บทที่ 1045 เช่าร้าน

บทที่ 1045 เช่าร้าน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน สองสามีภรรยาซูฉางจิ่วไม่มีทางรู้หรอกว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนที่รวยที่สุดในบ้าน

แต่พอได้มาอยู่ที่เมืองหลวงจึงได้รู้อะไร ๆ มากขึ้น

โรงงานอาหารเป็นของเสี่ยวเถียน

ฟาร์มเพาะพันธุ์ก็มีเสี่ยวเถียนเป็นหุ้นส่วน

ได้ยินว่าเปิดร้านขายของที่หน้ามหาวิทยาลัยด้วย

เหมือนจะมีโรงงานอยู่ในเมืองอื่นอีก

ไม่มีทางขาดแคลนเงินหรอก

แต่ว่าเธอก็ไม่มีเหตุผลให้เรายืมเงินนี่

แถมให้เรายืมเองเลยด้วย

“ไม่ได้หรอกเสี่ยวเถียน หนูหาเงินได้จากการบากบั่นทำงานนะ”

เสี่ยวเถียน “…”

ที่จริงเธอก็ไม่ได้ลำบากนะ?

“หลังจากนี้เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะคะ อีกอย่างหนูให้ยืมนะ ไม่ได้ให้เลย”

จูหลานฮวาเข้าใจทันที

เราคุยกันไว้ว่าจะยืมมาช่วยสินสอดลูกสาว

แต่จะยืมใครมาแล้วมันสำคัญด้วยหรือ?

ถึงเสี่ยวเถียนจะเป็นเด็ก แต่การที่เธอหาเงินได้ก็ถือว่ามีความสามารถนี่

ไว้กลับไปค่อยคุยกัน ตอนเอามาคืนทบต้นทบดอกไปเลย!

จูหลานฮวาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

“ได้จ้ะ ขอบคุณมากนะ”

ต่อให้สามีจะคัดค้าน เขาก็ทำได้แค่กลืนคำพูดลงไปเท่านั้น

ช่างเถอะ ฟังยายเฒ่าไปแล้วกัน!

ต่อให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน มีชื่อเสียงมากมายแต่เหมือนไม่ได้มีอะไรเท่าไร

ภรรยาที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีไม่เคยมีช่วงเวลาดี ๆ เลย มีแต่ลำบากทั้งนั้น

ลูกสะใภ้ก็สร้างปัญหาให้

ถ้าได้อยู่ในเมืองหลวงคงสบายไปอีกหลายปี

ดูสองสามีภรรยาถานนั่นสิ ไม่มีลูกหลานมาเกาะกิน สุขสบายเชียวไม่ใช่หรือ?

เสี่ยวเถียนหัวเราะ

ตัดสินใจแล้วสินะ

หลังจากจัดการธุระที่โรงงานเสร็จ เสี่ยวเถียนก็มีเวลาว่างอีกสองสามวัน จึงร่วมเดินทางไปกับผู้เป็นป้าตามหาร้านเหมาะ ๆ

ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยมีร้านค้าเพียบเลย พอเศรษฐกิจดี หลาย ๆ คนก็เปิดร้านเป็นของตัวเอง

ถึงจะเห็นศักยภาพของมัน แต่ถ้าบ้านเราเปิดร้านได้เองก็ไม่ต้องเช่าก็ได้

เปิดร้านขายของเองดีกว่าเช่าราคาสูง ๆ อีกไม่ใช่หรือ?

หาอยู่สองวันยังไม่เจอร้านที่ถูกใจเลย

จูหลานฮวาดูอิดโรยมาก

เธอเหมือนจะคิดง่ายไป

“เสี่ยวเถียน เราลองไปเปิดที่อื่นดูดีไหม?”

เธอคิดเรื่องนี้มาตลอด ถ้าเปิดตรงพวกสถานีก็น่าจะหาเงินได้เหมือนกันนะ

ถึงการอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยดี แต่ถ้าไม่เจอร้านที่ถูกใจจะทำยังไงล่ะ?

“เดี๋ยวหาอีกสักสองวันแล้วค่อยขยายวงค้นหาแล้วกันค่ะ”

ใกล้ ๆ มีมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ถ้าแถวนี้ไม่เจอตรงอื่นอาจจะมีก็ได้

จูหลานฮวาเชื่อในความสามารถของหลานจึงตอบตกลง

สองวันผ่านไป เราตื่นแต่เช้าลงมือทำงาน ฝ่าเท้าแทบจะมีแผลพุพองเต็มไปหมดแล้ว

แต่พวกเธอไม่ต้องเสียแรงเปล่าอีกต่อไป

ร้านค้าแห่งนี้ขนาดใหญ่ไปหน่อย ขนาดประมาณสองร้อยตารางเมตร

ปกติร้านแถวมหาวิทยาลัยจะมีพื้นที่ไม่ถึงสี่สิบตารางเมตร ขนาดใหญ่สุดคือยี่สิบหรือสามสิบตารางเมตร

ตอนแรกเธอหาร้านเล็ก ๆ ขนาดสามสิบตารางเมตรโดยประมาณ

ยิ่งร้านใหญ่ค่าเช่ายิ่งแพง

สำหรับธุรกิจเล็ก ๆ ไม่ต้องเอาร้านใหญ่ขนาดนี้ก็ได้

แต่ทำเลที่นี่ดีมากเลย อยู่สี่แยกระหว่างสองมหาวิทยาลัย มีคนเข้าออกทุกวัน

เมื่อก่อนร้านนี้ขายเสื้อผ้า

ถ้าเปิดในอีกสิบปีข้างหน้าคงขายดีไม่น้อย

แต่ในยุคนี้นักศึกษายอมไปไกลหน่อยเพื่อซื้อที่ตลาดน่ะ

มีตัวเลือกเยอะ ราคาถูกกว่า

เปิดได้อยู่ปีเดียวก็ต้องล่าถอยไป

และที่ยังปล่อยเช่าไม่ได้เพราะร้านใหญ่มาก

บางทีเจ้าของคงอยากกลับมาใช้งาน จึงไม่อยากแบ่งร้านออกเป็นสองส่วน

เพราะเขาเห็นว่าจะเป็นการทำลายฮวงจุ้ย

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าไร้สาระ

ฮวงจุ้ยสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?

ถ้าฮวงจุ้ยกำหนดได้ทุกอย่างขนาดนั้น ต่อให้กินนอนไม่พอก็ไม่สำคัญใช่ไหม?

อีกอย่างแบ่งออกไปสร้างจะทำเงินไม่ได้เลยหรือยังไง?

แต่เราพูดได้ที่ไหนล่ะ

“พี่สะใภ้ ร้านใหญ่แบบนี้ถ้าจะเปิดร้านอาหารว่างคงไม่เหมาะหรอกครับ”

เจ้าของร้านเป็นคนซื่อสัตย์จริง ๆ พอรู้ว่าสองคนนี้มาหาร้านเปิดเป็นร้านอาหารจึงให้คำแนะนำอย่างจริงจัง

เสี่ยวเถียนกลับรู้สึกว่าทำเลดีมาก ร้านใหญ่ดี เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่

ต่อให้ค่าเช่าเดือนละสี่ร้อยหยวนก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเงินอยู่ดี

แต่จำนวนของค่าเช่านี้ทำให้จูหลานฮวาตกใจกลัว

“ค่าเช่าสูงมากเลยนะ ป้าคงหามาจ่ายในทันภายในเดือนไม่ได้หรอก”

เสี่ยวเถียนมีแผนอยู่แล้ว

พื้นที่ใหญ่เกินว่าจะเปิดร้านหมาล่าทั่งได้

ค่าเช่าแพง แก้ยากอีก

“เถ้าแก่ขอบคุณที่เตือนนะคะ แต่หนูเห็นว่าร้านฮวงจุ้ยมันดี ถ้าขายอาหารอาจจะทำกำไรได้ค่ะ”

เสี่ยวเถียนเอ่ยจริงจัง

มันจริงจังถึงขนาดที่เจ้าของร้านคิดเลยว่าเราหาเงินไม่เป็นหรือไม่มีโชคด้านนี้กันแน่?

“สาวน้อย ฉันขอเตือนเลยนะว่าถ้าขาดทุนขึ้นมาอย่ามาโทษแล้วกัน!”

เหมือนว่าระหว่างสองคนนี้ เด็กสาวจะเป็นคนตัดสิน

เพื่อไม่ให้โดนหาว่าโกหกจึงพูดดักคอไว้ก่อน

เสี่ยวเถียนบอกปัดแล้วเซ็นสัญญาเช่า

เธอเจรจาต่อเพื่อเลี่ยงปัญหาว่า ถ้าเช่าต่อเนื่องสิบปีจะเพิ่มค่าเช่าให้ตามราคาตลาด

แต่เจ้าของร้านไม่เห็นด้วยเลยให้แค่ห้าปีพอ

อันที่จริงจะเอาระยะเวลาสั้นกว่านี้ แต่เสี่ยวเถียนไม่เอาเหมือนกัน เหตุผลคือมันสั้นเกินไม่พอปรับแต่งร้าน

เราเขียนสัญญาเพิ่มอีกว่าหลังจากนั้นห้าปีหากเจ้าของร้านไม่ได้ทำธุรกิจเป็นของตัวเอง และเราคิดจะเช่าต่อ เขาต้องมอบสิทธิ์ให้เสี่ยวเถียนก่อน

เธอลงนามพร้อมเช่าของ โดยถือว่าตนจะรับเรื่องเป็นคนพิจารณาเอง

เพราะกลัวว่าราคาค่าเช่า ค่าปรับและอื่น ๆ จะทำให้ป้าตกใจจนนอนไม่หลับ