ตอนที่ 1028 เคารพนอบน้อม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1028 เคารพนอบน้อม

ซุนเหวินเหยากำลังรู้สึกขัดแย้งภายในใจ ใจของเขาหนักอึ้งลงเรื่อยๆ

เมื่อได้ยินเสียงหลูผิงกล่าวกับเว่ยจงให้เข้าไปรายงานจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ซุนเหวินเหยาจึงได้สติ เขาเงยหน้ามองตำหนักใหญ่ตรงหน้า

แสงสีม่วงของดวงอาทิตย์ยามอัสดงสาดกระทบลงบนเสาแกะสลักประณีตสีแดง

ทว่า ใจของซุนเหวินเหยาหนักอึ้งลงทุกที

ชายหนุ่มเดินตามหลังหลูผิงเข้าไปในตำหนักอย่างเป็นระเบียบ เขาก้มหน้าไม่กล้ามองสิ่งรอบตัว มองเพียงพื้นกระเบื้องที่อยู่ตรงปลายเท้าเท่านั้น เขาเห็นเงาสะท้อนใบหน้าที่เคร่งเครียดของตัวเอง เขานึกถึงไป๋จิ่นจื้อขึ้นมา…

หากวันนี้เขาสังหารพี่หญิงใหญ่ที่เก่งกาจของนางสำเร็จ ไม่รู้ว่านางจะเสียใจเพียงใด จะโกรธเกลียดที่เขาหลอกใช้นางมากเพียงใด

“คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ซุนเหวินเหยาคุกเข่าก้มศีรษะคำนับ

ไป๋ชิงเหยียนมองสำรวจซุนเหวินเหยาตั้งแต่ที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในตำหนัก ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้บอกให้ชายหนุ่มลุกขึ้น “ได้ยินว่าเจ้าเคยช่วยชีวิตเกาอี้จวิ้นจู่ที่เมืองหาน…”

“เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” ซุนเหวินเหยาตอบ

“เจ้าไม่เห็นหยิ่งทระนงเหมือนเมื่อก่อนเลย ข้าจำได้ว่าตอนเจอกันที่จวนฉิน…เจ้าห้ามแส้ของเสี่ยวซื่อเอาไว้ หากข้าไปช้ากว่านั้นอีกนิดเดียวเจ้าคงลงมือทำร้ายเสี่ยวซื่อแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนรับชาพุทราที่เว่ยจงเปลี่ยนถ้วยใหม่ให้มาถือไว้ในมือ ใช้ฝาดันพุทราที่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำชาให้จมลงไปในถ้วย จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “วันนี้เจ้าเคารพนอบน้อมถึงเพียงนี้เพราะเหตุผลใดกันแน่”

ซุนเหวินเหยาไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะถามออกมาเช่นนี้ ชายหนุ่มสูดหายใจลึก จากนั้นกล่าวเสียงนิ่งขรึม “ซุนเหวินเหยาไม่กล้าไม่เคารพฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหูของเว่ยจงซึ่งยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนขยับเล็กน้อย เขาใช้มือป้องปากกระซิบข้างใบหูของไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา “ดูเหมือนเมื่อครู่จะวิธีเป็นการหายใจขององครักษ์ลับของราชวงศ์เก่าพ่ะย่ะค่ะ จักรพรรดิต้าจิ้นชอบส่งองครักษ์ลับของราชวงศ์ไปแฝงตัวตามจวนของขุนนางใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”

ส่วนตระกูลไป๋…จักรพรรดิต้าจิ้นหวาดกลัวตระกูลไป๋ อีกทั้งองครักษ์ของตระกูลไป๋ล้วนเป็นทหารที่ถอนตัวจากกองทัพไป๋ ดังนั้นจักรพรรดิต้าจิ้นจึงหาช่องโหว่ส่งองครักษ์ลับแฝงตัวไปไม่ได้

ไป๋ชิงเหยียนมองสำรวจซุนเหวินเหยาที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างสำรวมนิ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “บัดนี้รัชทายาทแห่งต้าจิ้นถูกส่งตัวจากไปแล้ว เจ้าคิดว่าการกระทำของเจ้าจะทำให้ต้าโจวเกิดความวุ่นวายได้อย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนหลอกถามซุนเหวินเหยา ซุนเหวินเหยากำหมัดแน่น ลมหายใจสับสนในทันที

ตั้งแต่ที่ซุนเหวินเหยาช่วยชีวิตเสี่ยวซื่อ ต่อมานัดพบกับคุณหนูสองของตระกูลฉิน จากนั้นมีข่าวลือแพร่กระจาย มีคนการใช้ระบอบการปกครองใหม่พุ่งเป้าไปยังอาสะใภ้และมารดาของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนไม่เชื่อว่าไม่มีผู้คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

ศัตรูจากราชวงศ์เก่ามีแฝงตัวอยู่ทุกยุกคสมัยที่มีการสถาปนาแคว้นใหม่เกิดขึ้น ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นซุนเหวินเหยาไม่กล่าวสิ่งใด ไป๋ชิงเหยียนจึงรู้ว่าตัวเองเดาถูกแล้ว

“เจ้าคือองครักษ์ลับของราชวงศ์ เจ้าจงรักภักดีต่อราชวงศ์ต้าจิ้น ข้านับถือเจ้า ทว่า เจ้าไม่ควรหลอกใช้ความรู้สึกของเกาอี้จวิ้นจู่ การกระทำเช่นนี้น่ารังเกียจยิ่งนัก!”

แผ่นหลังของซุนเหวินเหยาหดตัวลง เขารู้สึกผิดต่อไป๋จิ่นจื้อมาก ทว่า เขาไม่อาจขัดคำสั่งหัวหน้าได้

“เจ้าเป็นคนสอนให้คุณหนูสองของตระกูลฉินพุ่งเป้าเรื่องกฎหมายสนับสนุนสตรีหม้ายให้แต่งงานใหม่มาที่ตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

ตอนนี้ซุนเหวินเหยาถึงตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ในการควบคุมของไป๋ชิงเหยียนตลอดเวลา ทว่า ดูเหมือนหญิงสาวจะยังไม่รู้รายละเอียดที่ลึกไปกว่านั้น

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซุนเหวินเหยาจึงรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขาก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้น “กระหม่อมคือองครักษ์ลับของราชวงศ์จิ้นที่ถูกส่งไปแฝงตัวอยู่ในจวนฉินเมื่อนานมาแล้ว กระหม่อมเป็นคนสอนให้คุณหนูสองตระกูลฉินใช้วิธีเล่นงานตระกูลไป๋ กระหม่อมยอมรับผิดทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมละอายใจที่ไม่ได้ตายต่อหน้าเจ้านาย ฝ่าบาทได้โปรดมอบความตายให้กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่มีโอกาสเข้าใกล้ไป๋ชิงเหยียน อีกทั้งถูกจับได้ ดังนั้นเขาจึงทำภารกิจไม่สำเร็จ นี่ไม่ถือว่าเขาทรยศเจ้านายของตัวเอง

“ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการปกป้ององครักษ์ลับที่เหลืออยู่…” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชากระเบื้องลงบนโต๊ะ

ซุนเหวินเหยากำหมัดแน่น “ไม่มีองครักษ์ลับคนอื่น มีเพียงกระหม่อมคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”

“เช่นนั้น เมื่อคืนคุณหนูสองตระกูลฉินเดินทางออกจากเมืองหลวงไปซื้อตัวสตรีหม้ายที่แต่งงานใหม่เหล่านั้นตามคำสั่งของเจ้าอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ

เว่ยจงยกยิ้มมุมปาก คุณหนูใหญ่หลอกซุนเหวินเหยาอีกแล้ว เมื่อคืนคุณหนูสองตระกูลฉินอยู่แต่ในจวนฉิน ไม่ได้ออกไปที่ใดทั้งสิ้น

ซุนเหวินเหยากำหมัดแน่น หัวหน้าไปพบคุณหนูสองตระกูลฉินลับหลังเขาอย่างนั้นหรือ

หัวหน้าของเขาเป็นคนเสนอแผนการโจมตีเรื่องที่ตระกูลไป๋มีแต่สตรีหม้าย หัวหน้าไปพบคุณหนูสองตระกูลฉินลับหลังเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกอันใด

ซุนเหวินเหยายอมรับว่าตัวเองเป็นทำทั้งหมดเพราะต้องการปกป้องหัวหน้า “พ่ะย่ะค่ะ…”

“ซุนเหวินเหยา เจ้าคิดว่าคุณหนูสองตระกูลฉินจะปกป้ององครักษ์ลับของราชวงศ์ก่อนเหมือนที่เจ้าทำอย่างนั้นหรือ เจ้าอยู่จวนฉินมานานน่าจะรู้ดีว่านางเป็นคนเช่นไร” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย บอกมาว่าองครักษ์ลับที่เหลืออยู่ที่ใด ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าทุกคน แค่ทำลายวรยุทธ์ของพวกเจ้าและส่งพวกเจ้าไปหาอดีตรัชทายาท ถือว่าพวกเจ้าจงรักภักดีต่อราชวงศ์ต้าจิ้นจนถึงที่สุดแล้ว”

ซุนเหวินเหยาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนด้วยความตกใจ “ฝ่าบาทจะไม่สังหารพวกกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกเจ้าอยากกอบกู้แคว้นคืน ทว่า พวกเจ้าต้องดูด้วยว่าอดีตรัชทายาทอยากทำเช่นนั้นหรือไม่ บัดนี้อดีตรัชทายาทไม่มีความต้องการนั้นแล้ว พวกเจ้าพยายามไปก็เปล่าประโยชน์…” ไป๋ชิงเหยียนตอบตรงๆ “ทำลายวรยุทธ์ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะกลายเป็นคนธรรมดา การมีชีวิตอยู่สำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด”

หากคำกล่าวนี้ออกมาจากปากของผู้อื่นซุนเหวินเหยาไม่มีทางเชื่อ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนคือคนตระกูลไป๋ ซุนเหวินเหยาจึงค่อนข้างเชื่อใจหญิงสาว คนตระกูลไป๋รักษาสัญญาเสมอ

ขณะที่ซุนเหวินเหยากำลังลังเล ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ “เว่ยกงกงผู้นี้เคยเป็นองครักษ์ลับของราชวงศ์เก่ามาก่อนเช่นเดียวกัน องครักษ์ลับของราชวงศ์มีวิธีติดต่อกัน แม้เจ้าไม่สารภาพ เว่ยกงกงก็สามารถหาตัวคนเหล่านั้นเจออยู่ดี ถึงเวลานั้นคงไม่ทำเพียงทำลายวรยุทธ์ของพวกเจ้าเท่านั้น”

ซุนเหวินเหยาก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “ฝ่าบาท ได้โปรดให้กระหม่อมไปพบพวกเขาเพื่อโน้มน้าวพวกเขาด้วยตัวเองได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงมองไปทางเว่ยจง “เว่ยกงกงช่วยรับผิดชอบเรื่องนี้ที พาซุนเหวินเหยาไปได้!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวสิ่งที่ต้องการกล่าวไปหมดแล้ว นางไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีก

“ฝ่าบาท!” ซุนเหวินเหยารีบก้มศีรษะคำนับ “ฝ่าบาทได้โปรดเห็นแก่ที่พวกกระหม่อมถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีต่อราชวงศ์มาตั้งแต่เกิด ไม่มีทางเดินอื่นให้เลือก ทรงอนุญาตให้กระหม่อมได้พบหน้าพวกเขาสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นพวกเขาต้องสู้จนตัวตายแน่นอน พวกเราล้วนเป็นองครักษ์ลับ พวกเราไม่กลัวตาย ทว่า กระหม่อมไม่อยากให้มีผู้ใดตายอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ซุนเหวินเหยาคือคนแปลกประหลาดในบรรดาองครักษ์ลับ องครักษ์ลับไม่ควรมีความรู้สึกอื่นในนอกจากความจงรักภักดี กระทั่งเมื่อเวลาสำคัญมาถึงพวกเขาต้องตัดใจสังหารได้แม้กระทั่งสหายของตัวเอง

ทว่า ช่วงเวลาที่ซุนเหวินเหยาอยู่ในค่ายทหารผิงอัน เขาเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสหายร่วมค่าย ความคิดของซุนเหวินเหยาจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนที่คล้ายทหารมากกว่าองครักษ์ลับ ดังนั้นเขาจึงอยากรักษามิตรภาพอันนี้เอาไว้

“ไม่เหมือนองครักษ์ลับสักเท่าใด…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเว่ยจง

เว่ยจงรีบโค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ฝ่าบาทตรัสถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”