บทที่ 1054 คาดไม่ถึงว่าเป็นฮูหยินเจียง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1054 คาดไม่ถึงว่าเป็นฮูหยินเจียง

บทที่ 1054 คาดไม่ถึงว่าเป็นฮูหยินเจียง

ครั้งนี้ไม่อาจจับจุดอ่อนของเสี้ยนจู่ได้ แต่จับความผิดพลาดของกู้ซินเถาได้โดยไม่ตั้งใจ

ชื่อเสียงของกู้ซินเถาถูกทำลายลง การทำเรื่องอับอายนี้เป็นการพิสูจน์ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนใจง่าย จะให้คนแบบนี้เข้ามาอยู่ในตระกูลเจียงได้อย่างไร

ตระกูลเจียงต้องปฏิเสธ และไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงแพศยาเหยียบย่ำเข้ามาในบ้านตระกูลเจียงอย่างแน่นอน

ครั้นนึกถึงเรื่องนี้ สีหน้าท่าทางของมามาเหลิ่งก็กลับสู่สภาวะปกติ “เสี้ยนจู่ ข้าเกรงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ถ้าไม่อย่างนั้นเสี้ยนจู่ไปพักผ่อนที่ลานหน้าบ้านสักหน่อยเถอะ พอจัดการเรื่องนี้แล้ว ข้าจะให้ฮูหยินรีบตามไปทันที”

หากแต่กู้เสี่ยวหวานยังคงแสดงสีหน้าแปลกประหลาด “ไม่รู้ว่าข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้น และไม่รู้ว่าข้าจะช่วยอันใดได้บ้างหรือไม่ เพราะอย่างไรทุกคนก็อยู่ตรงนี้กันหมดแล้ว ทำไมพวกเจ้าไม่ลองเข้าไปดูล่ะว่ามีอะไรที่ข้าพอจะช่วยได้บ้าง”

หญิงสาวเหล่านั้นพอได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานจะเข้าไป พวกนางก็เกิดจะอยากลองเสี่ยง

เมื่อครู่เห็นหญิงคนหนึ่งนอนเสื้อผ้าหลุดลุ่ย บิดตัวไปมาอย่างมีความสุข จึงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก แต่เพราะพวกนางเป็นหญิงที่ยังไม่แต่งงาน ดังนั้นจึงไม่กล้ามองมากกว่านี้

มีคนใจกล้าบางคนลืมตาเหลือบมองอยู่หลายครั้ง และไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนกรีดร้องขึ้นมาเป็นคนแรก แต่แล้วพวกนางก็พากันวิ่งกรูออกไป

บางส่วนวิ่งหนีออกมา บางส่วนยืนดูต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ภาพเหล่านั้นมันน่าดูตรงไหนกัน อีกทั้งยังแสร้งเป็นประหลาดใจและวิ่งออกมาอย่างไม่เต็มใจ

เพียงแต่ว่าท่าทางแบบนั้นมันฝังลึกอยู่ในใจพวกนาง

และอยากจะดูอีกครั้ง มันคือสิ่งที่พวกนางไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน และทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ภายในตัวมนุษย์ทุกคนมีจิตวิญญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็น ครั้งนี้เมื่อกู้เสี่ยวหวานก้าวเข้าไปด้านใน ทุกคนจึงรีบเดินตามหลังนางไปไม่ห่าง

มามาเหลิ่งเห็นกู้เสี่ยวหวานเข้าไปก็จะไปขัดขวาง จากนั้นก็คิดว่ายิ่งมีคนเห็นเยอะ ชื่อเสียงของกู้ซินเถาก็จะยิ่งเสื่อมเสีย นางก็เลยไม่ขัดขวางและเดินตามหลังเข้าไปด้วย

เมื่อสักครู่ คุณหนูที่พูดคุยกับกู้เสี่ยวหวาน ตอนนี้ดึงกู้เสี่ยวหวานไปยังด้านหนึ่งในห้อง สีหน้าของนางแดงระเรื่อเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนเขินอาย และชี้ไปที่คนบนพื้นแล้วพูดว่า “เสี้ยนจู่ คนนี้แหละ”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ทุกคนต่างเหลือบมองไปที่คนนอนตะแคงฟุบอยู่บนพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงปกปิดใบหน้า ทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางได้ชัดเจน

แก้มครึ่งหนึ่งแดงระเรื่อ ดูเขินอาย เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เหลือเพียงตู้โตวสีแดงที่ยังคงเกี่ยวรอบคอ

ชายกระโปรงยาวด้านล่างของนางถูกดึงขึ้นมาจนถึงขาอ่อน ทำให้เห็นผิวขาวเนียน ซึ่งทั้งหมดปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ริมฝีปากยังคงมีเสียงร้องครวญครางราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับความสุขในช่วงเวลานี้มาก

การกระทำของแม่นางคนนี้ ทุกคนไม่เคยเห็นมันมาก่อน

แต่น้ำเสียงที่แหบแห้งและเสียงหอบหายใจที่ดังไม่หยุด ทำให้ทุกคนเข้าใจโดยไม่ได้นัดหมายว่าคนผู้นี้กำลังทำอะไรกันแน่

มามาเหลิ่งเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปในห้อง และเห็นทุกคนกำลังล้อมร้อบเป็นวงกว้าง เมื่อเห็นสิ่งตรงหน้าด้วยตาของตนเอง ใบหน้าของมามาเหลิ่งพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางเปล่งเสียงตวาดดังลั่น “ไร้ยางอาย ทำเรื่องสกปรกโสมมที่ตระกูลเจียงของข้า ถ้าให้ฮูหยินรู้ต้องถลกหนังเจ้าออกแน่”

พูดจบ มามาเหลิ่งก็ก้าวมาข้างหน้า จับใบหน้านั้นเงยขึ้นเพื่อให้ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจน

ทุกคนต่างอ้าปากค้าง เด็กสาวสีหน้าเศร้าสร้อยคนนั้น หากไม่ใช่กู้ซินเถาแล้วจะเป็นใครได้อีก

“สวรรค์ นี่คือกู้ซินเถา”

“ใช่ อีกไม่นานนางจะถูกพาตัวเข้าตระกูลเจียง เหตุใดยังทำเรื่องน่าอายแบบนี้อีก?”

“จุ๊ ๆ นางก็เป็นเพียงหญิงแพศยา เมื่อก่อนติดตามนายน้อยเจียงทั้งวันอย่างไร้ยางอาย ต่อมาดูเหมือนว่านางจะปีนขึ้นเตียงของนายน้อยเจียง ฮูหยินเจียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยินยอมที่จะพานางเข้ามา ไม่คาดคิดเลยจริง ๆ ตอนนี้นางยังอยู่ที่นี่ น่าเสียดายที่ทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบนี้”

พวกนางต่างรู้สึกหมดคำพูด แต่ละคนมองกู้ซินเถาอย่างเอือมระอาเล็กน้อย

คนที่มามาเหลิ่งเห็นคือกู้ซินเถา ในใจก็พลันมีความสุข แต่ก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย “สวรรค์ แม่นางกู้ ทำไมถึงเป็นเจ้า เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ ใครก็ได้รีบไปตามหมอเร็วเข้า”

ขณะที่มามาเหลิ่งพูดอยู่นั้น นางก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากข้าง ๆ “ที่นี่ยังมีอีกคนนึง”

ว่าอย่างไรนะ?

ขณะที่มามาเหลิ่งเตรียมจะเอ่ยพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องประหลาดดังขึ้น

เสียงเหมือนคนกำลังได้รับความเจ็บปวด หากแต่เจือไปด้วยความสุข เหมือนกับว่าพึงพอใจอย่างมากแล้ว ราวกับได้ล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ

ทันใดนั้นก็มีเสียงครวญครางอย่างพึงพอใจ และเสียงก็แผ่วลง

มามาเหลิ่งงุนงงเล็กน้อย และรู้สึกว่าเสียงนั้นฟังดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ต่อมาก็ได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งเปล่งเสียงกรีดร้องดังโหยหวน “สวรรค์ ฮูหยินเจียง”

เสื้อผ้าบนร่างกายฮูหยินเจียงแทบจะอยู่ในสภาพเดียวกับกู้ซินเถา เสื้อผ้าบนร่างกายของนางถูกปลดออก แม้แต่ตู้โตวก็หลุดลุ่ย

เสื้อผ้าบนร่างกายของนางเหลือน้อยชิ้นกว่ากู้ซินเถา

ร่างทั้งร่างนอนหมอบหมดสภาพอยู่บนพื้น เรือนร่างขาวดั่งหิมะ เผยให้เห็นส่วนที่ไม่ควรมอง

สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือ ฮูหยินเจียงถกกระโปรงขึ้นถึงเอว ขาแข้งสองข้างไร้เรี่ยวแรง