บทที่ 1060 ซูฉางจิ่วโกรธจัด

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1060 ซูฉางจิ่วโกรธจัด

บทที่ 1060 ซูฉางจิ่วโกรธจัด

ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเถียนเสี่ยวเหอสะใภ้ผู้ไร้ประโยชน์และซูผิงอันลูกชายของเขาเอง

สองคนนี้ไม่มีคำไหนที่นิยามได้ดีกว่าคำว่าไร้ค่าหรอก

อยู่ดีไม่ว่าดีก็ต้องมาลำบากเพราะเจ้าพวกนี้

ซูฉางจิ่วเกลียดจนไม่อยากสนใจด้วยซ้ำ

เถียนเสี่ยวเหอขยิบตาให้สามี

ซูผิงอันเข้าใจทันที

“พ่อ ไหน ๆ แม่ก็ไม่อยู่มากินข้าวที่บ้านเราสิ เดี๋ยวผมให้เสี่ยวเหอทำบะหมี่ให้”

สองสามีภรรยาที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทำเอาคนเป็นพ่อไม่ชอบใจหนักกว่าเก่า

เจ้าลูกคนนี้มันไม่เอาถ่านอะไร ไม่ว่าอะไรก็ทำตามภรรยาทั้งนั้น

“ไม่ต้อง ฉันกลับไปทำซุปไข่แป้งก้อนเองได้” ซูฉางจิ่วเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา

มีแต่ไอ้พวกทำดีหวังผล

อยู่มาครึ่งค่อนชีวิต จะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน?

ไม่อยากจะโดนเจ้าพวกนี้มันปั่นหัวหรอกนะ

“ทำไมพ่อต้องเกรงใจกันด้วยล่ะคะ? ผิงอันเป็นลูกชายพ่อนะ!” เถียนเสี่ยวเหอยิ้ม

หากเป็นไปได้ซูฉางจิ่วไม่ได้อยากเสวนากับสะใภ้คนนี้เลย

แต่เป็นไปไม่ได้น่ะสิ

“งั้นก็บอกมา มาหาวันนี้มีเรื่องอะไร?” มือวางโถน้ำชาก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบ ๆ

“แค่อยากชวนมากินข้าวที่บ้านน่ะ!”

ซูผิงอันที่เสียหน้าทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เลิกพูดพล่ามสักที หางโผล่ออกมาขนาดนี้ เหล่าจื่อรู้หมดทั้งนั้นว่าคิดจะทำอะไร!”

หากไม่มีแผนการในใจแต่แรก มีหรือจะเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำให้ตน

เขาไม่ได้พาภรรยากลับมาด้วย ฝ่ายลูกชายคนโตจึงคอยให้ลูกแอบเอาอาหารมาส่งอยู่หลายรอบ

แต่เจ้าสองคนนี้ไม่เคยเอาอะไรมาให้เลย ถ้าตอนไหนกินข้าวอยู่แล้วเห็นตนก็คงอยากจะซ่อนให้มิดสินะ

แล้ววันนี้นึกคึกมาแสดงความกตัญญู ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอยากจะทำตัวเป็นลูกที่ดีขึ้นมา

หลังจากโดนตวาดใส่ ทั้งสองคนจึงตีหน้าบึ้งตึงทันที

เพราะมีเรื่องอยากจะถาม แต่พ่อไม่สนใจกันเลยจึงทำได้แค่อดทนเท่านั้น

“พ่อ…”

“พูดมา มีเรื่องอะไร อย่ามาพูดจาอ้อมค้อม!”

ซูฉางจิ่วไม่อยากพูดพล่ามอีกต่อไป เลยตรงเข้าประเด็นทันที

ทั้งสองมองหน้ากัน ต้องพูดออกไปแล้ว

“พ่อ ฉันได้ยินมาว่าหมู่บ้านเราจะทำฟาร์มเพาะพันธุ์อีกครั้ง พ่อก็เห็นว่าฉันเคยทำมาก่อนหน้านี้ ผู้ดูแลคราวนี้…”

เถียนเสี่ยวเหอฉีกยิ้มราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น

ซูฉางจิ่วรับไม่ได้

ทำตัวไม่มียางอายขึ้นทุกวัน

ไม่คิดเลยว่าจะหน้าด้านถึงเพียงนี้!

ฟาร์มเพาะพันธุ์หรือ? ยังกล้าเอ่ยสามคำนี้ออกมาอีกหรือไง?

ที่มันถูกทำลายไปเป็นเพราะตัวเองไม่ใช่หรือ?

ความสามารถแค่นี้ยังกล้าพูดอีกหรือไงว่าเคยทำงานฟาร์ม?

ไม่กลัวลิ้นต้องลมเมื่ออ้าปากพูดหรือ*[1]?

“ประมาณตนเถอะ อย่าคิดในสิ่งที่ไม่สมควรคิดเลย”

ซูฉางจิ่วเหนื่อยใจจะเสวนาด้วย เพราะทนฟังไม่ไหว

ทั้งยังกลัวว่าฟาร์มที่กำลังจะสร้างถูกทำลายอีก

ถ้ามันเกิดขึ้นอีกจะอธิบายให้ชาวบ้านฟังยังไง?

เขาจะอธิบายให้ผู้นำที่สนับสนุนหนานหลิ่งได้ยังไง?

เถียนเสี่ยวเหอได้ฟังพลันไม่พอใจ

ใบหน้าเธอบิดเบี้ยวทันที

“พ่อ! พ่อคงไม่ได้เห็นว่าเรามีหนี้แล้วกลัวจะไปไม่รอดใช่ไหม!”

ซูผิงอันเห็นสายตาของภรรยาก็ใจร้อนรนทันที

ชีวิตเราลำบากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วพ่อคิดแบบนี้ได้ยังไง?

โอกาสดีขนาดนี้ทำไมไม่คิดถึงลูกบ้างเลย?

ถึงจะไม่เห็นหัวสะใภ้ แต่เห็นหัวเขากับหลานชายไม่ได้หรือ?

ซูฉางจิ่วอารมณ์เสีย

นี่จะโทษกันใช่ไหม?

“แล้วที่พวกแกเป็นหนี้มันเป็นความผิดฉันเรอะ? เงินที่ฉันกับแม่แกมีก็โดนพวกแกผลาญไปหมดแล้วไง ยังจะมาคิดทำอะไรอีก?”

เขาอยากจะถีบมันจริง ๆ

ซูผิงอันใบหน้ามืดมน

“เรื่องนี้ยังไม่จบอีกหรือพ่อ? ทำไมยังขุดคุ้ยขึ้นมาพูดอีก?”

“จบหรือ? เงินที่เหล่าจื่อเก็บมาทั้งชีวิตโดนพวกแกผลาญไปจนเกลี้ยง แล้วยังมีหน้ามาบอกให้ปล่อยผ่านไปงั้นหรือ? แกปล่อยได้ แต่เหล่าจื่อไม่!”

ซูฉางจิ่วลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ชี้หน้าด่าทันควัน

“เสี่ยวเหอไม่ได้ขออะไรมากมายสักหน่อย พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน กะอีแค่แต่งตั้งผู้อำนวยการฟาร์มจะทำไม่ได้เลยหรือไง?”

ซูผิงอันคิดว่าสิ่งที่ภรรยาร้องขอเป็นเรื่องสมเหตุสมผล แล้วก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากด้วย

“เหล่าจื่อจะบอกให้แล้วกันว่าเป็นไปไม่ได้ ฟาร์มแห่งนี้ได้ทางอำเภอเขาออกเงินให้ แล้วฝ่ายนั้นเขาต้องแต่งตั้งเอง”

ซูฉางจิ่วไม่คิดให้โดนหลอกจึงบอกไปตรง ๆ

เพราะไม่เชื่อว่าเจ้าสองตัวนี้มันจะถ่อไปถามพวกผู้นำในอำเภอได้

ต่อให้กล้าถามแต่กล้าบอกในสิ่งที่ขอไหมล่ะ?

สิ้นประโยค สีหน้าสองสามีภรรยาพลันนิ่งงันไป

ชายวัยกลางคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เจ้าพวกไร้ค่านี่ไม่ไหวเลยจริง ๆ

ซูผิงอันเหลือบมองภรรยา

แววตาเถียนเสี่ยวเหอมีประกายความไม่พอใจ

ก่อนจะมาตนตั้งใจไว้เลยว่าจะแย่งตำแหน่งผู้อำนวยการฟาร์มมาให้ได้

หมู่บ้านใหญ่โตแบบนี้ มีพ่อสามีเป็นผู้ใหญ่บ้านอีก นอกจากเลขา เขาก็ถือว่าใหญ่ที่สุดแล้ว

เลขาคนนั้นแก่หงำเหงือก ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

ตราบใดที่พ่อสามีเห็นด้วย ทุกอย่างก็จบ

แล้วคนในหมู่บ้านรู้อะไรบ้างล่ะ? ก็รู้เท่าที่ผู้ใหญ่บ้านบอกไม่ใช่หรือ?

แล้วตอนนี้ทางอำเถอดันสอดมือเข้ามายุ่งอีก ซวยเหลือเกิน

ว่างงานกันหรือไง?

มีอะไรให้ทำตั้งเยอะตั้งเยอะ จะมาสนใจหมู่บ้านเราทำไม?

“ถ้าทางอำเภอของจะจัดหาคนเอง แล้วรองผู้อำนวยการจะเป็นของเราใช่ไหม?” เถียนเสี่ยวเหอเกิดความคิด

แต่งตั้งผู้อำนวยการเองแล้วจะทำไม?

เธอเป็นคนในหมู่บ้าน มีพ่อสามีเป็นผู้ใหญ่บ้าน ไว้ถึงเวลาจะปราบผู้อำนวยการต่างถิ่นนั่นเอง

ความคิดของเถียนเสี่ยวเหอสวยหรูเหลือเกิน

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเป็นจริงหรือเปล่า

“ทางนั้นเขาแต่งตั้งแค่ผู้อำนวยการ แต่รองผู้อำนวยการต้องได้รับความเห็นชอบจากคนในหมู่บ้าน ถือเสียว่าฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้แล้วกัน”

ซูฉางจิ่วโบกปัด

ตอแยเก่งเหลือเกิน

เถียนเสี่ยวเหอใจเต้นแรง

เห็นชัดเลยว่าเจ้าตัวไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน!

[1] ลิ้นต้องลมเมื่ออ้าปากพูดหรือ หมายถึงพูดจาขี้โม้โอ้อวด ไม่มีความจริงทั้งสิ้น