ตอนที่ 1064 ซาบซึ้ง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1064 ซาบซึ้ง

รถม้าเคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองอย่างช้าๆ

ชาวบ้านคุกเข่าอยู่บนถนนสองข้างทาง พวกเขาพากันตะโกนอวยพรให้ไป๋ชิงเหยียนมีอายุยืนยาว บางคนกล้าถึงขนาดตะโกนออกมาเสียงสะอื้น “ฝ่าบาททรงไม่ทอดทิ้งชาวบ้านต่ำต้อยอย่างพวกเรา ขอบพระทัยที่ฝ่าบาททรงไม่ลืมชาวบ้านต่ำต้อยอย่างพวกเราพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี!”

ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออกดูทันทีที่ได้ยินเสียง ลมหนาวจากหิมะพัดเข้ามาด้านใน หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าชาวบ้านจะมารอต้อนรับนางอยู่ก่อนแล้วเช่นนี้ ศีรษะและเสื้อผ้าของชาวบ้านเต็มไปด้วยหิมะ พวกเขาไม่กล้าเงยหน้าได้แต่ตะโกนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น บางคนตื่นเต้นจนร้องไห้ออกมาจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

พวกเขาคิดว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ที่สูงศักดิ์ที่สุดอย่างจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะเดินทางมายังสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ ชาวบ้านมองเห็นความหวังในตอนที่เกือบสิ้นหวัง พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน

เมื่อเห็นเด็กเล็กคุกเข่าอยู่กลางหิมะไป๋ชิงเหยียนจึงขมวดคิ้วแน่น “ลุงเสิ่น!”

เสิ่นคุนหยางได้ยินจึงรีบหันม้ากลับมาหา “ฝ่าบาท…”

“ชาวบ้านคุกเข่ารออยู่ที่นี่นานแล้วหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

เสิ่นคุนหยางพยักหน้า “เมื่อทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาพวกเขาจึงมารอต้อนรับพ่ะย่ะค่ะ ช่วงนี้กองทัพช้างปรากฏตัวบ่อยจนชาวบ้านพากันหวาดกลัว ฝ่าบาทเปรียบเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา ดังนั้นวันนี้ตอนที่พวกกระหม่อมมารอต้อนรับฝ่าบาท ชาวบ้านเหล่านี้จึงมาคอยอยู่ก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนมองดูชาวบ้านที่คุกเข่าตะโกนอวยพรให้นางมีอายุยืนผ่านหน้าต่างของรถม้า มือของชาวบ้านที่ยันอยู่บนพื้นแข็งจนกลายเป็นตุ่มแดง ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเวิ่นคุนหยาง

“ลุงเสิ่น ให้ทหารบอกให้ชาวบ้านเลิกคุกเข่าอยู่ที่นี่ได้แล้ว รีบให้พวกเขากลับไปเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เสิ่นคุนหยางรับคำ จากนั้นขี่ม้าตรงไปหาเฉิงหย่วนจื้อ

ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านมองดูทหารก้มลงบอกให้ชาวบ้านกลับไปบ้านของตัวเองพลางขมวดคิ้วแน่น

“คุณหนูใหญ่…” ชุนจือค่อนข้างเป็นกังวล นางวางถ้วยน้ำชาลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ร่างกายอ่อนแอ อย่าให้ร่างกายโดนลมหนาวเลยเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้รับคำ เมื่อเห็นทหารโน้มน้าวชาวบ้านไม่สำเร็จ ไป๋ชิงเหยียนจึงมองไปทางด้านหลังขบวน ชาวบ้านยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิมไม่ยอมจากไป

นี่คือสิ่งเดียวที่ชาวบ้านสามารถแสดงออกเพื่อแสดงความเคารพจักรพรรดิแห่งแคว้นได้ รถม้าของฝ่าบาทยังไม่จากไป พวกเขาจากไปก่อนได้อย่างไร

ไป๋ชิงเหยียนลดม่านลง จากนั้นหันไปกล่าวกับชุนจือ “บอกให้ขบวนหยุดก่อน”

ชุนจือรับคำ จากนั้นเคาะรถม้าพลางกล่าวกับคนที่อยู่ด้านนอก “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้หยุดขบวนก่อน”

ไม่นานขบวนรถม้าจึงหยุดลง หลู่หยวนเผิงขี่ม้าเข้ามาหาไป๋ชิงเหยียน ทว่า ยังไม่ทันถึงตัวหญิงสาวก็ถูกองครักษ์ไป๋ห้ามไว้เสียก่อน

“รีบกลับไปเถิด อย่ามาทนหนาวอยู่ตรงนี้เลย!” ทหารยังคงเกลี้ยกล่อมชาวบ้าน “ฝ่าบาทไม่มีทางไม่สนใจชาวบ้านผิงหยาง ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่แล้ว พวกเจ้ากลับกันไปก่อนเถิด!”

ไป๋ชิงเหยียนจับมือชุนจือลงมาจากรถม้า เสิ่นคุนหยางและเซี่ยอวี่จังยืนคุ้มกันอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน เหล่าทหารที่กำลังเกลี้ยกล่อมชาวบ้านอยู่รีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นเพื่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“ฝ่าบาทเสด็จออกมาแล้ว!”

“ฝ่าบาท!”

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนออกมาจากรถม้า ชาวบ้านยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม ทุกคนพากันตะโกนร้องเรียกฝ่าบาท…

“อย่ามาคุกเข่าอยู่กลางหิมะเช่นนี้เลย ข้ารู้ว่าการปรากฏตัวของกองทัพช้างทำให้ทุกคนหวาดกลัว ทว่า ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง หากมีอันตรายเกิดขึ้นจริงๆ ทหารจะคุ้มกันทุกท่านออกไปจากเมืองผิงหยางก่อน”

น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนดังกังวานท่ามกลางหิมะ “ข้ามาผิงหยางในครั้งนี้ อีกไม่นานข้าจะไปเจรจาเชื่อมไมตรีกับต้าเยี่ยน ซีเหลียงและเทียนเฟิ่ง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรทหารของต้าโจวจะปกป้องชาวบ้านทุกคนของแคว้นต้าโจวด้วยชีวิต! ไม่ให้ผู้ใดถูกข่มเหงรังแกแม้แต่คนเดียว!”

เมื่อสร้างกำลังใจให้ชาวบ้านเสร็จหญิงสาวจึงกล่าวต่อ “รีบลุกขึ้นเถิด แยกย้ายกลับบ้านได้แล้ว!”

“ฝ่าบาท พวกเราไม่ได้มาคุกเข่าเพื่อขอร้องให้ฝ่าบาททรงปกป้องพวกเรา ฝ่าบาทเสด็จมายังเมืองผิงหยางในเวลาเช่นนี้ พวกเราทุกคนซาบซึ้งจนไม่รู้จะกล่าวเป็นถ้อยคำเช่นไร พวกเราทำได้เพียงก้มศีรษะคารวะขอบพระทัยฝ่าบาทเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!” ชายชราคนหนึ่งกล่าวขึ้น

ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้จะอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นต่างๆ ให้ชาวบ้านฟังเช่นไร เมื่อเห็นชาวบ้านยืนกรานที่จะคุกเข่าต่อไป ไป๋ชิงเหยียนจึงทำได้เพียงกลับเข้าไปในรถม้า จากนั้นสั่งให้ขบวนรถม้าเร่งเดินทางเข้าในเมืองโดยเร็วที่สุดดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ชุนจือเพิ่งเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ครั้งแรก นางประคองไป๋ชิงเหยียนกลับเข้าไปในตัวรถม้าที่อบอุ่น จากนั้นส่งเตาอุ่นมือให้หญิงสาวพลางกล่าวขึ้น “บ่าวเพิ่งเคยเห็นชาวบ้านยืนกรานคุกเข่าคำนับจักรพรรดิเช่นนี้เป็นครั้งแรกเจ้าค่ะ”

“ชาวบ้านล้วนเป็นคนใสซื่อ พวกเขาคงหวาดกลัวกองทัพช้างมาหลายวันแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น “คนตระกูลสูงศักดิ์และเหล่าขุนนางคนขนย้ายทรัพย์สินและครอบครัวออกจากเมืองผิงหยางไปแล้ว ชาวบ้านจึงได้หวาดกลัวมากถึงเพียงนี้ บัดนี้พวกเรามาพร้อมกับกองทัพไป๋ ชาวบ้านคงซาบซึ้งใจมาก ตึงเครียดมาหลายวันในที่สุดก็ผ่อนคลายได้เสียที พวกเขาแค่หาทางระบายอารมณ์และความกดดันของตัวเองออกมา”

คนที่เคยลำบากและทุกข์ทรมานมาก่อนจะซาบซึ้งกับการได้รับการปกป้องและดูแลมากกว่าคนปกติ

ความจริงสิ่งที่ชาวบ้านเหล่านี้ต้องการไม่ได้มากมายเลยสักนิด แค่พวกเขาได้กินอิ่มนอนหลับ ไม่มีสงครามมารบกวนเท่านั้นเอง

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเดินทางถึงเมืองผิงหยาง มู่หรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่เดินทางถึงหลินชวนก่อนหน้านี้แล้ว

หลินชวนอยู่ใกล้กับผิงหยางมาก เยว่สือมองสำรวจเหตุการณ์ของเมืองผิงหยางทุกวัน เมื่อเห็นธงเฮยฟานไป๋หมั่งของต้าโจวจึงรีบไปรายงานเจ้านายของตัวเองทันที

มู่หรงลี่ที่กำลังรับประทานอาหารอยู่กับมู่หรงเหยี่ยนมองไปทางอาเก้าของตัวเองตาใสอย่างตื่นเต้น “ท่านอาเก้า…”

มู่หรงเหยี่ยนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ทว่า รอยยิ้มที่มุมปากเผยให้เห็นความรู้สึกทั้งหมดของา ชายหนุ่มวางผ้าเช็ดหน้าลงบนโต๊ะ จากนั้นกล่าวกับมู่หรงลี่ “ทานอาหารเสร็จจงทบทวนวิชาที่อามอบหมายให้เจ้าให้เรียบร้อย”

“ท่านอาเก้าจะไปพบพี่สาว…ท่านอาสะใภ้เก้าหรือขอรับ” มู่หรงลี่มองไปทางมู่หรงเหยี่ยนด้วยแววตาเป็นประกาย “ข้าไปด้วยขอรับ! ตั้งแต่ท่านอาเก้าแต่งงานกับท่านอาสะใภ้เก้าข้ายังไม่ได้พบนางเลย ข้าเตรียมของขวัญมาให้น้องชายหรือน้องสาวในท้องของท่านอาสะใภ้เก้าด้วยขอรับ ข้าจะไปหยิบมาเดี๋ยวนี้ขอรับ…”

กล่าวจบ มู่หรงลี่เตรียมลุกเดินไปทันที

“นั่งลง!” มู่หรงเหยี่ยนกล่าวเสียงขรึม

มู่หรงลี่รีบนั่งลงตามเดิมทันที เขาเอ่ยเรียกมู่หรงเหยี่ยนอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย “ท่านอาเก้า…”

“อาลี่ เจ้าคือจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน เจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว!” เมื่อมู่หรงเหยี่ยนเห็นท่าทีหวาดกลัวของมู่หรงลี่จึงรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองดุเกินไป ชายหนุ่มรีบลดเสียงลง จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสายตามากมายกำลังจับจ้องมาที่เจ้า ไม่ใช่ว่าพอเจ้าออกจากต้าเยี่ยนสายตาเหล่านั้นจะหายไป เจ้าจงจำไว้ให้ขึ้นใจ! หากเจ้าคือเด็กธรรมดา เจ้าสามารถทำตามใจชอบได้ แม้ตอนที่ข้าและท่านอาสะใภ้เก้าของเจ้าแต่งงานกัน หากเจ้าอยากไป ลุงเฝิงของเจ้าก็จะไปส่งเจ้า ทว่า ตอนนี้เจ้าคือตัวแทนของแคว้นต้าเยี่ยนทั้งแคว้น…”

มู่หรงลี่เป็นเด็กฉลาด เขาเข้าใจความหมายของมู่หรงเหยี่ยนทันที เขารีบพยักหน้ารัว