บทที่ 1060 ติดตามท่านตลอดไป

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1060 ติดตามท่านตลอดไป

บทที่ 1060 ติดตามท่านตลอดไป

อาจั่วชงชาและนำเข้ามาเข้ามาให้กู้เสี่ยวหวาน ในขณะที่อาโม่กำลังช่วยกู้เสี่ยวหวานบดชาอยู่ภายในห้องรับรอง

หลังจากวางชาลงบนโต๊ะตรงหน้ากู้เสี่ยวหวาน อาจั่วจึงกล่าวขอตัวและเตรียมออกจากห้องไป

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะกำลังจัดการบัญชี หากแต่สายตาของนางยังลอบมองไปยังอาจั่วอยู่เสมอ เด็กสาวมองไปที่มือเท้าที่คล่องแคล่วของอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้น “อาจั่ว เจ้าเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้หรือไม่”

หลังจากลอบสังเกตอยู่เป็นเวลานาน กู้เสี่ยวหวานรู้สึกถึงความพอใจในตัวอาจั่วเป็นอย่างมาก

หญิงสาวคนนี้ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่งเพราะถือว่าตนถูกกู้เสี่ยวหวานรับเข้ามา ตรงกันข้ามกลับทำตัวเงียบ ๆ และสงบเสงี่ยม

งานที่สกปรกและน่าเบื่อ นางล้วนทำทั้งหมด

หลังจากทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว นางยังช่วยงานของคนอื่นอย่างไม่รังเกียจ ชื่อเสียงของนางจึงเป็นไปในทางที่ดี

เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉินเย่จือพูดกับตัวเอง กู้เสี่ยวหวานมองไปที่อาจั่วและเกิดความคิดเห็นเดียวกัน

ครั้นได้ยินกู้เสี่ยวหวานถามตัวเอง อาจั่วจึงตอบด้วยความเคารพ “พอเป็นอยู่บ้างเจ้าค่ะ ท่านพ่อของข้าเคยเปิดสถานที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ และข้าได้เรียนรู้มาไม่น้อย”

กู้เสี่ยวหวานพึงพอใจอย่างมากที่อาจั่วรู้จักศิลปะการต่อสู้ เมื่อคิดถึงเรื่องที่อาจั่วรีบเข้าไปช่วยเด็กหญิงที่อยู่หน้ารถม้าที่แล่นมาอย่างรวดเร็ว

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ไม่เลว ข้าขาดคนข้างกาย เจ้าอยากจะมาติดตามข้าหรือไม่”

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้อาจั่วตกตะลึง

ขาดคนข้างกาย

ไม่ใช่สาวใช้หรอกหรือ?

“คุณหนู” อาจั่วตกตะลึงเล็กน้อยและไม่เข้าใจว่ากู้เสี่ยวหวานหมายถึงอะไร

เมื่อเห็นว่านางไม่เข้าใจ กู้เสี่ยวหวานจึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ชอบที่จะเรียกคนข้างกายว่าสาวรับใช้ แม่นางแค่ติดตามข้าและคอยปรนนิบัติข้า หากแต่เจ้ายังคงเป็นอิสระ ไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไร เจ้าก็สามารถทำอย่างที่เจ้าต้องการ เช่นเดียวกับอาโม่ ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวที่ยากจน เขาคงจะไม่มาอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงอยากจะถามเจ้าว่ายินดีที่จะมาติดตามข้าไหม”

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานทำให้อาจั่วประหลาดใจจริง ๆ

ไปไหนมาไหนได้อย่างเป็นอิสระ

เมื่อนึกถึงสาวรับใช้เหล่านั้นในเมืองหลวง พวกนางมีสัญญาซื้อขายทาสผูกมัดไว้ และจะผูกมัดพวกนางไว้เป็นทาสตลอดชีวิต

ตอนนี้พวกนางเป็นสาวใช้และเมื่อพวกนางเป็นสาวเติบใหญ่ พวกนางก็จะแต่งงานกับคนในฐานะเดียวกัน และในอนาคตลูกของพวกเขาก็จะเกิดมามีฐานะเช่นบิดามารดา

นี่เป็นครั้งแรกที่อาจั่วได้ยินคนพูดว่าคนรับใช้รอบตัวนางไม่ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นสาวรับใช้ และยังให้อิสระมากมาย

อาจั่วชำเลืองมองที่อาโม่อย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็เห็นอาโม่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาจั่ว เจ้ายังไม่ขอบคุณแม่นางอีกหรือ หากเจ้ามีอนาคตที่ดี แม่นางจะไม่รั้งเจ้าเอาไว้อย่างแน่นอน ตรงกันข้าม แม่นางจะสนับสนุนเจ้าด้วยซ้ำ”

อาโม่อยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานมาเป็นเวลานาน และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่เคยปฏิบัติต่อเขาราวกับทาสรับใช้

อาจั่วเชื่อฟังคำสั่งของฉินเย่จือเสมอ และเมื่อนางได้ยินว่าฉินเย่จือต้องการให้นางเดินทางมาที่เมืองหลิวเจีย นางก็เกิดความรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ตามที่ร้องขออาจั่วมาอยู่ข้างกายกู้เสี่ยวหวาน

นางติดตามฉินเย่จือมาตั้งแต่เด็ก เรียนและฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของนางจะไม่ดีเท่าอาโม่ แต่นางก็ยังมีความชำนาญในศิลปะการต่อสู้

หากเป็นเรื่องของฉินเย่จือ นางเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข และการให้เป็นสาวรับใช้ของกู้เสี่ยวหวาน นางก็เชื่อฟังอีกฝ่ายอย่างไม่มีเงื่อนไข

อาโม่อยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานเป็นเวลาหลายปี แต่ตอนนี้เห็นว่าความคิดทั้งหมดของเขาล้วนเชื่อฟังกู้เสี่ยวหวาน บางครั้งแม้แต่นายท่านก็เชื่อฟังกู้เสี่ยวหวานเช่นกัน

ไม่เพียงนายท่านจะไม่ตำหนิเขาเท่านั้น ตรงกันข้าม เขาพอใจมาก

อาจั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางเคยได้ยินเรื่องของกู้เสี่ยวหวานมาก่อน

เนื่องจากนายท่านออกจากเมืองหลวงไปนานแล้ว นางจึงได้รู้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของนายท่านและอาโม่เป็นระยะ ๆ จากปากของอาเว่ย

เมื่อรู้ว่าตอนนี้อาโม่ภักดีต่อกู้เสี่ยวหวานอย่างสมบูรณ์ อาจั่วก็รู้สึกประหลาดใจ

อาโม่ อาเว่ย อาจั่ว และอาโย่ว ฝึกฝนมานานกว่าสิบปีก่อนที่จะติดตามข้างกายฉินเย่จือ

อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นมือขวาของฉินเย่จือได้เลย ทั้งสี่คนนี้มีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจ และเต็มไปด้วยความจงรักภักดี

แต่ตอนนี้อาโม่ได้กลายเป็นคนของกู้เสี่ยวหวานโดยสมบูรณ์ ดังนั้นจากนี้ไป ตัวเองจะติดตามกู้เสี่ยวหวานโดยไม่มีเงื่อนไขได้หรือไม่?

อาจั่วรู้สึกสงสัยเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานซึ่งอายุน้อยกว่าตัวเอง และมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าอยู่เสมอ และมีความอยากรู้สึกที่ดีต่อกู้เสี่ยวหวานมากขึ้น

นางเป็นคนอย่างไรกันแน่ ถึงทำให้หัวใจของนายท่านที่เย็นยะเยือกเช่นนี้เต็มไปด้วยนาง และแม้แต่ผู้คนที่อยู่รอบตัวนางก็เป็นเช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนจงรักภักดีต่อกู้เสี่ยวหวาน

หลังจากอยู่ด้วยกันในช่วงเวลานี้ อาจั่วก็เข้าใจแล้วว่ากู้เสี่ยวหวานเป็นคนอย่างไร

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานถามตัวเองในครั้งนี้ว่าตัวเองอยากติดตามนางหรือไม่ อาจั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง “ข้ายินดีที่จะติดตามคุณหนูตลอดไป”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินคำว่าตลอดไป นางก็ปิดปากยิ้มและพูดว่า “บอกว่าตลอดไปไม่ได้ หากเจ้ามีโอกาสที่ดีในอนาคต ข้าย่อมสนุบสนุนเจ้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้หญิงสาวล้วนอยากแต่งงาน ในอนาคตข้าก็จะช่วยให้เจ้ามีครอบครัวที่ดี และช่วยให้เจ้าไม่ต้องเร่ร่อนออกไปข้างนอก”

อาจั่วไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะช่วยหาคนมาแต่งงานกับนาง ดังนั้นนางจึงตกตะลึง

นางอายุสิบหกแล้ว พูดตามเหตุผล เมื่อหญิงสาวก้าวเข้าวัยอายุสิบหก พวกนางก็สามารถแต่งงานได้แล้ว

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของอาโม่ อาจั่วก็กลับมามีสติ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าวและรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย

กู้เสี่ยวหวานไม่คาดคิดว่าหญิงสาวโบราณคนนี้จะตอบสนองอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินว่าเรื่องแต่งงานและก็ไม่ได้คาดหวังว่าอาโม่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าอาจั่วรู้สึกอายเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานกับอาโม่ต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จึงเอ่ยตำหนิอย่างเสียไม่ได้ “อาโม่ เจ้าที่อายุมากกว่า เมื่อดูแล้วข้าก็ควรจะช่วยเจ้าหาผู้หญิงที่ดีสักคนก่อน”

ใบหน้าของอาโม่เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดถึงตัวเอง

อาจั่วรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานพยายามจะช่วยนาง ดังนั้นนางจึงปิดปากหัวเราะทันที

สักพักก็มีเสียงหัวเราะในห้องรับรองดังอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ลูกจ้างภายในร้านอาหารบอกว่าเป็นลูกชายของตระกูลจ้าวต้องการพบท่านเสี้ยนจู่

เมื่อได้ยินว่าเป็นจ้าวจื่อชง กู้เสี่ยวหวานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย