ตอนที่ 1059 อันตราย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1059 อันตราย

น่าเสียดายที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ค่อยรู้จักแคว้นเทียนเฟิ่งเท่าใดนัก ชาติที่แล้วหญิงสาวไม่เคยติดต่อ ไม่เคยทำสงครามเผชิญหน้ากันดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจำเป็นต้องเดินทางไปพบหน้าจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งเพื่อทดสอบความทะเยอทะยานของเขาและความแข็งแกร่งของกองทัพช้างด้วยตัวเอง

ไป๋ชิงเหยียนให้หลู่ไท่เว่ยและท่านลุงต่งซือถูอยู่ดูแลความเรียบร้อยในเมืองหลวง นอกจากนี้หญิงสาวยังเขียนราชโองการขึ้นมาอีกฉบับหนึ่ง หากนางเป็นอันใดไปหรือเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น ไป๋ชิงอวี๋น้องชายแท้ๆ ของนางจะเป็นคนขึ้นครองบัลลังก์ต่อนางจาก

แม้จะกล่าวว่าแคว้นเทียนเฟิ่งไม่กล้าก่อเรื่องขึ้นในครั้งนี้ ทว่า ป้องกันไว้ดีกว่าแก้

ตอนนี้หลู่ไท่เว่ย ต่งชิงผิงและเสิ่นซือคงถึงได้รู้ว่าไป๋ชิงอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งควบคุมหรงตี๋ไว้ในกำมือเรียบร้อยแล้ว!

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้กระหม่อมยังสงสัยอยู่เลยว่าเหตุใดหรงตี๋จึงยอมเข้าร่วมกับต้าโจว ที่แท้เป็นเพราะคุณชายห้าแห่งตระกูลไป๋นี่เอง!” เสิ่นจิ้งจงมีสีหน้ากระจ่างแจ้งขึ้นทันที

ต่งชิงผิงขยับปากเหมือนอยากกล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวออกมา ขอบตาของเขาแดงก่ำ เขาหันหน้าหนีไปอีกทาง ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาพลางพยักหน้ารัว พยายามเบิกตาที่แดงก่ำของตัวเองกว้างเพราะกลัวว่าน้ำตาจะไหลออกมาอีกครั้ง

หลานชายรอดชีวิตจากความตาย ต่งชิงผิงจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน

“อาอวี๋น่าจะใกล้ควบคุมตัวอ๋องแห่งหรงตี๋กลับมาแล้ว ช่วงที่ข้าไม่อยู่ในเมืองหลวง หากหลู่ไท่เว่ยและท่านลุงตัดสินใจเรื่องใดไม่ได้สามารถปรึกษาอาอวี๋ได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม ต่งซือถูและคุณชายห้าจะอยู่รอฝ่าบาทกลับมาอย่างปลอดภัยที่เมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่ไท่เว่ยกล่าว

ข่าวการเดินทางไปเมืองผิงหยางของไป๋ชิงเหยียนแพร่ไปถึงวังหลัง บรรดาอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนเป็นกังวลขึ้นมาทันที ต่างพากันไปยังตำหนักของต่งซื่อ

“พี่สะใภ้ใหญ่ต้องห้ามปรามอาเป่านะเจ้าคะ!” ฮูหยินสามหลี่ซื่อขมวดคิ้วแน่น “หากอาเป่าไม่ได้ตั้งครรภ์ก็ว่าไปอย่าง ทว่า ตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่ จะนั่งรถม้าเดินทางไปไกลเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา พวกเราจะร้องไห้ก็คงไม่มีประโยชน์แล้วนะเจ้าคะ!”

“ใช่เจ้าค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ แม้ครรภ์ของอาเป่าจะคงที่และแข็งแรงสมบูรณ์ดี ทว่า นางต้องเดินทางไกลไปกลับเมืองผิงหยางและเมืองหลวง หากเกิดสิ่งใดขึ้นระหว่างทางจะทำเช่นไรเจ้าคะ” ฮูหยินสองหลิวซื่อร้อนใจเช่นเดียวกัน “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราช่วยกันเกลี้ยกล่อมอาเป่าเถิดเจ้าค่ะ เด็กนั่นเพิ่งเคยตั้งครรภ์ครั้งแรกจึงยังไม่รู้ความ พวกเราต้องช่วยดูแลนางนะเจ้าคะ!”

ฮูหยินสี่หวังซื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“เดิมทีร่างกายของอาเป่าก็อ่อนแออยู่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นห่วงการตั้งครรภ์ครั้งนี้ของนางมาก พี่สะใภ้ใหญ่จะปล่อยให้อาเป่าเดินทางไปผิงหยางไม่ได้นะเจ้าคะ” ฮูหยินสี่หวังซื่อคลำลูกประคำในมือแน่น “เมื่อได้ยินว่าอาเป่าจะเดินทางไปยังผิงหยางข้าก็กังวลมากเจ้าค่ะ กำลังจะเข้าฤดูหนาวแล้ว หากเจอพายุหิมะจะทำเช่นไรเจ้าคะ!”

“พี่สะใภ้สอง พี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สี่ ไม่ต้องเป็นกังวลเกินไปหรอกเจ้าค่ะ!” ฮูหยินห้าฉีซื่อเดินจับมือนางกำนัลเข้ามาด้านใน เมื่อทำความเคารพต่งซื่อและพี่สะใภ้คนอื่นเสร็จจึงนั่งลง “อาเป่าไม่ใช่สตรีธรรมดา นางคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว แม้แต่หลู่ไท่เว่ยที่ทำสิ่งใดรอบคอบมาโดยตลอดยังกล่าวว่าอาเป่าควรไป เช่นนั้นแสดงว่ามีเหตุผลที่อาเป่าควรไปอยู่ หลู่ไท่เว่ยไม่ใช่คนไม่รู้ขอบเขตเจ้าค่ะ!”

ฮูหยินห้าฉีซื่อเห็นต่งซื่อตบมือหลิวซื่อเบาๆ เพื่อปลอบโยนหลิวซื่อที่มีสีหน้าร้อนใจ จากนั้นหันไปกล่าวกับฮูหยินสามและฮูหยินสี่ยิ้มๆ “พวกเราไม่ได้เข้าร่วมการประชุมจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในราชสำนัก แม้จะช่วยเหลือไม่ได้ ทว่า ไม่ควรเป็นภาระให้หลาน”

“ไม่ถือเป็นภาระหรอก!” ต่งซื่อกล่าวยิ้มๆ “ข้าเป็นห่วงร่างกายของอาเป่าและเด็กในท้องเช่นเดียวกัน ทว่า น้องสะใภ้ห้ากล่าวถูกแล้ว อาเป่าคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว บางเรื่องอาเป่าต้องทำด้วยตัวเอง พวกเราจะห้ามนางไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือช่วยนางเตรียมพร้อมให้ดีที่สุดและช่วยปกป้องดูแลด้านหลังให้อาเป่า”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนซึ่งยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดินได้ยินคำกล่าวของมารดาและบรรดาอาสะใภ้ ความรู้สึกอุ่นวาบแผ่ซ่านเข้ามาในใจทันที ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น หญิงสาวเดินจับมือชุนเถาเข้าไปด้านใน “ท่านแม่และท่านอาสะใภ้ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ การเดินทางครั้งนี้ไม่มีอันตรายแน่นอนเจ้าค่ะ”

เดิมทีหลิวซื่ออยากกล่าวสิ่งใดอีก ทว่า เมื่อนึกถึงคำกล่าวของน้องสะใภ้ห้าเมื่อครู่ที่กล่าวว่าไม่ควรทำตัวเป็นภาระให้อาเป่า นางจึงกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“โชคดีที่ท่านอาสะใภ้อยู่ที่นี่กันครบ วันนี้ข้ามีเรื่องอยากเรียนให้ท่านแม่และท่านอาสะใภ้ทุกท่านทราบเจ้าค่ะ อาอวี๋กำลังจะกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้แผ่นหลังของสะใภ้ทุกคนแข็งทื่อทันที ทุกคนจับที่วางแขนของเก้าอี้แน่น สีหน้าตกใจระคนยินดีราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา

“อาอวี๋! อาอวี๋จะกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ!” ขอบตาของฮูหยินห้าฉีซื่อร้อนผ่าว นางรีบหันไปมองต่งซื่อทันที แม้สีหน้าของต่งซื่อจะตกใจ ทว่า ไม่ได้ตกตะลึงมากเท่ากับพวกนาง บรรดาสะใภ้จึงรู้ทันทีว่าพี่สะใภ้ใหญ่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าอาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่

“อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่!” หลิวซื่อกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก นางนึกถึงบุตรชายของตัวเองขึ้นมา บุตรชายของท่านชายคนโตของตระกูลไป๋กลับมาแล้ว บุตรชายของนางใกล้กลับมาแล้วเหมือนกันใช่หรือไม่

“ช่างดีเสียจริง ดีจริงๆ !” ฮูหยินสี่หวังซื่อดีใจจนน้ำตาไหลออกมา นางมองไปทางต่งซื่อ “ในที่สุดวันที่พี่สะใภ้ใหญ่รอคอยก็มาถึงเสียทีนะเจ้าคะ”

“นั่นสิเจ้าคะ!” หลี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา “ดีจริงๆ เจ้าค่ะ เด็กๆ มีชีวิตรอดกลับมา…”

เดิมทีหลิวซื่ออยากกล่าวคำยินดีออกไปเช่นกัน ทว่า เหมือนมีสิ่งใดจุกแน่นอยู่ในลำคอจนนางกล่าวสิ่งใดไม่ออก นางไม่อยากถามถึงข่าวของบุตรชายของนางจนทำลายบรรยากาศในตอนนี้

หลิวซื่อคิดว่าสวรรค์คงไม่ใจร้ายกับนางถึงเพียงนี้ ไม่มีทางที่บุตรชายของคุณชายทั้งสี่คนล้วนมีชีวิตรอดกลับมาแล้วบุตรชายของนางจะไม่รอดกลับมาแม้แต่คนเดียว

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลิวซื่อที่กำผ้าเช็ดหน้าของตัวเองแน่น แม้ความหวังจะเลือนราง ทว่า คนเราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง

“ท่านอาสะใภ้สอง ข้าไม่มีวันหยุดตามหาคนตระกูลไป๋เจ้าค่ะ ขอเพียงไม่พบศพก็แสดงว่ายังมีหวังอยู่เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลิวซื่อดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

หลิวซื่อที่เดิมทีกลั้นน้ำตาไว้ได้ เมื่อได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป นางพยักหน้าเสียงสะอื้น “ข้ารู้ ข้ารู้ดี คนของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีทางหยุดตามหา! อารู้ดี”

บรรดาสะใภ้นั่งอยู่ต่ออีกสักพัก จากนั้นจึงพากันจากไป การกลับมาของไป๋ชิงอวี๋เบนความสนใจเรื่องการเดินทางไปยังเมืองผิงหยางทั้งๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ของไป๋ชิงเหยียนได้สำเร็จ

ไป๋ชิงเหยียนบอกเรื่องการดูแลเมืองหลวงหลังจากนางเดินทางไปยังเมืองผิงหยางให้ต่งซื่อฟัง ไป๋ชิงเหยียนอยากให้ต่งซื่อไปเข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้าอยู่หลังม่าน เพื่อควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักให้มั่นคงในตอนที่นางไม่อยู่ในเมืองหลวง

ต่งซื่อพยักหน้าพลางกำมือของไป๋ชิงเหยียนแน่น “เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะดูแลเรื่องทางเมืองหลวงให้เจ้าเอง มีหลู่ไท่เว่ยและท่านลุงของเจ้าอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปนัก ตั้งใจรับมือกับคนแคว้นเทียนเฟิ่งอย่างเดียวก็พอ แม้แม่จะอยู่ในวังหลัง ทว่า แม่ได้ยินว่าแคว้นเทียนเฟิ่งเริ่มเรียนภาษากลางของพวกเรานานแล้ว พวกเขามีความทะเยอทะยานอย่างเห็นได้ชัด! ทว่า เจ้าต้องตอบแม่มาตามตรงว่าการเดินทางครั้งนี้มีอันตรายหรือไม่!”