บทที่ 1058 ความสำคัญของการจินตนาการ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1058 ความสำคัญของการจินตนาการ

บทที่ 1058 ความสำคัญของการจินตนาการ

“เยี่ยนอัน ถึงเวลาให้เธอเก็บเงินแล้วละ”

ต่งเยี่ยนอันไม่เข้าใจ

“ผลประกอบการของร้านซูอาหารตุ๋นไม่ได้มากมายเท่าไรหรอก ส่วนใหญ่มาจากโรงงานน่ะ แต่กำไรที่เราได้จะช้าหน่อย อดทนรอไปก่อนนะ”

เดิมหญิงสาวไม่ได้คิดว่าจะได้รางวัลอะไรอยู่แล้ว แค่เงินเดือนเดือนละเจ็ดสิบหยวนก็มากพอให้มีความสุขแล้วละ

แต่พอคิดว่าอนาคตจะมีเงินเดือนมากกว่าเงินในครอบครัว เธอก็ดีใจจนเนื้อเต้น

“เสี่ยวเถียน แค่เจ็ดสิบหยวนฉันก็พอใจมากแล้วละ!”

เงินเดือนพ่อแม่ก็เท่านี้เลย ส่วนเธอเรียนหนังสือได้เยอะกว่าใครเพื่อน ยังไม่พอใจอะไรอีกล่ะ?

“เรื่องของเธอกับหงเหม่ยทำให้ฉันเจอปัญหาเรื่องการดำเนินงานของโรงงานด้วยน่ะ”

“พนักงานฝ่ายขายได้ผลประโยชน์เยอะจากความพยายามของตัวเองน่ะ แต่ฝ่ายวิจัยยังอ่อนในด้านนี้”

“ซึ่งหลังจากปรับเปลี่ยนใหม่ รายได้ของทีมวิจัยจะเพิ่มขึ้นแน่นอน และเพื่อให้ได้รับเงินตรงนี้มา เธอก็ต้องพัฒนารสชาติที่สามารถแข่งกับตลาดได้ด้วยนะ บางทีรสเผ็ดอาจอยู่ได้สองเดือนหลังจากนั้นก็โดนรสอื่นมาแทนที่น่ะ”

ไม่น่าแปลกใจที่ทีมวิจัยไม่เคยพัฒนารสชาติดี ๆ ออกมาได้ เพราะไอ้ที่อุตส่าห์ลำบากลำบนทำดันโดนหนอนบ่อนไส้ขโมยไปให้ชาวบ้านอีก

เป็นเพราะเธอไม่รอบคอบเอง

แต่ไหนแต่ไรมาเสี่ยวเถียนเป็นคนที่คอยทบทวนตัวเองมาตลอด

เจ็ดสิบหยวนไม่ได้เยอะ แต่ถ้าได้ทุก ๆ เดือนหรือได้เงินมากกว่านั้น รวมปีหนึ่งถือว่าเยอะมากนะ

แล้วถ้าได้เงินเยอะจะไม่โดนผู้อื่นล่อลวงด้วย

แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ ถ้าทุกคนตั้งใจแข่งขันจะได้รับเงินตามความสามารถที่ทำ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าทีมวิจัยจะไม่เริ่มพัฒนารสชาติด้วย

“ฉันไม่กลับหรอก ฉันจะค้นคว้ารสชาติใหม่ ๆ ต่อไป” ต่งเยี่ยนอันให้ความมั่นใจ

“จะรอเกาะเศรษฐินีอย่างเธอนะ!” เสี่ยวเถียนยิ้ม

ฝ่ายเพื่อนสนิทได้ฟังเช่นนั้นพลันนึกสงสัย ใครเกาะใครกันแน่!

“เธอนี่เก่งจริง ๆ นะ” ต่งเยี่ยนอันเอ่ยด้วยความจริงใจ

สาวน้อยคนนี้มีคุณค่าจริง ๆ

พวกเจี้ยนหงมาทำงานกับเสี่ยวเถียนช่วงหยุดฤดูหนาว แล้วก็พบลู่ทางหางาน

ตอนนี้เธอกับหงเหมยมาทำงานช่วงหยุดฤดูร้อน หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ

อันที่จริง ถ้าเอามาเทียบกับจ้าวหงเหมยถือว่าร่ำรวยมากนะ

วันหยุดนี้เพื่อนได้รับคำสั่งซื้อเพียบเลย รายได้มากกว่าพันหยวนเสียอีก

ใช้เวลาแค่เดือนกว่าก็ได้เงินขนาดนี้แล้ว บอกไปใครก็ไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ?

หากไม่อิจฉาคงเป็นเรื่องโกหก

แต่รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีความสามารถอย่างเขา

ถ้าให้ไปทำหน้าที่ตรงหน้าเดือนเดียวคงได้ไม่กี่สิบหยวนหรอก

งานที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นผลประโยชน์ระยะยาวสำหรับตัวเองแล้ว อนาคตจะดีขึ้นด้วย

ขอแค่ไม่หยุดพัฒนา ก็สามารถทำรสชาติใหม่ ๆ ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้แล้ว

ฝ่ายซูฉางจิ่วที่อยู่ห่างไกลออกไปในหมู่บ้านหนานหลิ่งเพิ่งได้รับสายจากภรรยาเมื่อเช้า

เขาเป็นชาวนาทำไร่ทำนามาชั่วชีวิต ความรู้สึกในตอนนี้บอกได้แค่ว่าตกใจมาก

เขาคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้วละ

แต่ไอ้การทำงานหนึ่งเดือนได้เงินพันกว่าหยวนเนี่ยไม่เคยคิดเลยจริง ๆ

การให้ภรรยาเปิดร้านที่เมืองหลวงถือเป็นทางเลือกที่เหมาะแล้วละ

แต่ว่าต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้ลูกชายกับลูกสะใภ้รู้

ถ้าไม่ระมัดระวังข่าวดังไปถึงหู ก็ไม่รู้จะสร้างวีรกรรมอะไรอีก

คิดว่าเขาไม่รู้หรือยังไง? แม่มันไม่ได้กลับมาเป็นเดือนแล้ว เจ้าลูกชายลูกสะใภ้ต้องไปถามไถ่หรือแอบถามใครอยู่แน่นอน

โชคดีที่ตนไม่ได้ปล่อยโอกาสให้ พวกเขาเลยไม่กล้ามาถามน่ะ

ต้องคิดให้ดี ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องถามหาอยู่ดี

หรือจะบอกว่าอยู่เมืองหลวงช่วยทำงานล้างจานให้บ้านซูรึ?

ไม่เข้าท่าเลย

ตอนนั้นเองก็ได้ยินโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น!

“ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน”

ซูเสี่ยวถงตะโกนลั่นขณะรีบวิ่งมาหากองคณะกรรมการ ใบหน้าชื่นบานเป็นอย่างยิ่ง

ชายวัยกลางคนมองด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

เจ้าเด็กนี่เป็นพ่อลูกสองแล้วนะ ทำไมถึงยังทำตัวแบบนี้อีก?

เราก็คาดหวังให้มันเติบโตเป็นใหญ่ และมาสืบทอดตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน แล้วดูผลที่ออกมาสิ?

“โวยวายอะไร มีอะไรหรือไง?”

“ผู้ใหญ่บ้าน ข่าวดีครับท่าน เงินที่คุณไปสู้มาวันนี้เราได้รับแล้ว!”

ซูเสี่ยวถงถูมือ พยายามควบคุมความตื่นเต้น

จู่ ๆ บัญชีหมู่บ้านก็มีเงินห้าหมื่นหยวนเพิ่มเข้ามา

ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยเห็นเยอะจำนวนเยอะขนาดนี้มาก่อน

ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่บ้านเคยพูดอยู่ ตอนนั้นเขาบอกว่าพูดเฉย ๆ ไม่มีทางสำเร็จหรอก

แต่ไม่คาดคิดเลยว่าแค่สิบวันเรากลับได้รับมาจริง ๆ!

จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง

ซูฉางจิ่วเดินทางเข้าอำเภอเพื่อขอเงินทุนมา

เมื่อเห็นฝ่ายนั้นบอกพอมีอยู่จึงตอบตกลง

จากนั้นเขาจึงคุยเรื่องนี้กับซูเสี่ยวถง

อันที่จริงก็ไม่สบายใจเหมือนกันนะ

กลัวว่าจะมีคนชิงตัดหน้าน่ะ

เพราะมีหลายหมู่บ้านกำลังเล็งอยู่

ตอนไปขอเงินทุน ซูฉางจิ่วแค่พูดลอย ๆ เรื่องข่าวคราวเงินทุนก้อนนี้จากรัฐมนตรีฉางแห่งกระทรวงพาณิชย์

ไม่ว่าจะยศใหญ่น้อยแค่ไหนล้วนใช้ได้ทั้งนั้น

ว่าจบฝ่ายนั้นถึงกับถามตรง ๆ และลองเชิงกลับมา

มันยากที่จะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์น่ะสิ

ไป ๆ มา ๆ ก็ได้ทราบว่าซูฉางจิ่วเดินทางไปเมืองหลวงถึงสองครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แล้วถ้าข้อมูลเป็นจริง แสดงว่าในหนานหลิ่งมีครอบครัวหนึ่งมีเส้นสายในเมืองหลวงจริง ๆ

จากผู้นำในมณฑลสู่ตำแหน่งสำคัญในปัจจุบัน

เขาเคยได้ยินว่าผู้นำในอำเภอพยายามสร้างสายสัมพันธ์แต่ไม่สำเร็จ

ไม่คิดเลยว่าที่หนานหลิ่งจะมีเส้นสายนี้กับเขาด้วย

ถึงจะไม่รู้ว่าซูฉางจิ่วไปทำอะไรที่เมืองหลวง แต่เรื่องได้พบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทำให้พวกเราจินตนาการออก!

หลังจากนั้นหลาย ๆ คนก็เริ่มคิดแล้วว่าควรให้ความสนใจ อาจมีบุคคลไม่ธรรมดาจากหมู่บ้านหนานหลิ่งก็ได้

ส่วนเงินก้อนนั้นใครจะไม่ยอมให้กันล่ะ? เราควรสนับสนุนไม่ใช่หรือ?

เพราะอย่างนั้นปัญหาของซูฉางจิ่วจึงได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว