ตอนที่ 1041 มั่นคง
พี่ชายของฟางซื่อก้มศีรษะคำนับไป๋ฉีเหอ “น้องเขย น้องเขยได้โปรดเห็นแก่ที่น้องสาวของข้าให้กำเนิดบุตรให้เจ้าขอร้องฝ่าบาทให้พวกเราด้วยเถิด น้องสาวของข้ามีบุตรให้เจ้าตั้งสามคน ไม่ต้องกล่าวถึงบุตรชายคนโต ไม่ว่าอย่างไรน้องสาวข้าก็เป็นคนอบรมเลี้ยงดูเด็กดีอย่างอาผิงมา น้องเขยได้โปรดช่วยขอให้ฝ่าบาทไว้ชีวิตน้องสาวข้าทีเถิด”
ไป๋ฉีเหอปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ยขอร้อง ทว่า กลับกล่าวขึ้น “ความผิดที่ฟางซื่อเคยทำรวมกันทั้งหมด ต่อให้นางตายร้อยครั้งก็ยังชดใช้ความผิดได้ไม่หมดเลย!”
ฟางซื่อได้ยินเช่นนี้จึงรู้สึกราวกับโลกจะถล่มลงมา “ท่าน…”
“น้องเขย เป็นสามีภรรยากันวันเดียวคือสามีภรรยากันตลอดชีวิตนะ!” พี่ชายของฟางซื่อซึ่งเป็นชายอกสามศอกร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว “ได้โปรดเห็นแก่หน้าอาผิง ช่วยนางด้วยเถิด”
ไป๋ฉีเหอหยัดกายตรง ไม่ใช่ว่าเขาอยากเอาตัวรอดเมื่อเกิดปัญหาขึ้น เขาให้โอกาสฟางซื่อไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ทว่า ฟางซื่อไม่เคยสำนึกได้ นางทำผิดร้ายแรงกว่าเดิมขึ้นทุกครั้ง
“หากนางรักอาผิงจริง นางยิ่งไม่ควรทำเรื่องเช่นนี้!” ไป๋ฉีเหอโมโหจนเสียงสั่น เขาหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง “ฟางซื่อทำเรื่องผิดมหันต์เช่นนี้หลายครั้งแล้ว พี่เขยก็ทราบดีว่าเหตุใดตอนนั้นนางจึงหนีกลับไปอยู่กับตระกูลฝั่งมารดา!”
ไป๋ฉีเหอถอนหายใจยาว “ความรักระหว่างสามีภรรยาที่ข้าเคยมีให้นางมันหมดสิ้นไปนานแล้ว!”
ไป๋ชิงเหยียนดื่มชาในถ้วยจนหมด วางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นกล่าวขึ้น “ในเมื่อประมุขไป๋ไม่มีความรู้สึกหลงเหลือกับฟางซื่ออีกแล้ว เช่นนั้นก็เขียนหนังสือหย่าให้นางเถิด ให้พี่ชายของนางพาตัวนางกลับไป เช่นนี้เพื่อเห็นแก่ประมุขไป๋และไป๋ชิงผิง ข้าจะไว้ชีวิตฟางซื่อและพี่ชายของนาง หนีพ้นโทษตาย ทว่า ไม่พ้นโทษเป็น สองพี่น้องตระกูลฟางรับโทษโบยคนละห้าสิบที เรื่องนี้ถือว่าจบลงเพียงแค่นี้!”
เมื่อพี่ชายของฟางซื่อรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนจะปล่อยพวกเขาไปจึงรีบก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “ขอบพระทัยฝ่าบาทมากพ่ะย่ะค่ะ!”
ฟางซื่อถูกไป๋ฉีเหอทำร้ายจิตใจจนด้านชาไปหมด เขากล้ากล่าวว่าไม่หลงเหลือความรักให้แก่นางอีกแล้วอย่างนั้นหรือ ที่นางทำเช่นนี้นอกจากทำไปเพื่อช่วยเหลือตระกูลฝั่งมารดาแล้ว นางทำไปเพื่อไป๋ฉีเหอและไป๋ชิงผิงทั้งสิ้น ทว่า ไป๋ฉีเหอกลับทำกับนางเช่นนี้
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ ฟางซื่อหยัดกายขึ้นพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านอยากหย่ากับข้าอย่างนั้นหรือ ข้าจะไม่ให้ท่านสมหวังแน่ ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะตายไปพร้อมกับตำแหน่งภรรยาเอกของท่าน!”
กล่าวจบฟางซื่อสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของขันทีเล็ก จากนั้นวิ่งตรงไปยังเสาไม้ที่ค้ำยันกระโจมไว้ ทว่า เว่ยจงพุ่งไปคว้าคอเสื้อของฟางซื่อไว้ได้ก่อน
ไป๋ฉีเหอตกใจจนเหงื่อท่วมตัว แม้เขาจะเกลียดฟางซื่อ ทว่า เขาไม่ได้อยากให้ฟางซื่อตาย พวกเขาเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี เคยมีความรักให้กันมาก่อน ไป๋ฉีเหอทนเห็นนางตายไปต่อหน้าไม่ได้!
ทว่า ฟางซื่อไม่อาจปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นหญิงหม้ายที่ถูกสามีขอหย่าได้!
หากนางถูกหย่า วันหน้าไป๋ชิงผิงจะมองหน้าผู้อื่นเช่นไร ตอนนี้ไป๋ชิงผิงกำลังอยู่ในวัยแต่งงาน เขาได้รับความสำคัญจากไป๋ชิงเหยียน สตรีมากมายจึงอยากแต่งงานกับเขา ทว่า ฟางซื่อยังไม่ตกลงเพราะอยากให้บุตรชายลงหลักปักฐานในเมืองหลวง ได้แต่งงานกับสตรีสูงศักดิ์ของเมืองหลวง
หากมารดาถูกหย่า ไป๋ชิงผิงจะได้แต่งงานกับสตรีตระกูลสูงศักดิ์อีกหรือ
นางคือมารดาของไป๋ชิงผิง นางต้องคิดเพื่อบุตรชายของนาง
“ปล่อยข้า ให้ข้าตายไปเถิด ให้ข้าตายเถิด!” ฟางซื่อร้องไห้ออกมา “ข้าจะปล่อยให้อาผิงมีแม่ที่ถูกหย่าอย่างข้าไม่ได้ ไป๋ฉีเหอ ท่านทนเห็นอาผิงมีแม่ถูกหย่าได้อย่างนั้นหรือ ไหนจะลูกสาวของพวกเราอีก นางยังไม่ได้แต่งงาน ท่านจะบีบให้นางตายอย่างนั้นหรือ! นางมีแม่ที่เคยถูกสามีขอหย่ามาก่อน วันหน้านางจะแต่งเข้าตระกูลดีได้อย่างไรกัน”
ฟางซื่อร้องไห้จนแทบขาดใจ ไป๋ฉีเหอนึกถึงบุตรชายและบุตรสาวของตัวเอง ขอบตาของเขาเริ่มแดงก่ำขึ้นบ้าง เขาหันไปตะคอกฟางซื่อ “ตอนนี้รู้จักนึกถึงลูกแล้วหรือ ตอนที่เจ้าทำเรื่องเลวทรามนั่น เหตุใดจึงไม่นึกถึงลูกๆ บ้าง! เจ้าเอาแต่อ้างว่าเจ้าทำทุกอย่างลงไปเพื่อพวกเขา! ทำผิด…ก็เพราะหวังดีต่อลูกๆ ! เจ้าไม่เห็นแก่ตัวสักนิดเลยอย่างนั้นหรือ แทนที่จะปล่อยให้อาผิงมีแม่อย่างเจ้าต่อไป วันหน้าคิดแต่จะอยากได้ลูกสะใภ้จากตระกูลสูงศักดิ์ ไม่สู้ไล่เจ้าออกไปเสียแต่ตอนนี้ วันหน้าตระกูลไป๋จะได้ไม่ขายหน้าไปมากกว่านี้ดีกว่า”
ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบนิ่ง ปล่อยให้สามีภรรยาทะเลาะกันเอง
ไม่ว่าอย่างไรฟางซื่อก็ไม่อาจอยู่ในตระกูลไป๋ได้ต่อไป นางไม่เพียงไร้คุณธรรม ยังโง่และไม่ประมาณตนอีก นางไม่สามารถเป็นภรรยาของประมุขแห่งตระกูลได้
บัดนี้ในตระกูลบรรพบุรุษไป๋มีเพียงไป๋ฉีเหอเท่านั้นที่สามารถดำรงตำแหน่งประมุขไป๋ได้ ไป๋ชิงผิงยังเด็กเกินไป เขาต้องการเวลาฝึกฝนประสบการณ์อีกหลายปีถึงจะสามารถดำรงตำแหน่งประมุขไป๋ได้อย่างมั่นคง
ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจ ไป๋ฉีเหอย่อมเข้าใจเช่นเดียวกัน
“ประมุขไป๋มีเรื่องต้องจัดการอีกหลายเรื่อง รอสอบสวนเสร็จก่อนค่อยจัดการก็ยังไม่สาย ข้าไม่รั้งประมุขไป๋ไว้แล้ว” ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากให้พวกเขาเสียงดังรบกวนอาสะใภ้สี่อีกต่อไป
เว่ยจงเห็นดังนั้นจึงรีบใช้ผ้าอุดปากฟางซื่อเอาไว้ จากนั้นพาตัวฟางซื่อและพี่ชายของนางออกไปจากกระโจม
ไป๋ฉีเหอคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “ฝ่าบาท ตั้งแต่ที่กระหม่อมดำรงตำแหน่งประมุข กระหม่อมไม่เคยช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทได้เลย ดีแต่สร้างปัญหาให้ฝ่าบาทเสมอมา ไป๋ฉีเหอไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งประมุขต่อไป ตามกฎของตระกูลไป๋แล้ว ทายาทคนรองของตระกูลหลักควรเป็นคนรับช่วงต่อตำแหน่งประมุข บรรดาน้องชายของฝ่าบาทกลับมาแล้ว ฝ่าบาทได้โปรด…”
“ลุกขึ้นก่อนเถิด” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยขัดไป๋ฉีเหอ “ที่ข้าให้เจ้าดำรงตำแหน่งประมุขพราะตอนนี้เจ้าเหมาะสมที่สุด ข้าให้ความสำคัญกับไป๋ชิงผิงมาก วันหน้าเมื่อไป๋ชิงผิงโตมากกว่านี้ค่อยให้เขาขึ้นเป็นผู้นำของตระกูล ก่อนหน้านี้รบกวนประมุขไป๋ควบคุมคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋แทนไป๋ชิงผิงด้วย”
ไป๋ฉีเหอได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงเงยหน้ามองหญิงสาวอย่างไม่อยากเชื่อ
“อย่าเพิ่งบอกไป๋ชิงผิง ปล่อยให้เขาฝึกฝนประสบการณ์ไปก่อน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ไป๋ฉีเหอก้มคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดในที่สุดแล้ว ในใจของไป๋ชิงเหยียนยังมีญาติผู้น้องในตระกูลบรรพบุรุษไป๋คนนี้อยู่
เมื่อไป๋ฉีเหอออกไปจากกระโจม ไป๋ชิงเหยียนหันไปกำชับ “อย่าบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ท่านอาสะใภ้สี่ทราบ ท่านอาสะใภ้สี่เป็นคนขี้หวาดกลัว ไม่ให้นางทราบเรื่องน่าจะดีที่สุด…”
หมัวมัวข้างกายของหวังซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา จากนั้นรีบรับคำ “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ บ่าว หลิงอวิ๋นและหลิงซิ่วจะปิดปากให้สนิทเจ้าค่ะ”
กวนหมัวมัวยังหวาดกลัวไม่หาย นางประมาทเกินไป บรรดาสะใภ้ตระกูลไป๋ไม่เคยคิดร้ายต่อกัน นางติดตามรับใช้หวังซื่อมาหลายปีจนประมาทเกินไป
“กวนหมัวมัวไม่ต้องโทษตัวเอง วันหน้าดูแลท่านอาสะใภ้สี่ให้ดีก็พอ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
กวนหมัวมัวพยักหน้าอย่างแรง “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ วันหน้าต่อให้บ่าวต้องตาย บ่าวก็จะไม่มีวันปล่อยให้ฮูหยินสี่อยู่ห่างจากสายตาอีกเจ้าค่ะ”