ตอนที่ 2,370 : ผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟเมื่อ 4,000 ปีก่อน!

ณ สถานที่บ่มเพาะของจ้าวลัทธิคนใหม่ ก่านหรูเยี่ยน

บริเวณใจกลางเกาะลอยขนาดใหญ่ที่ลอยเด่นเป็นสง่าบนฟ้าสูง ในลานว่างข้างอาคารหลังใหญ่ปานพระราชวัง ปรากฏสตรีงดงามล่มเมืองสองนางกำลั่งนั่งที่โต๊ะหินอ่อน ทั้งคู่สนทนาหัวเราะคิกคักกันไปตามประสา

ส่วนอีกด้าน ในลานปรากฏร่างชายหนุ่มชุดม่วงที่กำลังสอนเด็กสาวนางหนึ่งฝึกพื้นฐานกระบี่

ชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นเอง

ตอนนี้เขากำลังสอนให้ลูกสาวตัวเองอย่างต้วนซือหลิงใช้กระบี่

สำหรับสตรีทั้ง 2 ที่นั่งคุยกันบนโต๊ะหินอ่อนก็คือ เค่อเอ๋อ กับเฟิงเทียนหวู่ ที่บัดนี้ได้มาพักอาศัยอยู่ที่ลัทธิบูชาไฟเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว

ถึงแม้ว่าเค่อเอ๋อกับเฟิ่งเทียนหวู่ต่างจะรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมานาน แต่ทว่านี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่พวกนางได้พบเจอกัน!

เนื่องจากทั้งสองมีจิตใจดี และคิดถึงบุรุษผู้เดียวกันทั้งเอาใจใส่คนๆเดียวกันเช่นนั้นพวกนางย่อมเข้ากันได้ไม่ยาก

กระทั่งคนที่ไม่รู้จักหากมาได้เห็นพวกนางคุยกันอย่างถูกคอแบบนี้ เผลอๆคงคิดว่าเป็นพี่น้องที่รู้จักกันมานานปี

“ท่านพ่อ…ข้าอยากรู้จัง ว่าที่แท้ท่านชอบท่านแม่มากกว่าหรือว่าชอบท่านน้าเฟิ่งเทียนหวู่มากกว่ากัน?”

ในขณะฝึกปรือเพลงกระบี่เพลงกระบี่ อยู่ๆสองตากลมใสปานกระจกน้ำของต้วนซือหลิงก็ฉายแววลี้ลับซุกซน ยิงคำถามนี้ออกมาอย่างที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้ตั้งตัว

ต้วนหลิงเทียนที่ไม่คิดไม่ฝันว่าอยู่ๆลูกสาวตัวเองจะยิงคำถามจี๊ดใจนี้ออกมา มือที่ถือกระบี่ถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อย เมื่อรู้สึกตัวก็ปั้นหน้าขึงขังกล่าวออกมาเสียงดุ “เด็กน้อยอย่างลูกจะไปรู้อะไร! ยังเรียนกระบี่ได้ไม่ถึงไหนแท้ๆยังจะมาถามคำถามเหลวไหลทำอะไร ตั้งหน้าตั้งตาฝึกต่อเร็ว!”

“ฮิฮิ ท่านพ่อแกล้งโมโหบ่ายเบี่ยงหรือ?”

ต้วนซือหลิงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ไม่สนใจสายตาดุๆของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

“ถ้าเจ้ายังวอกแว่กไม่ตั้งใจฝึกกระบี่ให้ดี ต่อไปพ่อไม่สอนแล้วนะ…ทีหลังจะให้แม่เจ้ามาสอนแทนเอาแบบนั้นไหม?”

ต้วนหลิงเทียนหยีตากล่าวออกด้วยรอยยิ้มเย็นๆ

นี่ยังเป็นกระบวนท่าสังหาร ที่สามารถจัดการลูกสาวของเขาได้อย่างชะงัด!

แน่นอนว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนออกกระบวนท่าสังหารนี้ออกมา ต้วนซือหลิงก็จ๋อยไปปานมะเขือเหี่ยว “ท่านพ่อข้าผิดไปแล้ว…ต่อไปข้าไม่กล้าแล้ว…”

“อ้อ ไม่กล้าแล้วหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

“ท่านพ่ออ่า ข้าแค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง…”

ต้วนซือหลิงกล่าวออกมาเสียงสลดหน้าซึม

ก็ไม่ใช่ว่าต้วนซือหลิงไม่ชอบที่ให้มารดาอย่างเค่อเอ๋อสอนกระบี่ แต่ทว่าเพลงกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกนั้น มันยอดเยี่ยมและลึกล้ำกว่ากันหลายขุม นางจึงรู้ตัวดี…

ว่าหากไม่ได้เรียนพื้นฐานกระบี่กับบิดา ตัวนางไม่มีวันเข้าถึงขอบเขตร้ายกาจขนาดนั้นได้แน่

เมื่อเห็นลูกสาวตัวเองยอมแพ้ ต้วนหลิงเทียนอดยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาไม่ได้

‘ฟังจากที่เทียนหวู่บอก เฉวี่ยไน่กับคนอื่นๆไม่ได้มาที่ลัทธิบูชาไฟ…ดูเหมือนว่าทุกคนไม่แน่ใจว่าข้าจะยังพักอยู่ในลัทธิบูชาไฟรึเปล่า’

ในขณะที่เริ่มสั่งสอนพื้นฐานการใช้กระบี่ให้ต้วนซือหลิง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสมาชิก 7ทวาราเที่ยงแท้คนอื่นๆ

ตอนนี้เขาได้พบเจอทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 5 หงส์ฟ้าจรัสแสงอย่างเฟิ่งเทียนหวู่แล้ว แต่สำหรับคนอื่นๆนั้นเขายังไม่ได้พบหน้ากันเลย

‘หรือข้าจะประกาศออกไปดี…ว่าตอนนี้ข้าอยู่ลัทธิบูชาไฟ’

‘แต่เรื่องนี้ก็ละเอียดอ่อนนัก แถมมีร้ายมากกว่าดี…เกิดข้าประกาศออกไปว่าข้ายังอยู่ที่ลัทธิบูชาไฟ ไม่พ้นเผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้าต้องคิดว่าข้ากำลังควบคุมลัทธิบูชาไฟ โดยใช้ก่านหรูเยี่ยนเป็นหุ่นเชิดแน่นอน!’

‘ถึงแม้ตราบใดที่ข้ายังไม่ทำลายลัทธิทั้ง 3 ทำให้เผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ฟ้ายังไม่น่าจะสอดมือเข้ามาแทรกแทรง…แต่ถ้าพวกเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าคิดว่า ข้าในฐานะผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้คิดควบคุมลัทธิบูชาไฟไว้ในกำมือ พวกมันสมควรทนไม่ไหวจนต้องสอดมือเข้ามายุ่งแน่…’

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักได้ว่า

เขาไม่อาจประกาศเรื่องที่เขายังอยู่ที่ลัทธิบูชาไฟออกไปได้

‘ดูเหมือนว่าได้แต่ใช้วิธีอื่น…แถมได้ยินจากเทียนหวู่มาว่า ฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ตั้งอยู่ในภาคเหนือของภูมิภาคเบื้องบน’

‘ตราบใดที่ข้าไปถึงที่นั่นแล้วให้เฟิ่งเทียนหวู่แจ้งข่าวออกไป ไม่นานผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้คนอื่นๆ ต้องกลับมารวมตัวกันแน่…’

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เลือกวิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ 7ทวาราเที่ยงแท้กลับมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจะไปหารือเรื่อนี้กับเฟิ่งเทียนหวู่นั้น

“นายท่าน มีเซียนอมตะเสเพลมาเยือนขอรับ”

เสียงสุภาพดังขึ้นในหู แต่ถ้อยคำทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่ามันดังราวระเบิด

เสียงที่ว่าย่อมมาจากเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ เฉินอี้หรู!

“เซียนอมตะเสเพลงั้นเหรอ?”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหดหยีลง

จากนั้นครู่หนึ่ง

ซัว! ซัว! ซัว!

กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่สุดไพศาลพลันกวาดลงมาจากฟ้าเบื้องบน ชั่วพริบตาก็สะกดฉาบคลุมไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ ทำให้ทุกคนที่สัมผัสได้ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย!

“กลิ่นอายพลังที่ร้ายกาจอะไรจะขนาดนี้…ผู้มาเป็นใครกันแน่!?”

“ใครกันที่กล้าบุกเข้ามาในลัทธิบูชาไฟเราแล้วเปล่งพลังกดดันผู้คนอย่างอุกอาจ!?”

“กลิ่นอายพลังนี่มัน…ต่อให้ครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ยังเทียบไม่ได้ หรือจะเป็นเซียนอมตะเสเพลเหมือนกับข้ารับใช้ที่ติดตามข้างกายผู้พิทักษ์หลิงเทียน!?”

แทบจะพร้อมกันกับที่กลิ่นอายพลังทั้งแรงกดดันไร้สภาพอันร้ายกาจแผ่ลงมาปกคลุม เหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ก็ตื่นตัวครั้งยิ่งใหญ่

ขณะเดียวกันเหล่ารองจ้าวลัทธิและอาวุโสเพลิงทองที่ไม่มีหน้าที่สำคัญ ก็เร่งวางเรื่องราวในมือและหันมาสนใจเรื่องนี้ทันที

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ร่างว่องไวประหนึ่งเส้นสายอัสนีพุ่งวาบออกมาจากเกาะลอยชั้นรองบนฟ้า เป็นผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟ!

“ผู้มาเป็นใครกัน!?”

ขณะเดียวกัน ก่านหรูเยี่ยน ที่บ่มเพาะพลังอยู่ในห้องบ่มเพาะประจำตำแหน่งจ้าวลัทธิก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตามนางไม่ได้เหินลอยขึ้นไปในอากาศเหมือนผู้พิทักษ์ทั้ง 4 แต่เลือกที่จะไปยังจุดที่มีแรงกดดันพลังกดทับลงมารุนแรงที่สุดแทน

และนางก็ได้พบต้วนหลิงเทียนที่มาถึงก่อนแล้ว

“เป็นเซียนอมตะเสเพล”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาก่อนที่ก่านหรูเยี่ยนจะทันได้ถามอะไร

“หา? เซียนอมตะเสเพลเหรอ?!”

ก่านหรูเยี่ยนตกใจไม่น้อย สีหน้ายังเปลี่ยนแปรกลับกลายครั้งใหญ่ “เซียนอมตะเสเพล…ตัวตนระดับนี้ไฉนอยู่ๆถึงมาลัทธิบูชาไฟได้?”

“นายท่าน ข้ารู้จักผู้ที่มาขอรับ”

ทว่าสิ้นเสียงตื่นๆของก่านหรูเยี่ยน เฉินอี้หรูที่ไม่ทราบมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่ พลันพูดบอกต้วนหลิงเทียนเสียงเบา

“หือ? เจ้ารู้จักมันงั้นเหรอ?”

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง

“ใช่ขอรับ”

เฉินอี้หรูพยักหน้าพลางกล่าวสืบต่อออกมาว่า“กล่าวไปข้ากับมันก็เป็นคนที่มาจากยุคสมัยเดียวกัน…ตอนนั้นตัวข้ารั้งอยู่ในอันดับที่ 2 ของรายนามยอดเซียน แต่เจ้านั่นมันอยู่ในอันดับที่ 3 ของรายนามยอดเซียน”

“อีกทั้ง มันยังเป็น 1 ในผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟสมัยนั้น หลี่ปิง!”

เฉินอี้หรูกล่าวเปิดเผยตัวตนของผู้มาเยือนทันที

“หลี่ปิง?!”

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษหลังได้ยินนามและตัวตนของผู้มาเยือนจากเฉินอี้หรู หากแต่ด้านก่านหรูเยี่ยนหลังที่ได้ยิน ร่างบางถึงกับชะงักค้างไปปานต้องอัสนี “ละ…หลี่ปิง? นะ…นั่นมิใช่ผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟ ที่ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนหรอกหรือ?”

“มัน…มันยังไม่ตาย!?”

ด้วยมี ‘ตัวอย่าง’ ตัวเป็นๆอย่างเฉินอี้หรูตรงหน้า ทำให้ก่านหรูเยี่ยนตระหนักได้ทันทีว่า ‘หลี่ปิง’ ผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟที่ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เมื่อ 4,000 กว่าปีก่อนเป็นอะไร…

อดีตผู้พิทักษ์นามหลี่ปิงคนนี้ ก็เหมือนกันกับเฉินอี้หรู…เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์!

“ยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพลของลัทธิบูชาไฟเรา…มิใช่ว่าสมควรถูกเผ่ามังกรคุมขังไว้หรอกหรือ?”

ขณะพึมพำสีหน้าก่านหรูเยี่ยนยังเผยความรู้สึกเหลือเชื่อออกมา

เพราะก่อนหน้านี้นางเองก็ได้ยินเฉินอี้หรูกล่าวถึงต้นสายปลายเหตุแล้วว่าไฉนในบรรดา 3 ลัทธิใหญ่ จึงไม่มีเซียนอมตะเสเพลดำรงอยู่เลย!

ดังนั้นเรื่องที่หลี่ปิงผู้ล้มเหลวในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เมื่อ 4,000 ปีก่อนยังมีชีวิตอยู่จึงไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไร…แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจจริงๆเลยก็คือ…

เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ อย่างอดีตผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟคนนี้…ไฉนถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ ทั้งๆที่สมควรถูกเผ่ามังกรกักบริเวณ?!

“สมควรเป็นเผ่ามังกรส่งมันออกมาทำธุระบางประการ มันจึงแวะกลับมาลัทธิบูชาไฟ…”

เฉินอี้หรูอย่างไรก็เป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลคนหนึ่ง จึงรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องราวดี ทำให้สามารถเดาสาเหตุการปรากฏตัววของหลี่ปิงได้ไม่ยาก

“ล้มเหลวในการข้ามหายนะสู่สวรรค์เมื่อ 4,000 กว่าปีก่อน?”

ตอนนี้เองสองตาต้วนหลิงเทียนพลันหดเล็กลงกล่าวออกเสียงเบา “หมายความว่า…หลี่ปิงก็เป็นเหมือนเจ้า เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์?”

“ใช่ขอรับ”

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวถามลอยๆไม่ได้ระบุชื่อ แต่เฉินอี้หรูย่อมรู้ดีว่าหมายถึงตัวเอง จึงกล่าวตอบออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงเคารพ

“ไปกันเถอะ ไปเจอหน้ามันหน่อย…”

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบ ร่างพลันเหินทะยานขึ้นฟ้าไปทันที พริบตาก็อยู่นอกเขตอาคมเกาะลอย ค่อยหยุดค้างกลางฟ้าสูง

เฉินอี้หรูกับก่านหรูเยี่ยนก็เหินร่างตามขึ้นมาติดๆ

หลังจากนั้น เค่อเอ๋อ เฟิ่งเทียนหวู่ และลูกสาวอย่างต้วนซือหลิงก็เหินตามขึ้นมา

“เจ้านั่นน่ะเหรอ หลี่ปิงที่ว่า?”

ต้วนหลิงเทียนมองร่างชายวัยกลางคนที่ตอนนี้ถูกผู้พิทักษ์ทั้ง 4 และอาวุโสคนอื่นๆปิดล้อมคุมเชิงประหนึ่งดาวล้อมเดือนครู่หนึ่ง ค่อยโค้งคิ้วกล่าวถาม

“เป็นมันไม่ผิดคนขอรับ”

สิ้นคำถามต้วนหลิงเทียน เฉินอี้หรูก็กล่าวตอบออกมาทันทีไม่กล้าละเลย

“ท่านบรรพบุรุษ!”

“ท่านบรรพบุรุษ!”

……

ตอนนี้เองด้านผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟ รวมถึงชนชั้นรองผู้นำไม่เว้นอาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟ เมื่อยืนยันตัวตนผู้มาเยือนอย่างหลี่ปิงแล้ว พวกมันก็ประสานมือโค้งคารวะทักทายหลี่ปิงด้วยความเคารพทันที

หลี่ปิงนั้นเป็นอดีตผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อน ไม่ว่าจะในแง่พลังฝีมือหรือในแง่ลำดับอาวุโส ย่อมมากพอจะให้พวกมันทั้งหมดเรียกหาว่าบรรพบุรุษด้วยความเคารพ

“ลัทธิบูชาไฟของพวกเรา…ที่แท้ยังมีตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลดำรงอยู่จริงๆ!”

“ข้าเองก็หลงคิดว่าลัทธิบูชาไฟของพวกเรา ไร้ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลเสียอีก!!”

เหล่าระดับสูงของลัทธิบูชาไฟรู้สึกประหลาดใจทั้งยินดีไม่น้อย

“ใครคือก่านหรูเยี่ยน!?”

หลี่ปิงกล่าวถามออกมาเสียงหนัก ขณะกวาดตามองไปทั่วๆ

และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงของหลี่ปิงดังจบคำ…

ท่ามกลางเหล่าระดับสูงของลัทธิบูชาไฟ ย่อมมีคนสังเกตเห็นการมาถึงของต้วนหลิงเทียนและก่านหรูเยี่ยน จึงหันไปมองทันที

จากนั้นคนอื่นๆเมื่อสังเกตเห็นก็เริ่มหันมองไปยังทิศทางเดียวกัน

“เจ้าน่ะหรือ คือก่านหรูเยี่ยน?”

เมื่อคนส่วนใหญ่โดยรอบหันไปมองยังร่างหนึ่ง หลี่ปิงก็ยืนยันได้ว่าก่านหรูเยี่ยนเป็นใคร ลูกตาของมันหดหยีลงทันที ยังเผยประกายเยียบเย็นออกชัด

“ก่านหรูเยี่ยนจ้าวลัทธิบูชาไฟคนปัจจุบัน คารวะใต้เท้าบรรพบุรุษ!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาของหลี่ปิง ก่านหรูเยี่ยนที่เตรียมใจไว้วแต่แรก ก็ประสานมือโค้งครวะอีกฝ่ายทันที

“จ้าวลัทธิบูชาไฟคนปัจจุบัน?”

อย่างไรก็ตาม เผชิญหน้ากับการคารวะทักทายอย่างสุภาพนอบน้อมของก่านหรูเยี่ยน หลี่ปิงอดหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ ก่อนที่จะหยุดลงทั้งกล่าวตะคอกออกมาเสียงเย็น

“ข้าขอประกาศว่า…เจ้า ก่านหรูเยี่ยน นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป มิใช่จ้าวลัทธิบูชาไฟของข้าอีกต่อไป!”

วาจาแรกที่กล่าวกับก่านหรูเยี่ยน หลี่ปิงก็ประกาศขับก่านหรูเยี่ยนออกจากตำแหน่งจ้าวลัทธิบูชาไฟทันที!