ตอนที่ 1058 ความสามารถ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1058 ความสามารถ

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางทูตเทียนเฟิ่งผู้นั้นนิ่ง “เทียนเฟิ่งมอบของกำนัลให้เรามากมายถึงเพียงนี้ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก!”

ทูตเทียนเฟิ่งได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้จึงคิดว่าไป๋ชิงเหยียนหวั่นไหวเพราะความโลภ ของกำนัลที่เทียนเฟิ่งมอบให้มีของล้ำค่าหายากที่ต้าเยี่ยนและต้าโจวเคยได้ยินมาก่อนมากมาย ทว่า ไม่ว่าจะเป็นต้าโจว ต้าเยี่ยนหรือซีเหลียงล้วนไม่เคยพบเห็นของเหล่านี้มาก่อน ที่สำคัญคือหนึ่งในนั้นมีสูตรการทำผงหมึกดำที่ทำให้อาวุธไร้เทียมทานอยู่ด้วย

“ทูตเทียนเฟิ่งและซีเหลียงกลับไปพักผ่อนยังที่พักก่อนเถิด เมื่อเราปรึกษากับเหล่าขุนนางเสร็จแล้วจะรีบให้คำตอบเจ้า” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!” ทูตเทียนเฟิ่งกล่าวยิ้มๆ

“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!” ทูตซีเหลียงอำลาจากไปเช่นเดียวกัน

เมื่อทูตของสองแคว้นจากไป เหล่าขุนนางของต้าโจวยังคงก่นด่าตามไม่หยุด

ไป๋ชิงเหยียนยื่นใบรายการของกำนัลของเทียนเฟิ่งให้เว่ยจง “นำไปให้ทุกคนดู”

เมื่อเห็นใบรายการหลู่ไท่เว่ยคาดไม่ถึงว่าเทียนเฟิ่งจะใจกว้างมอบของกำนัลให้พวกเขามากมายถึงเพียงนี้ ไป๋ชิงเหยียนเคยเล่าเรื่องผงหมึกดำให้บรรดาหลู่ไท่เว่ยฟังแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเทียนเฟิ่งจะมอบสูตรผลิตผลหมึกดำให้ต้าโจว ไม่เพียงเท่านี้พวกเขายังมอบช้างศึกให้ต้าโจวอีกยี่สิบตัว รวมทั้งเครื่องประดับและของล้ำค่าอีกมากมาย

เหล่าขุนนางที่ยังไม่ได้เห็นใบรายการของกำนัลยังค่งโวยวายไม่หยุด พวกเขาได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นยิ้มๆ “พวกท่านคงไม่คิดว่าทูตของเทียนเฟิ่งเป็นคนไร้สมอง มาที่นี่เพื่อแสดงอำนาจข่มขู่พวกเราใช่หรือไม่”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน บรรดาแม่ทัพต่างเงียบเสียงลงทันที พวกเขาหันไปมองไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวเอนกายพิงบัลลังก์ จากนั้นกล่าวขึ้นช้าๆ “ทูตเทียนเฟิ่งผู้นี้คือคนฉลาด คำกล่าวของเขาเมื่อครู่ดูเหมือนเป็นการดูถูกต้าโจว ทว่า ไม่ได้อุกอาจเกินไป เขาควบคุมขอบเขตได้เป็นอย่างดี!”

“แคว้นๆ หนึ่งจะมีความมั่นใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับความสามารถของแคว้นนั้นๆ หากวันนี้ราชสำนักของเราไม่มีความมั่นใจมากเพียงพอ…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางใบรายการของกำนัลที่อยู่ในมือของต่งชิงผิง

“ใบรายการของกำนัลที่อยู่ในมือของท่านลุงตอนนี้คงไม่ใช่แผ่นนี้ วันหน้า…เทียนเฟิ่งคงดูถูกแคว้นต้าโจวของพวกเราแน่”

ต่งชิงผิงส่งใบรายการของกำนัลให้ขุนนางที่อยู่ถัดจากเขาอ่านยิ้มๆ “ฝ่าบาททรงหมายความว่าวันนี้พวกกระหม่อมด่าได้ดีใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียงของต่งชิงผิง เหล่าขุนนางหลุดขำออกมาทันที ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน หญิงสาวพยักหน้า “ท่านลุงกล่าวถูกแล้ว ทุกคนด่าได้ดี!”

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้บรรยากาศในตำหนักผ่อนคลายลงกว่าเดิมมาก แม่ทัพบางคนที่ยังคงถลกแขนเสื้ออยู่เอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท ตอนนี้กระหม่อมตามออกไปต่อยทูตเทียนเฟิ่งนั่นสักหมัดทันหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

หลู่ไท่เว่ยเห็นบรรยากาศในราชสำนักตอนนี้แล้วรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นทันที เขาไม่เคยพบจักรพรรดินีอย่างไป๋ชิงเหยียนที่ทำตัวไม่เหมือนจักรพรรดิเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นภาพบรรยายกาศเช่นนี้ในราชสำนักมาก่อน ทว่า ราชสำนักเช่นนี้คือสิ่งที่เขาเคยวาดฝันอยากเห็นเมื่อนานมาแล้ว ขุนนางบัณฑิตและขุนนางนักรบรักใคร่ปรองดอง ทุกคนในราชสำนักสามัคคีเป็นครอบครัวเดียวกัน มีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน แคว้นเช่นนี้จะไม่เจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร

จักรพรรดิไม่วางอำนาจบารมีให้ขุนนางในราชสำนักหวาดกลัวคือราชสำนักที่ดีที่สุดที่เขาเคยพบมา!

ราชสำนักเช่นนี้คือราชสำนักที่บัณฑิตทุกคนอยากเข้ามารับใช้

มีเพียงจักรพรรดินีที่พบได้ยากอย่างไป๋ชิงเหยียนเท่านั้นที่สามารถทำให้แม่ทัพและขุนนางบัณฑิตปรองดองกันได้เช่นนี้

“แค่กๆ!” หลู่ไท่เว่ยจงใจกระแอมออกมาเล็กน้อย “หากบุกออกไปทำร้ายทูตของแคว้นอื่นตอนนี้ แคว้นของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน พวกเราต้องใจกว้างกว่านี้”

แม่ทัพได้ยินคำกล่าวของหลู่ไท่เว่ยจึงยกมือเกาศีรษะยิ้มๆ จากนั้นยกมือคารวะหลู่ไท่เว่ย

“หลู่ไท่เว่ยไม่ให้ต่อย ข้าก็จะไม่ต่อย!”

“ดูใบรายการของกำนัลแล้วมาปรึกษากันเถิดว่าต้าโจวควรเดินทางไปร่วมงานครั้งนี้หรือไม่…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

เมื่อมองสำรวจรายการของกำนัลคร่าวๆ เสิ่นเทียนจือจึงกล่าวขึ้นก่อน “ของกำนัลมากมายเช่นนี้ นอกจากแสดงความจริงใจแล้ว แคว้นเทียนเฟิ่งคงอยากแสดงความสามารถของพวกเขาให้พวกเราเห็นด้วยกระมัง”

เสิ่นเทียนจือกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทควรเสด็จไปพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทกำลังตามหาจุดอ่อนของช้าง หากไปสำรวจจากกองทัพช้างของแคว้นเทียนเฟิ่งโดยตรงอาจมีประโยชน์มากกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ จะได้ดูด้วยว่าจักรพรรดิของเทียนเฟิ่งต้องการทำสิ่งใดกันแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เสิ่นจิ้งจงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “จุดนัดหมายอยู่นอกเมืองผิงหยาง อยู่ติดชายแดนของต้าเยี่ยน เทียนเฟิ่งไม่กล้าทำสิ่งใดวู่วามแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ หากพวกเราไม่ไปเทียนเฟิ่งอาจคิดว่าพวกเรากลัวพวกเขาได้พ่ะย่ะค่ะ”

หลู่จิ่นเสียนยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน

“ทว่า บัดนี้ฝ่าบาททรงพระครรภ์ กระหม่อมคิดว่าส่งทูตไปแทนก็พอ ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเสด็จไปเองพ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมคิดว่าครั้งนี้ไม่น่ามีอันตรายใดๆ ฝ่าบาทสามารถเสด็จไปพบจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งดูสักครั้งได้พ่ะย่ะค่ะ” หลู่ไท่เว่ยที่รอบคอบมาโดยตลอดกล่าวออกมาเช่นนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจยิ่งนัก

ขุนนางหลายคนมองไปทางหลู่ไท่เว่ยอย่างไม่เห็นด้วย ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังตั้งครรภ์ จะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

หลู่ไท่เว่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ฝ่าบาททรงมองคนทะลุปรุโปร่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น แม้แต่กระหม่อมก็ไม่สามารถเทียบได้ มีเพียงฝ่าบาทเสด็จไปพบจักรพรรดิแคว้นเทียนเฟิ่งด้วยพระองค์เองจึงจะสามารถเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งได้ พวกเราจะได้เตรียมรับมือได้พ่ะย่ะค่ะ”

หลู่ไท่เว่ยกล่าวออกมาจากใจจริง เขายอมรับว่าการมองคนของเขาสู้ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้จริงๆ

เทียนเฟิ่งกล้าเชิญจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและต้าโจวไปเจรจาเชื่อมไมตรี ต่อให้พวกเขามีกองทัพช้างก็คงไม่กล้าทำสิ่งใดวู่วามในตอนนี้ ครั้งนี้คือโอกาสดีที่ไป๋ชิงเหยียนจะได้พบกับจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่ง

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าใช้ความคิด ความจริงหญิงสาวอยากถือโอกาสนี้ไปพบหน้ามู่หรงลี่สักครั้งเพื่อเจรจาเรื่องการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองของสองแคว้นอย่างละเอียดอีกรอบ

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็ให้เทียนเฟิ่งได้รู้ว่าแคว้นใดคือแคว้นที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง” หลิ่วหรูซื่อยังคงโมโหไม่หาย

ไป๋ชิงเหยียนลูบมือเข้าหากันอย่างใช้ความคิด หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “เช่นนั้นข้าจะไปพบจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งผู้นี้สักครั้ง หลู่ไท่เว่ยให้คนบอกทูตของต้าเยี่ยนให้ส่งข่าวบอกจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนและอ๋องเก้าด้วยว่าหากต้าเยี่ยนจะเดินทางไปร่วมการเจรจาครั้งนี้เช่นเดียวกัน ต้าเยี่ยนและต้าโจวควรทำสัญญาเป็นพันธมิตรต่อหน้าเทียนเฟิ่งและต้าโจวเลย ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนแคว้นเทียนเฟิ่ง”

“วิธีของฝ่าบาทดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!” หลิ่วหรูซื่อเห็นด้วย

เมื่อว่าราชการตอนเช้าเสร็จไป๋ชิงเหยียนเชิญหลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคงและต่งซือถูไปปรึกษาเรื่องการเดินทางไปเมืองผิงหยางในครั้งนี้อย่างละเอียดที่ห้องหนังสือ

การปรากฏตัวของแคว้นเทียนเฟิ่งทำให้ต้าโจวมีอุปสรรคใหม่ในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง แผนเดิมของไป๋ชิงเหยียนถูกทำลายอีกครั้ง ทว่า สิ่งนี้ไม่มีทางสั่นคลอนใจที่มุ่งมั่นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของไป๋ชิงเหยียนให้หวั่นไหวได้ กลับทำให้หญิงสาวมีไฟมากกว่าเดิมเสียอีก

แคว้นต้าเยี่ยน…ไป๋ชิงเหยียนอยากตัดสินผลแพ้ชนะด้วยวิธีที่สันติสุขที่สุด หญิงสาวไม่อยากให้เหล่านักรบต้องเสียเลือดเนื้อโดยไร้ประโยชน์

ทว่า สำหรับแคว้นที่ไม่สามารถตกลงกันโดยสันติสุขได้อย่างเทียนเฟิ่งที่มีแต่ความโหดร้ายและไอสังหาร ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ยอมให้แคว้นเช่นนี้เข้ามาแปดเปื้อนแคว้นต้าโจวแม้แต่เสี้ยวเดียว ไม่มีทางปล่อยให้ชาวบ้านต้าโจวตกเป็นทาสของเทียนเฟิ่ง โดนพวกเขาย่ำยีกดขี่ ไม่มีทางปล่อยให้ทหารและชาวบ้านของต้าโจวมีจุดจบเช่นเดียวกับแคว้นเหมิ่งเสอและฮั่นอิงแน่นอน