War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2392
ตอนที่ 2,392 : เตรียมเปิดแดนลับเซียนกระบี่

นามแดนลับเซียนกระบี่นั้น ไม่ได้มาจากการตั้งชื่อของเซียนกระบี่ฟงชิงหยางแต่อย่างใด ทว่าเป็นชนรุ่นหลังของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เรียกหากันไปเอง

ตอนนั้นเป็นเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง มีโชคได้เข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์โดยบังเอิญ และยังได้รับวาสนาบางประการจากด้านใน จนทำให้พลังฝีมือก้าวหน้าถึงขั้นสะท้านแดนดิน

ทุกสิ่งภายในแดนลับต่างสวรรค์ ล้วนไม่มีใดเกี่ยวของกับฟงชิงหยาง และไม่ใช่อะไรที่จะควบคุมได้อีกด้วย

ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าไปจะประสบเคราะห์หรือจะได้โชค ทั้งหมดล้วนไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของฟงชิงหยางแม้แต่นิดเดียว!

ที่ฟงชิงหยางกระทำได้ ก็คือมอบกุญแจเปิดทางเข้าแดนลับไว้ให้เท่านั้น…

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้อะไรเลย

ตอนนี้เขารวมถึงคนอื่นๆใน 7 ทวาราเที่ยงแท้ ล้วนพากันคิดว่าแดนลับเซียนกระบี่ เป็นสิ่งที่ฟงชิงหยางสร้างขึ้น และมีมรดกที่เหลือของฟงชิงหยางอยู่ในนั้น

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกับเฉินอี้หรู ออกจากจวนบ่มเพาะของเหล่าเซียนอมตะเสเพล

ฟุ่บบ!

เหล่าเซียนอมตะเสเพลยังไม่ทันได้แยกย้ายสลายตัว ก็ได้ยินเสียงแหวกสายลมหนึ่งแว่วดังขึ้น มองไปก็พบร่างหนึ่งผุดโผล่ขึ้นในอากาศว่างเปล่า เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ทั่วร่างแผ่พลังกดดันไร้สภาพอันน่าเกรงขาม

“ใต้เท้าตี้ฮ่วน!!”

แทบจะทันทีที่ชายวัยกลางคนผู้นี้ปรากฏตัว เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์คนหนึ่ง ก็รีบยืนตัวตรงโค้งคารวะทักทายชายวัยกลางคนอย่างนอบน้อมทันที

“ใต้เท้าตี้ฮ่วน!?”

ตอนนี้เองความสนใจของเหล่าเซียนอมตะเสเพลคนอื่นๆ ก็พลอยถูกผู้มาใหม่ดึงไปด้วย

“ท่านผู้นี้…คือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร ตี้ฮ่วน!”

ตอนนี้เองเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ที่โค้งคารวะตี้ฮ่วนด้วยเคารพ ก็เร่งกล่าวผ่านพลังบอกสหายเซียนอมตะเสเพลรอบๆ

ใต้เท้าตี้ฮ่วน?

และทันทีที่วาจาเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ล่วงรู้ถึงหูเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหมด พวกมันก็พากันตื่นตระหนกตัวเกร็งไปตามๆกัน

พวกมันอาจไม่เคยพบเคยเจอตี้ฮ่วน

ทว่านามนี้กลับดังประหนึ่งฟ้าร้องในหูของพวกมันก็ว่าได้ พวกมันรู้ดีว่าเจ้าของนามคืออาวุโสสูงสุดเผ่ามังกร เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!

เมื่อไม่นานมานี้ เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ของเผ่ามังกร ตี้เฉิน ที่ถูกต้วนหลิงเทียนบีบคั้นให้คุกเข่าก้มหัวร้องขอเมตตา ก็คือลูกชายมันนี่เอง!

“ผู้น้อยขอคารวะใต้เท้าตี้ฮ่วน!”

“เป็นเกียรติที่ได้พบใต้เท้าตี้ฮ่วน!”

พอเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายทราบอัตลักษณ์ชายวัยกลางคนผู้มาใหม่แล้ว ก็เร่งประสานมือคารวะทักทายด้วยความเคารพทันที

ไม่ใช่เพราะฐานะอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร แต่เพราะอีกฝ่ายคือเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์

เผชิญหน้ากับการทักทายมากคารวะจากเหล่าเซียนอมตะเสเพลโดยรอบ ตี้ฮ่วนไม่ได้นำพาหางตายังไม่เหลือบแล…

มันเพียงมองไปยังเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์คนแรกที่คารวะทักทาย พลางถามออกมาไม่รีบไม่ร้อนว่า “มิใช่เจ้าบอกว่าต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่หรือไร คนเล่า?”

เสียงกล่าวถามของตี้ฮ่วน ฟังแล้วก็ไม่ค่อยสบายหูสักเท่าไหร่

ตี้ฮ่วนมานี่ได้ เพราะได้รับแจ้งจากเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เบื้องหน้า

ทว่าตอนนี้หลังสำนึกเทวะของมันแผ่ออกไปตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของจวน กลับไม่พบร่องรอยใดๆของต้วนหลิงเทียนเลย ทำให้มันรู้สึกเสมือนถูกหลอก

“ใต้เท้า ตี้ฮ่วน ต้วนหลิงเทียนไปแล้วขอรับ มันมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก…พลังฝีมือข้าไม่สู้มันจึงกลัวว่ามันจะรู้ตัว เลยมิได้ติดตามไป”

เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เร่งกล่าวตอบออกมาอย่างไม่กล้ารอช้า และด้วยกลัวว่าตี้ฮ่วนจะเข้าใจอะไรผิด ยังเร่งอธิบายเสริมว่า “เรื่องต้วนหลิงเทียนเคยมาที่นี่ แต่ตอนนี้มันจากไปทางทิศตะวันออก…ทุกคนที่อยู่สามารถเป็นพยานให้ข้าน้อยได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าน้อยไหนเลยจะกล้าหลอกลวงใต้เท้าตี้ฮ่วน”

“ดี! หากข้าตามไปจนเจอตัวมัน เจ้าจักได้รับรางวัลอย่างงาม!”

สองตาตี้ฮ่วนทอประกายสว่างวาบขณะกล่าว พร้อมกันนั้นมันคลายกลายเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดกรรโชกหายไปในอากาศว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหมด

“รวดเร็วยิ่ง!”

“นี่น่ะหรือความเร็วของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์!?”

เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายพอได้เห็นร่างตี้ฮ่วนอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา ก็อดบังเกิดความตื่นตาตื่นใจไม่ได้

เพราะถึงแม้พวกมันจะเป็นเซียนอมตะเสเพล แต่พวกมันก็ไม่ค่อยได้พบเจอตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เลย!

ในแวดวงเซียนอมตะเสเพลนั้น ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นับว่าหาได้ยากยิ่ง! จึงมีฐานะสูงส่งในสายตาเซียนอมตะเสเพล!!

เรียกว่าสำหรับเซียนอมตะเสเพลทั่วไปแล้ว การได้เห็นตัวตนที่สามารถรอดชีวิตถึงขอบเขตเซียนอมสะเสเพล 7 ทัณฑ์ แทบไม่ต่างอะไรจากผู้ศรัทธาได้แลเห็นรูปปั้นแทนตัวเทพเจ้าที่พวกมันนับถือเลย…

และความจริงก็พิสูจน์ได้ว่า…ต้วนหลิงเทียนฉลาดเลือกจริงๆที่ใช้เส้นทางอ้อมกลับฐานที่มั่นชั่วคราว!

หาไม่แล้วเดินทางไปได้ไม่ทันไร ก็ต้องถูกตี้ฮ่วนไล่ทันแน่นอน!

ตอนนี้ให้ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยทุกสิ่ง แต่ก็ไม่อาจมีพลังเหนือเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ได้ ย่อมไม่อาจเทียบกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์อย่างตี้ฮ่วนได้เลย

เผชิญหน้ากับตี้ฮ่วน ก็เสมือนพาตัวไปเป็นปลาบนเขียงที่ทำได้แค่รอให้ตี้ฮ่วนแล่สับ!

ณ ยอดเขาไร้นาม ฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้

“อาจาร์ยลุงพยากรณ์เรื่องของข้าได้สะสางเรียบร้อยแล้ว…หากคนอื่นพร้อม ก็สามารถจัดการเรื่องเปิดแดนลับเซียนกระบี่ได้เลย”

หลังกลับมาถึง ต้วนหลิงเทียนที่ทนรอไม่ไหวแล้วก็มาพบผู้เฒ่าพยากรณ์ทันที

เขาต้องการเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่นัก!

และคนอื่นที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเมื่อครู่ ก็คือผู้สืบทอด 7 ทวาราเที่ยงแท้คนอื่น

ตอนนี้ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 3 จอมเผด็จการอย่างกู่ลี่ และผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 4 ทมิฬได้ตกตายลงด้วยน้ำมือของผู้ที่คาดว่าน่าจะมาจากเผ่ามังกรไปแล้ว…

ทำให้ ผู้สืบทอด 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่เหลืออยู่ ก็มีแค่ 6 คนเท่านั้น

ต้วนหลิงเทียน มู่อีอี เฟิ่งเทียนหู่ หานเฉวี่ยไน่ หนานกงเฉินและหนานกงยี่

“เอาล่ะ”

ผู้เฒ่าพยากรณ์ย่อมสัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นของต้วนหลิงเทียนที่จะเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่ชัดดี จึงตอบตกลงและรีบไปจัดการทันที

ราว 1 เค่อต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ได้รับฟังคำของผู้เฒ่าพยากรณ์

ค้นหาสถานที่ลับตาคน เพื่อเปิดทางเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่!

ไม่นานทุกคนก็พากันเหินร่างออกจากยอดเขาโดยมีเขานำไป ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังตะวันออกเฉียงเหนือ

กลุ่มคนที่ออกเดินทางไปคราวนี้นอกจากผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้รุ่นนี้แล้ว ก็มีผู้เฒ่าพยากรณ์ เค่อเอ๋อ ก่านหรูเยี่ยนกับ ชิงหั่วรวมถึง 2 ข้ารับใช้ติดสอยห้อยตามมาด้วย

อย่างไรก็ตามแดนลับเซียนกระบี่นั้น เหมือนจะเข้าได้ก็แค่ ผู้สืบทอด 7 ทวาราเที่ยงแท้เท่านั้น…

“ผู้เฒ่าพยากรณ์…”

ระหว่างเดินทางก่านหรูเยี่ยนก็หันไปมองถามผู้เฒ่าพยากรณ์ “แดนลับเซียนกระบี่แห่งนี้…ข้าเข้าไปด้วยไม่ได้จริงๆเหรอ?”

“กล่าวไป…เรื่องที่ผู้ใดจักได้เข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้เรา…”

ชายชรากล่าวตอบพลางมองใบ้ไปทางต้วนหลิงเทียน

ทันใดนั้นก่านหรูเยี่ยนก็หันขวับไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนทันที

“เจ้าเข้าไปไม่ได้”

ก่อนที่ก่านหรูเยี่ยนจะทันได้แย้งอะไร ต้วนหลิงเทียนก็อธิบายออกมาก่อน “จากคำเตือนที่สืบทอดต่อกันมาในบันทึก 7 ทวาราเที่ยงแท้บอกไว้ว่า…ผู้ที่คิดจะเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่อย่างน้อยๆต้องบรรลุพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน หาไม่แล้วก็เหมือนเข้าไปหาที่ตาย คำเตือนนี้ยังเป็นอาวุโสฟงชิงหยางลงบันทึกไว้ด้วยตัวเอง”

เมื่อต้วนหลิงเทียนให้เหตุผลออกมา ก็ทำให้ก่านหรูเยี่ยนรู้สึกเสมือนวาสนาได้หลุดลอยห่างไปนับหมื่นพันลี้…

หลังจากที่พรสวรรค์รากวิญญาณของก่านหรูเยี่ยนได้ถูกต้วนหลิงเทียนช่วยยกระดับ ความเร็วในการบ่มเพาะของนางก็เพิ่มขึ้นมาก อนิจจาต่อให้ความเร็วในการบ่มเพาะของนางจะรวดเร็วและเหลือเชื่อเพียงใด แต่ด้วยระยะเวลาที่มีจำกัด พลังฝึกปรือนางก็พึ่งบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเท่านั้น…ยังห่างจากเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอยู่เล็กน้อย

ทำให้หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ก่านหรูเยี่ยนก็หน้าซึมไปทันที แววตายังฉายออกมาถึงความผิดหวัง

แน่นอนว่านางก็ไร้คำใดจะกล่าว

เพราะตอนนี้หลังได้ฟังคำเตือนที่ตกทอดมาของอาวุโสฟงชิงหยางจากปากต้วนหลิงเทียน อย่าว่าแต่ต้วนหลิงเทียนจะไม่ปล่อยให้นางเข้าไปเลย ต่อให้ต้วนหลิงเทียนปล่อยให้นางเข้าไปได้ไม่ว่าอะไร ตัวนางก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไป…

ผู้ที่พลังฝึกปรือไม่ถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน คิดเข้าแดนลับเซียนกระบี่ก็เหมือนไปตาย!

แม้นางอยากเข้าแดนลับเซียนกระบี่เพื่อไปแสวงโชควาสนาเพียงใด แต่พอได้ยินว่าอย่างนางเข้าไปก็เหมือนไปตาย! นางก็ปัดเป่าความคิดเข้าไปทันที!!

เทียบกับชีวิตแล้ว โอกาส ทั้งโชควาสนา ที่มองไม่เห็นและไม่อาจจับต้องได้เหล่านั้น แทบไม่มีค่าอะไร….

เพราะสุดท้ายที่สำคัญที่สุดก็คือมีชีวิตอยู่!

หากไม่มีชีวิตก็ไม่เหลืออะไร!

“นายท่าน แล้วข้าสามารถเข้าไปได้หรือไม่ขอรับ?”

เฉินอี้หรูมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคาดหวังพลางถามด้วยการส่งเสียง

“อาจารย์ลุงพยากรณ์กล่าวว่า…อายุของผู้ที่จะเข้าสู่แดนลับเซียนกระบี่นั้นสมควรถูกจำกัดเอาไว้มิให้เกิน 100 ปี…”

ต้วนหลิงเทียนพูดกล่าวตอบผ่านพลัง “แต่ทั้งหมดก็แค่คำบอกเล่าสืบต่อกันมา…รอให้แดนลับเซียนกระบี่เปิดออกแล้วเจ้าลองเข้าไปดูก็ได้ หากได้ก็ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะพบโชควาสนาของตัวเองเช่นกัน”

ต้วนหลิงเทียนไม่เคยตระหนี่กับคนของตัว

ถึงเฉินอี้หรูจะพึ่งติดตามเขาไม่นาน แต่อีกฝ่ายก็ได้ลั่นวาจาสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าไปแล้ว เขาก็ไม่คิดสงสัยในความภักดีของเฉินอี้หรูอีก

หากเฉินอี้หรูสามารถเข้าไปในแดนลับเซียนกระบี่ได้ เขาก็ไม่คิดกีดกันอีกฝ่าย

“ขอบพระคุณนายท่าน!”

เฉินอี้หรูกล่าวขอบคุณออกมาจากใจ แววตายังทอประกายเจิดจ้าฉายให้เห็นถึงแสงแห่งความหวัง

ด้วยได้ยินคำนี้จากปากนายตัวเอง ทำให้มันตื้นตันเป็นที่สุด!

ย่อมเป็นเรื่องประเสริฐหากมันมีโอกาสแสวงหาความก้าวหน้า!

ถ้าเข้าไม่ได้มันก็ได้แต่ทำใจ เพราะอายุมันก็เกินจริงๆ

“เอาตรงนั้นเป็นไร”

หลังเดินทางมุ่งหน้าสู่ตะวันออกเฉียงเหนือมาสักพัก ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ต้องตาพึงใจหุบเขาน้ำแข็งแห่งหนึ่ง

มองไปยังน้ำแข็งมหึมาที่ก่อตัวเป็นภูเขานี้ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที…

ว่าน้ำแข็งเหล่านี้มันสมควรดำรงอยู่มานานนับพันปี กระทั่งอาจจะหลายพันปี!

ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมโดยรอบของหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้ก็ลี้ลับนัก หมอกขาวแน่นหนาลงต่ำปกคลุมทุกสิ่งไว้มิดชิด มองจากไกลๆแล้วก็ไม่อาจแลเห็นใดได้นอกจากหิมะที่ตกกระหน่ำ…

ผู้คนทั่วไปหากเหินบินผ่านมาจากบนฟ้า ถ้าไม่ได้ใช้สำนึกเทวะสอดส่องตรวจสอบ เกรงว่าคงไม่อาจค้นหาหุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้ได้พบ

“ที่นี่นับว่าไม่เลวเลย”

ผู้เฒ่าพยากรณ์เหลือบมองที่ทางรอบๆพักหนึ่งก็อดพยักหน้าไม่ได้ นับว่าต้วนหลิงเทียนเลือกทำเลได้ดีทีเดียว

ส่วนคนอื่นๆนั้นก็ไม่ได้คัดค้านหรือมีความเห็นอะไร

หลังเข้ามาในหุบเขาน้ำแข็งแล้ว ต้วนหลิงเทียนกับพรรคพวกก็เสมือนจมหายไปในหมอกขาว ยากที่ใครจะมองผ่านมาเห็นคนได้

“ในกล่องใบนี้มีกุญแจเปิดแดนลับเซียนกระบี่ที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น…”

หลังมาถึงส่วนลึกของหุบเขาน้ำแข็ง ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็หยิบกล่องสีดำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า

“ตัวกล่องนั้นมีอาคมสลักจารึกเอาไว้ อีกทั้งยังลือกันว่าอาวุโสฟงชิงหยางเป็นผู้เหลือทิ้งไว้ด้วยตัวเอง…”

“กล่าวไว้ว่ามีเพียงผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณคนเดียว ที่จะสามารถเปิดมันออกได้…”

“สำหรับวิธีการเปิดมันข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…เจ้าต้องลองดูเอง”

ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวถึงตรงนี้ ก็ยื่นกล่องสีดำให้ต้วนหลิงเทียน