ตอนที่ 1065 ค้นหา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1065 ค้นหา

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านอาเก้า หากข้าต้องการพบหน้าท่านอาสะใภ้เก้า อย่างน้อยข้าก็ควรพบในนามจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน หากข้าเสี่ยงไปพบนางเช่นนี้ เมื่อคนที่ไม่หวังดีล่วงรู้เข้าอาจหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นได้ขอรับ”

“โดยเฉพาะ…” มู่หรงลี่กำมือที่วางอยู่บนหน้าตักแน่น “ครั้งนี้ข้าควรรับบทเป็นจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนที่ถูกอ๋องผู้สำเร็จราชการควบคุมไว้ในกำมือ อ๋องผู้สำเร็จราชการควบคุมราชสำนักไว้ในมือ เขาจะปล่อยให้ข้าไปพบจักรพรรดินีแห่งต้าโจวได้เช่นไร”

มู่หรงเหยี่ยนพยักหน้า เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของมู่หรงลี่อย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องรีบร้อน ครั้งนี้เจ้าต้องได้พบหน้าท่านอาสะใภ้เก้าของเจ้าแน่”

มู่หรงลี่พยักหน้ารัว เมื่อครู่เขาเผลอทำตัวเป็นเด็กออกไป

“ท่านอาเก้าจะไปหรือไม่ขอรับ” มู่หรงลี่เงยหน้ามองอาเก้าของตัวเอง

“ต้องไปอยู่แล้ว” มู่หรงเหยี่ยนพยักหน้าให้มู่หรงลี่ “ต้าโจวและต้าเยี่ยนอยากทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน อาคือผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยน อาต้องไปพบหน้าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวก่อนการเจรจาเชื่อมไมตรีสักครั้งเพื่อคุยรายละเอียดเรื่องนี้อยู่แล้ว เทียนเฟิ่งจะได้รู้ว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนคือพวกเดียวกัน”

เป็นดั่งที่มู่หรงเหยี่ยนกล่าว เมื่ออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนขี่ม้าเดินทางไปยังเมืองผิงหยางไม่ถึงสองชั่วยาม ข่าวนี้ถูกส่งไปยังกระโจมของจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งทันที

ภายในกระโจม ไฟในเตาผิงร้อนระอุจนเกิดเสียงปะทุเล็กน้อย หลี่เทียนฟู่ผู้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดินีองค์ใหม่แห่งซีเหลียงแทนที่หลี่เทียนเจียวนั่งกำถ้วยชาแน่นอยู่หน้าโต๊ะเล็ก

“ข้าไม่สนว่าต้าโจวจะร่วมมือกับต้าเยี่ยนหรือไม่ ตอนที่พวกเจ้าจับพี่สาวของข้าขังและปล่อยตัวข้าออกมา ให้ข้าขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแทนพี่สาวข้า ข้าบอกพวกเจ้าชัดเจนแล้วว่าซีเหลียงจะเชื่อฟังพวกเจ้า หากพวกเจ้าช่วยข้ากำจัดต้าโจว มิเช่นนั้นอย่าหวังว่าข้าจะเชื่อฟังเจ้าอีก” หลี่เทียนเทียนฟู่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากกระโจมไปทันทีโดยไม่หันมามองแม้แต่น้อย

“จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงผู้นี้!” แม่ทัพของเทียนเฟิ่งตบโต๊ะอย่างแรง “ข้าจะไปจับนางกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์พยัคฆ์มองตามแผ่นหลังของหลี่เทียนฟู่ที่เดินจากไปด้วยแววตาเย็นชา เขาลูบหยกจักจั่นในมือ โบกมือให้แม่ทัพของตัวเองนั่งลงตามเดิม จากนั้นเอนกายพิงพนักพิง “สตรีผู้นั้นอยากได้เพียงความสะใจตรงหน้า พวกเรามองการณ์ไกล เป้าหมายไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องสนใจนาง ขอเพียงนางเชื่อฟังพวกเราก็พอ”

ได้ยินคำกล่าวของจักรพรรดิ แม่ทัพของเทียนเฟิ่งจึงคลายความโมโหลง

“หากทำเพื่อวันข้างหน้า อันดับแรกพวกเราต้องทำให้เทียนเฟิ่งอยู่อย่างมั่นคงในสถานที่แห่งนี้เสียก่อน พวกเราไม่มีดินแดนตรงนี้ ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับต้าโจวและต้าเยี่ยนที่ไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาอีก พวกเราต้องค่อยๆ เดินไปทีละก้าว ค่อยๆ กลืนกินสถานที่แห่งนี้” ศิษย์คนโตของจอมเวทย์แห่งแคว้นเทียนเฟิ่งกล่าวขึ้น

“บรรพบุรุษของแคว้นเทียนเฟิ่งล้วนใช้สงครามเป็นตัวตัดสิน! ทำสงครามไปเรื่อยๆ พวกเราจะมีทั้งทาสและแผ่นดิน สังหารพวกที่ไม่เชื่อฟังทิ้ง เก็บไว้เพียงคนที่เชื่อฟังไว้รับใช้เท่านั้น แคว้นเทียนเฟิ่งของพวกเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดต้องทำให้มันวุ่นวายเช่นนี้ด้วย!”

แม่ทัพเทียนเฟิ่งยิ่งกล่าวยิ่งโมโห

“บัดนี้พวกเราต้องซื้อเสบียงอาหารจากคนต่ำช้าเหล่านั้นในราคาที่สูง! พวกมันยิ่งขายให้พวกเราน้อยลงทุกที ราคายิ่งสูงขึ้นทุกวัน! พวกเราควรนำกองทัพช้างบุกไปทำลายล้างแคว้นพวกมันแล้วยึดเสบียงมาครอบครองไว้เอง!” แม่ทัพคนหนึ่งของเทียนเฟิ่งกล่าวขึ้นอย่างโมโห “พวกเราแคว้นเทียนเฟิ่งคือคนแข็งแกร่ง เหตุใดต้องก้มหัวให้พวกต่ำช้าเหล่านั้นด้วย”

เมื่อนึกถึงใบหน้าของพ่อค้าแคว้นต้าเยี่ยนและต้าโจวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาแทบอยากสังหารพวกมันเหล่านั้นทิ้งให้สิ้นเรื่อง

“ข้ารู้ว่าการทำสงครามคือวิธีที่รวดเร็วที่สุด! ทว่า เจ้าของดินแดนแห่งนี้ที่เทพเจ้าเป็นคนเลือกยังมีชีวิตอยู่ เจ้ากล้าขัดเจตนาของเทพเจ้าอย่างนั้นหรือ” แม่ทัพอีกคนหันไปกล่าวกับแม่ทัพผู้นั้น

เมื่อคนในกระโจมได้ยินคำว่าเทพเจ้าจึงรีบแสดงความเคารพออกมาทันที

ไม่นานจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งจึงกล่าวขึ้น “ช่วงนี้ควบคุมลูกน้องของพวกเจ้าให้ดี อย่าปล่อยให้ก่อความวุ่นวายขึ้นช่วงนี้เด็ดขาด”艾琳小說

จักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งมองไปทางศิษย์คนโตของจอมเวทย์ “พรุ่งนี้เจ้าช่วยเดินทางไปยังต้าโจวและต้าเยี่ยนที ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมให้เทียนเฟิ่งเป็นคนกำหนดเวลาและสถานที่ในการเจรจา เช่นนี้ก็ถามพวกเขาว่าพวกเขาเลือกวันและสถานที่ได้แล้วหรือไม่ ให้พวกเขารีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุด”

สำหรับแคว้นเทียนเฟิ่งสถานที่แห่งนี้คือดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ที่สวรรค์มอบให้ มีทั้งพื้นที่เพาะปลูกและประชากรมากมาย ขอเพียงเจ้าของดินแดนที่เทพเจ้าเลือกไว้เสียชีวิตลง แคว้นเทียนเฟิ่งของพวกเขาจะสามารถสังหารคนที่ไม่เชื่อฟังทิ้ง ให้คนในดินแดนนี้หวาดกลัวพวกเขา จากนั้นรวบรวมดินแดนเหล่านี้ให้เป็นหนึ่ง

ทว่า สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้ก็คือหากสังหารเจ้าของดินแดนที่เทพเจ้าเป็นคนเลือก เทพเจ้าจะพิโรธหรือไม่

บัดนี้จอมเวทย์ถูกลงโทษจนล้มป่วยหนัก ลูกศิษย์ของจอมเวทย์ยังด้อยประสบการณ์จึงไม่อาจรับรู้เจตนารมณ์ของสวรรค์ได้ ช่างน่าหงุดหงิดใจเสียจริง

ตกดึกไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านตำราไม้ไผ่อยู่บนเตียง เสิ่นชิงจู๋รายงานให้นางฟังว่าชาวบ้านที่เตรียมเก็บสัมภาระไปจากเมืองผิงหยางวางใจลงแล้ว ก่อนหน้านี้เมืองผิงหยางไม่มีแม้แต่ควันหุงอาหารเพราะชาวบ้านกักตุนเสบียงแห้งเอาไว้เพื่ออพยพหนี การมาถึงของไป๋ชิงเหยียนทำให้ชาวบ้านคลายกังวล บัดนี้เริ่มทำอาหารทานกันตามบ้านเรือนอีกครั้ง ท้องฟ้าเหนือเมืองผิงหยางเต็มไปด้วยควันสำหรับประกอบอาหาร

ไป๋ชิงเหยียนวางม้วนไม้ไผ่ลง ยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นหยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นอ่านต่อ “ดีแล้ว…”

“คุณหนูใหญ่เลิกอ่านเถิดเจ้าค่ะ” เสิ่นชิงจู๋สงสารไป๋ชิงเหยียน นางขมวดคิ้วพลางกล่าวต่อ “ตอนนี้คุณหนูใหญ่กำลังตั้งครรภ์ เดินทางมาที่นี่ก็ลำบากมากแล้ว ตอนนี้ควรพักผ่อนได้แล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะกับท่าทีของเสิ่นชิงจู๋ หญิงสาวเงยหน้ามองเสิ่นชิงจู๋ที่กำลังขมวดคิ้วแน่น “ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ชิงจู๋ของเราที่ปกติเป็นคนพูดน้อยกล่าวเยอะถึงเพียงนี้ เจ้ากลายเป็นคนพูดมากเหมือนชุนเถาแล้วหรือนี่”

แม้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนก็ยอมวางม้วนไม้ไผ่ลง

บันทึกที่จีโฮ่วทิ้งไว้ไม่ได้มีเพียงแค่แนวคิดการปกครองเพียงแบบเดียวเท่านั้น ทว่า การปกครองเหล่านี้เหมือนจะไม่เคยถูกใช้มาก่อน แม้แต่ไป๋ชิงเหยียนที่เคยอ่านตำราโบราณมามากมายยังไม่เคยเจอแคว้นที่เคยใช้การปกครองเหล่านี้เลยสักแคว้น

ยกตัวอย่างเช่นระบอบรัฐธรรมนูญที่จีโฮ่วบันทึกไว้ คำว่ารัฐธรรมนูญที่จีโฮ่วกล่าวหมายถึงให้อำนาจของจักรพรรดิอยู่ภายใต้กฎหมายที่ร่างขึ้นเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านในแคว้น ผู้นำสูงสุดของแคว้นคืออัครเสนาบดี จักรพรรดิจะกลายเป็นเพียงสัญลักษณ์และความศรัทธาของแคว้น เช่นนี้จะไม่มีทางเกิดเรื่องจักรพรรดิทรราชขึ้นอีก

จีโฮ่วยังกล่าวในบันทึกอีกว่ามีการปกครองอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่าระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ มีการเลือกตั้งหาผู้นำสูงสุด สาธารณรัฐยังแบ่งออกเป็นแบบรัฐสภาและแบบประธานาธิบดีอีกด้วย

ไป๋ชิงเหยียนอ่านบันทึกเหล่านี้ซ้ำหลายครั้ง หญิงสาวรู้สึกราวกับตกลงไปในขวดขวดหนึ่ง นางอ่านตัวอักษรออกทุกตัวอักษร ทว่า เมื่อเอามาเรียงต่อกันกลับไม่เข้าใจ หญิงสาวเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น จีโฮ่วไม่ได้ขยายความรายละเอียดมากไปกว่านี้ ไป๋ชิงเหยียนต้องค่อยๆ ค้นหาความหมายของมันต่อไปเอง