉินก็ไม่ผิด!

ในศาลาอันงดงามแห่งหนึ่งภายในหุบเขาอันสงบเงียบ หลี่ปิงกับหวังชงก็ได้พบร่างตี้เฉินที่ตามหาแววตาของพวกมันยามมองไปยังตี้เฉินนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพ ไม่กล้าส่อแววแข็งข้อต่อต้านแม้เพียงนิด

ตี้เฉินกำลังนั่งอยู่ในศาลาชมบุปผา ด้วยอริยาบทผ่อนคลายลักษณะแลดูเสมือนชายหนุ่มหล่อเหลาผู้หนึ่ง

และในความว่างเปล่าตรงหน้าปรากฏกู่เจิงตัวหนึ่งลอยค้างกลางอากาศ สองมือตี้เฉินก็กำลังดีดบรรเลงอย่างได้อารมณ์

เสียงกู่เจิงอันหนักแน่นหากแต่แฝงเร้นไปด้วยความเสรีล่องลอยดั่งใจโบยบินดังก้องไปทั่วทั้งขุนเขา พาลให้จิตใจทั้งคู่สงบลงอย่างประหลาด

ราวๆหนึ่งเค่อต่อมา ในที่สุดสำเนียงไพเราะก็หยุดลง

“พวกเจ้ามาแล้ว”

ตี้เฉินเงิยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะมองทักหลี่ปิงกับหวังชงด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“ผู้น้อยคารวะใต้เท้าตี้เฉิน”

ทันใดนั้นหลี่ปิงกับหวังชงก็ประสานมือโค้งคารวะตี้เฉินด้วยความนอบน้อมแลดูมากกเคารพถึงที่สุด

“ที่คราวนี้เข้าเรียกหาพวกเจ้ามา เพราะมีเรื่องบางประการคิดให้พวกเจ้าไปจัดการ…อีกทั้งนี่ยังเป็นเรื่องที่ท่านพ่อข้าสั่งมาอีกที”

ตี้เฉินแรกปริปากก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวเรื่องธุระออกมาทันที น้ำเสียงยังแปรเปลี่ยนจากสบายกลายเป็นจริงจึงขึ้นมาไม่น้อย

“ทะ…ท่านอาวุโสสูงสุด!?”

แทบจะพร้อมกันกับที่ตี้เฉินกล่าวจบคำ ลูกตาหลี่ปิงกับหวังชงก็หดเล็กลงทันที!