ตอนที่ 2,369 : หลี่ปิงคิดย้อนกลับไปยังลัทธิบูชาไฟ?

ท่านพ่อที่ตี้เฉินกล่าวออกมานั้น ด้านหลี่ปิงกับหวังชงรู้ดีว่าเป็นใคร!

บิดาตี้เฉินผู้นี้ ก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าพันธุ์มังกร ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวตนที่ทรงอำนาจระดับสูงของเผ่ามังกร และเป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์หรือเหนือกว่านั้น!

สำหรับเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ หรือ 8 ทัณฑ์กระทั่งเหนือกว่านั้น พวกมันก็ไม่แน่ใจ

เพียงเพราะในเผ่ามังกรมีเสียงแตกเรื่องอาวุโสสูงสุดคนนี้

บ้างก็ว่ามันคือเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่าข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์รอบที่ 8 จนกลายเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ไปแล้ว

แต่เป็นธรรมดาว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 หรือ 8 ทัณฑ์ ก็ไม่ใช่ตัวตนที่พวกมันทั้ง 2คนจะเทียบเคียงได้เลย

ตอนนี้ฟังจากคำพูดของตี้เฉิน ดูเหมือนธุระที่พวกมันจะต้องไปจัดการ…เป็นเรื่องที่อาวุโสสูงสุดสั่งการลงมาโดยตรง!

หลี่ปิงกับหวังชงจึงอดตะลึงไปไม่ได้ ขณะเดียวกันในใจยังเริ่มบังเกิดความรู้สึกกดดันหนักอึ้ง…

หากเป็นสิ่งที่ตี้เฉินคิดให้พวกมันไปกระทำ ต่อให้อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น แต่อย่างมากพวกมันก็แค่สูญเสียโอกาสออกไปด้านนอกชั่วชีวิต

แต่ทว่าพอมาเป็นเรื่องที่บิดาตี้เฉินสั่งลงมาอีกที หากพวกมันผิดพลาดล่ะก็ เกรงว่าคงจะไม่ใช่แค่สิ้นโอกาสออกไปไหนตลอดไป ถ้าไม่ตกตายก็ต้องทุกข์ทรมานไม่น้อย!

“ท่านพ่อบอกข้าว่า…เมื่อไม่นานมานี้ มีคนกล้าปล่อยข่าวเรื่องเซียนอมตะเสเพลออกสู่สาธารณะ!”

ตี้เฉินกล่าวออกเสียงเบา

“อะไร!?”

ได้ยินคำของตี้เฉิน หวังชงกับหลี่ปิงย่อมตกใจไม่น้อย

“ผู้ใดมันกล้า!?”

“คนที่ปล่อยข่าวมันเบื่อชีวิตคิดหาที่ตายแล้วหรือไร หรือมันไม่รู้จริงๆว่าเผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้าได้ออกประกาศิตเอาไว้ ว่าห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยเรื่องเซียนอมตะเสเพลออกไปตามอำเภอใจ?”

หลี่ปิงกับหวังชงพอหายตะลึงก็อุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อ

“ที่ข้าตามตัวพวกเจ้ามาก็เพราะเรื่องนี้…เจ้าทั้งสองจงออกจากเผ่ามังกรไปตามล่าหาตัวมาให้ได้ ว่าอ้ายอีหน้าไหนมันหาญกล้าขัดประกาศิตมังกรหงส์ฟ้าปล่อยข่าวเรื่องเซียนอมตะเสเพลออกมา”

ตี้เฉินกล่าวสืบต่อเสียงหนัก “หากพวกเจ้าหาตัวมันเจอและพบว่าอีกฝ่ายมีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าพวกเจ้าอย่าได้เข้าปะทะกับมัน ให้จับตามันไว้และรีบรายงานให้ข้าทราบ…ข้าจะออกไปจัดการมันด้วยตัวเอง!”

ท้ายประโยคเสียงกล่าวของตี้เฉินกลายเป็นเบาลง หากทว่าน้ำเสียงกลับเยียบเย็นนัก พาลให้หลี่ปิงกับหวังชงรู้สึกเสมือนฤดูหนาวมาเยือน

“ทราบแล้วใต้เท้า!”

แม้ตกอยู่ภายใต้จิตสังหารเยียบเย็นจนร่างหนักเหมือนมีตะกั่วลากถ่วง หลี่ปิงก็ตอบกลับไปเสียงฉะฉาน

“พวกเจ้ารับยันต์แม่ลูกชุดลูกนี้ไป…ต่อให้พวกเจ้าจำต้องปะทะกับมันจริงๆแล้วเกิดสู้ไม่ได้ตายตกขึ้นมา อย่างน้อยๆข้าจะได้รู้ทันทีว่ามันคือตัวบัดซบจากที่ใด ที่หาญกล้าปล่อยข่าวเรื่องนี้สู่สาธารนะ!”

ตี้เฉินกล่าวจบก็สะบัดมือเรียกยันต์ขึ้นมาชุดหนึ่งก่อนจะสะบัดมือส่งยันต์ไปให้หลี่ปิงกับหวังเฉิน

ทั้งคู่ก็เร่งรับมันกลับมาเก็บไว้อย่างดี

“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าจัดการเรื่องราว 1 ปี…ส่วนเรื่องกฏข้าคงไม่จำเป็นต้องกล่าวเตือนพวกเจ้าใช่หรือไม่?”

เมื่อเห็นหลี่ปิงกับหวังชงรับยันต์แม่ลูกชุดลูกเก็บไว้แล้ว ตี้เฉินก็โค้งคิ้วขึ้นกล่าววถามเสียงเบา

เมื่อหลี่ปิงกับหวังชงได้ยินคำนี้ใจพวกมันก็สะท้านไปทันใด ก่อนที่จะเร่งกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที

สำหรับเนื้อความคำสาบานนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า หากระยะเวลาผ่านไปครบ 1 ปีแต่พวกมันยังไม่กลับมายังเผ่ามังกร พวกมันจะถูกอัสนีฟ้าฟาดผ่าพิฆาตตายตก!

นี่นับเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการสร้างข้อจำกัด!

“ไปเถอะ”

เมื่อเห็นว่าหลี่ปิงกับหวังชงกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้วเสร็จ ตี้เฉินก็สะบัดมือส่งป้ายผ่านเข้าออกเผ่ามังกรให้พวกมัน

เมื่อได้รับป้ายจากตี้เฉินมาถือไว้ในมือ หลี่ปิงกับหวังชงก็อำลาตี้เฉินแล้วจากไปทันที

หลังจากนั้นพวกมันก็ออกจากพื้นที่ของเซียนอมตะเสเพลเผ่ามังกร มุ่งหน้ายังส่วนที่พักของเผ่ามังกรทั่วไป หมายออกจากมหาภูผาสิบหมื่น

เป็นธรรมดาว่าก่อนที่พวกมันจะออกจากมหาภูผาสิบหมื่น พวกมันก็ถูกหน่วยลาดตระเวนหยุดขวางเอาไว้

อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลี่ปิงและหวังชงเผยป้ายผ่านเข้าออกของตี้เฉินให้พวกมันดู หน่วยลาดตระเวนก็ปล่อยให้ทั้งคู่ออกจากมหาภูผาสิบหมื่นแต่โดยดี

ด้วยมีป้ายผ่านเข้าออกนี้ พวกมันย่อมสามารถผ่านเข้าออกเผ่ามังกรได้อย่างสะดวก

แต่แน่นอนว่าหลังจากที่พวกมันเสร็จภารกิจและย้อนกลับมายังเผ่ามังกร ก็ต้องส่งมอบป้ายผ่านเข้าออกดังกล่าวคืนให้ตี้เฉิน

“ได้ออกมาเสียที!!”

“ฮ่าๆๆ…ข้าหวังชงได้ออกมาแล้ว!!”

หลี่ปิงกับหวงชงหลังได้ออกจากเขตของมหาภูผาสิบหมื่นทั้งคู่ก็ตะโกนออกมาอย่างสะใจ ความอัดอั้นที่เก็บไว้ในอกหลังถูกกักในเผ่ามังกรนานหลายพันปีถูกระบายออกมาหมดสิ้น

ต้องทราบด้วยว่าทันทีที่พวกมันล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์กลายเป็นเซียนอมตะเสเพลได้ไม่ทันไร พวกมันก็ถูกจับมากักตัวไว้ในเผ่ามังกรแล้ว และพวกมันก็ไม่เคยได้ออกไปไหนเลยสักครั้ง!

เรียกว่าวันนี้เป็นครั้งแรกของพวกมันจริงๆ ที่ได้ออกจากเผ่ามังกรเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี!

หลังกู่ร้องระบายอารมณ์อัดอั้นกันอยู่พักหนึ่ง หลี่ปิงกับหวังชงก็มุ่งหน้าไปที่ภาคกลางก่อนใดอื่น

“เบาะแสเดียวที่เผ่ามังกรได้รับมาดูเหมือนข่าวลือจะเริ่มแพร่กระจายจากภาคกลาง…พวกเราไปเริ่มสืบจากที่นั่นก่อน”

หวังชงกล่าว

“ได้”

หลี่ปิงพยักหน้า มันเองกก็คิดแบบนี้เหมือนกัน

ด้วยความเร็วของทั้งคู่เพียงพริบตาพวกมันก็ลุถึงภาคกลาง และสถานที่แรกที่พวกมันไปเยือนก็คือ ‘นครแห่งบาป’ อันเป็นแหล่งรวมเหล่าผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัด แน่นอนว่าพวกมันเริ่มจากไปสืบข่าวในเหลาอาหารเป็นแห่งแรก จากนั้นค่อยไปหาซื้อข่าวจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ

อนิจจาหลังจากหาข่าวอยู่หลายวัน แต่พวกมันก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย พอคิดว่าสืบค้นมาถึงต้นตอแล้ว แต่สุดท้ายก็พบแต่ความว่างเปล่า…

“ตอนนี้พวกเรามั่นใจได้เลยว่าคนที่กล้าปล่อยข่าวเรื่องนี้ มันจงใจกระทำทั้งยังระวังตัวเป็นพิเศษ…”

ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง หลี่ปิงกับหวังชงได้นั่งหารือกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ไม่ผิดแน่”

สีหน้าหลี่ปิงเคร่งขรึมจริงจังนัก “เท่าที่ข้าสืบดู…ผู้ที่ปล่อยข่าวสมควรปลอมแปลงรูปโฉมเปลี่ยนชื่อทุกครั้ง การลงมือยังสะเปะสะปะกระจายไปทั่ว หากแต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใดๆให้สืบสาว เห็นได้ชัดว่ามันจงใจปล่อยเรื่องเซียนอมตะเสเพลเพื่อท้าทายเผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้า!”

“อืม..แถมเจ้านั่น สมควรเป็นเซียนอมตะเสเพลเช่นกัน!”

หวังชงรับคำ “หากมันไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล เป็นไปไม่ได้ที่มันจะปล่อยข่าวได้โดยไม่เหลือร่องรอยให้พวกเราสืบสาวแบบนี้”

“และมันสมควรเป็นเซียนอมตะเสเพลไร้สังกัดไม่ผิดแน่! เพราะผู้ที่รู้เรื่องเซียนอมตะเสเพลนอกจาก 3ลัทธิแล้วก็มีแต่พวกมันเท่านั้น…”

“เพราะต่อให้พวกระดับสูงของ 3 ลัทธิจะไม่รู้ข้อห้ามของเผ่ามังกรกับหงส์ฟ้า แต่พวกมันก็ไม่มีทางแพร่กระจายข่าวพวกนี้ออกมา เพราะการเปิดเผยเรื่องนี้ก็รังแต่จะลดศักดิ์ศรีและอำนาจของพวกมันเท่านั้น…”

“เมื่อรู้ว่าสุดท้ายสถานการณ์จะกลายเป็นแบบนั้นต่อให้พวก 3 ลัทธิรู้ ก็มีแต่จะเหยียบไว้ให้มิดไม่คิดเผยแพร่ออกมาเด็ดขาด! เพราะไหนเลยพวกมันจะกล้าประกาศตัวตนของผู้ทรงพลังที่เหนือล้ำกว่าพวกมันออกมาให้โง่!”

“ดังนั้น…พวกเราสามารถตัดคนของ 3 ลัทธิออกไปได้เลย!”

หวังชงกล่าวสรุปออกมารวดเดียวจบ

“อืม สมควรตัดไปได้เลยจริงๆ…เพราะถ้าเป็นระดับสูงของ 3 ลัทธิยังไงก็ไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้โดยไร้เบาะแส…คนที่ปล่อยข่าวสมควรเป็นเซียนอมตะเสเพลอย่างเราๆ!”

หลี่ปิงก็ย่อมเห็นด้วยกับคำของหวังชง

“ตอนนี้พวกเราทำได้แค่ไล่สืบเรื่องราวต่อ…ร้อยถี่ย่อมมีหนึ่งห่าง ข้าไม่เชื่อว่ามันจะทำเรื่องใหญ่แบบนี้ได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย! สิ่งที่พวกเราต้องทำคือขุดให้ลึก! สืบให้ถึงต้นตอหาว่าเป็นผู้ใดที่เริ่มแพร่ข่าวนี้เป็นกลุ่มแรกๆ! ตามเถาวัลย์ไปสักวันต้องเจอลำต้นอย่างเซียนอมตะเสเพลที่กล้าปล่อยข่าวนั่น!”

หวังชงพูด

“งั้นพวกเราแยกย้ายกันออกไปสืบต่อเถอะ”

หลี่ปิงพยักหน้า

หลังจากนั้นหลี่ปิงกับหวังชงก็เริ่มขยายวงค้นหาออกจากศูนย์กลางนครแห่งบาป ตระเวนตามข่าวแม้จะเป็นกลุ่มพันธมิตรเล็กๆ

วันเวลาไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน

เพียงชั่วพริบตากาลเวลาก็ล่วงเลยไปกวว่า 1 เดือนแล้วหลังจากที่หลี่ปิงกับหวังชงออกจากเผ่ามังกร

“บัดซบ! นี่มันก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว แต่เบาะแสที่ข้าได้มาไม่ว่าอันใดก็ใช้การไม่ได้ทั้งสิ้น!”

หลี่ปิงสบถออกมาด้วยความหัวเสียหลังกลับมารวมตัวกับหวังชงอีกครั้งที่เขตตะวันตกของนครแห่งบาป

“พยายามสืบต่อไปเถอะ…ข้าเองก็เริ่มได้เรื่องได้ราวอะไรขึ้นมาแล้ว เบาะแสที่ข้าได้มาเองก็มีเสียไปไม่น้อย แต่ใครจะรู้ว่าบางทีหนึ่งในนั้นที่เหลือ อาจทำให้ข้าคลำหางมันเจอ”

หวังชงยังนับว่ามีความอดทนมากกว่า

“หวังชง”

ทันใดนั้นหลี่ปิงก็หันไปมองกล่าวกับหวังชงด้วยสองตาเป็นประกาย “เบาะแสที่ข้าได้มาข้าย้อนตามไปหมดแล้วแต่ไม่พบอะไร…เช่นนั้นหลังจากนี้ไม่กี่วันข้าว่าจะกลับไปลัทธิบูชาไฟหน่อย”

“เจ้า…เจ้าคิดกลับไปลัทธิบูชาไฟ เพื่อสั่งให้ยาโถวน้อยนางนั้นถอนประกาศเรื่องไม่เป็นศัตรูกับ 7ทวาราเที่ยงแท้?”

หวังชงเองก็มาจากลัทธิบูชาไฟเช่นกัน มันย่อมเดาเจตนาของหลี่ปิงได้ไม่ยาก

สำหรับยาวโถวน้อยนางนั้นที่มันพูดถึง ก็คือจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่ ก่านหรูเยี่ยน

“ใช่”

หลี่ปิงพยักหน้า “ลัทธิบูชาไฟของพวกเราแต่ไหนแต่ไรก็ร่วมมือกับลัทธิอารามทมิฬและลัทธิชะตาฟ้าต่อต้าน 7 ทวาราเที่ยงแท้มาโดยตลอด…คราวนี้ยาโถวน้อยนางนั้นทำเกินไปจริงๆ! ถึงผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้จะเป็นน้องเขยของนาง แต่นางก็ไม่ควรออกประกาศเหลวไหลแบบนี้!!”

“ข้าไม่เพียงแต่จะให้นางถอนคำประกาศนั่น ข้ายังจะขับนางออกจากตำแหน่งจ้าวลัทธิอีกด้วย!”

ฟังจากน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของหลี่ปิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจในตัวจ้าวลัทธิบูชาไฟคนใหม่อย่างก่านหรูเยี่ยนเป็นที่สุด!

หาไม่แล้วมันคงไม่พูดว่าจะย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟเพื่อขับไล่นางออกจากตำแหน่งจ้าวลัทธิบูชาไฟแบบนี้

“ถ้างั้นเจ้าก็ไปเถอะ…”

หวังชงพยักหน้า “แต่เจ้าอย่าได้ลืมเด็ดขาดว่าเรื่องราวคราวนี้เป็นคำสั่งที่บิดาของใต้เท้าตี้เฉิน ท่านอาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรสั่งมาโดยตรง!”

“หากล้มเหลวข้าเกรงว่าไม่ใช่แค่พวกเราจะไม่ได้ออกจากเผ่ามังกรชั่วชีวิต ไม่แคล้วยังต้องโดนใต้เท้าตี้เฉินลงโทษอย่างหนักแน่!”

“ต่อหน้าใต้เท้าตี้เฉิน…พวกเราไม่นับเป็นตัวอะไรด้วยซ้ำ ยังต่ำต้อยยิ่งกว่าขี้ข้าทั่วไปของเผ่ามังกรเสียอีก หากต้องการย่อมฆ่าพวกเราทิ้งได้ทุกเวลา!”

สีหน้ายามกล่าวของหวังชงยิ่งมาก็ยิ่งมืดดำ!

“เจ้าไม่ต้องห่วง”

หลี่ปิงพยักหน้า “ข้ากลับไปลัทธิบูชาไฟครั้งนี้ อย่างดีก็ไม่เกิน 7-8 วัน ย่อมเก็บกวาดเรื่องราวในลัทธิได้อย่างสะอาดแน่ ไม่ทำให้เสียเรื่องเด็ดขาด!”

“7-8 วันบ้าบออะไรของเจ้า! ข้าให้เจ้าได้แค่ 2 วันเท่านั้น…รีบไปจัดการแล้วรีบกลับมาให้เร็วที่สุด!”

หวังชงกล่าวแย้งเสียงหนัก “แค่ 2 วันก็มากพอให้เจ้าสั่งสอนยาโถวน้อยนางนั้นให้รู้สำนึก…เว้นเสียแต่เจ้าคิดจะตามหาตัวผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำ 7ทวารานั่นเพื่อฆ่ามันล้างแค้นให้ถังซวนรวมถึงคิดเอาเรื่องนี้ไปคุยโวอวดโอ่หลังกลับไปเผ่ามังกร?”

“เอาหน่า เจ้าอย่าได้ห่วงไป…ข้ารู้ดีว่าสมควรทำอะไร! หากไอ้หนูนั่นอยู่ก็ดีไปแต่ถ้าไม่ ข้าก็ไม่คิดเสียเวลาตามหามันให้เสียเรื่องหรอก!”

หลี่ปิงกล่าว

มันย่อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟคราวนี้จะพบเจอผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำของ 7ทวาราเที่ยงแท้เพื่อฆ่าอีกฝ่ายล้างแค้นให้ถังซวน!และคราวนี้ไม่เพียงแต่จะจัดการเรื่องราวของลัทธิบูชาไฟให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง ยังมีเรื่องไปเกทับพวกเซียนอมตะเสเพลในเผ่ามังกรเหล่านั้น!!

แต่เป็นธรรมดาว่าต่อให้มันมีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า มันก็ไม่กล้าลืมเหตุผลที่ทำให้มันได้ออกมาครั้งนี้!