ตอนที่ 1066 รู้คุณคน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1066 รู้คุณคน

“คุณหนูใหญ่…” เว่ยจงเดินเข้ามาด้านใน ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนผ่านฉากกั้นลายภูเขา “อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนได้ยินว่าฝ่าบาทเสด็จมาถึงเมืองผิงหยางแล้วจึงพาคนมาขอเข้าเฝ้า อยากปรึกษาเรื่องการเจรจาเชื่อมไมตรีกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนมาแล้ว…

ไป๋ชิงเหยียนคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ นางกำลังกลุ้มใจกับบันทึกของจีโฮ่วอยู่พอดี เซียวหรงเหยี่ยนคือบุตรชายของจีโฮ่ว เขาคงเข้าใจบันทึกเหล่านี้ดีกว่านางแน่

“เจ้าเชิญอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนไปรอที่โถงรับรองด้านหน้า ข้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะตามไป” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางหยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นมาถือไว้ในมือ

ชุนจือได้ยินจึงรีบเดินไปหยิบชุดใหม่ให้ไป๋ชิงเหยียน

เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเดินตามเว่ยจงไปยังดื่มน้ำชารอไป๋ชิงเหยียนที่โถงรับรอง เยว่สือที่ตามมาคุ้มกันอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนถูกกันให้รออยู่หน้าจวนเจ้าเมือง เขากำลังปัดเกล็ดหิมะที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าออกก็ได้ยินเสียงผิวปากขององครักษ์ลับไป๋ดังขึ้น

เยว่สือซึ่งปลีกตัวออกมาโดยอ้างว่ามาเข้าห้องน้ำเดินตามเสียงผิวปากไปยังที่ลับตาคนด้านหลังเรือน เขาเห็นองครักษ์ลับผู้หนึ่งยืนรอเขาอยู่ที่ใต้ต้นไม้

เยว่สือส่งยิ้มให้ องครักษ์ลับไป๋ผู้นั้นดึงคอเสื้อเยว่สือพลางลากเขาไปยังห้องๆ หนึ่งที่ลับตาคน จากนั้นปิดประตูห้องลง

“เจ้าเด็กหนุ่ม นี่มันเรื่องอันใดกัน นายท่านเขยจากไปแล้ว เหตุใดเจ้าไม่มาอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่ เหตุใดจึงกลายเป็นองครักษ์ข้างกายของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนได้” องครักษ์ลับไป๋เขกมือลงบนศีรษะของเยว่สือหนึ่งที “เจ้าคือองครักษ์ของนายท่านเขย คุณหนูใหญ่จะไม่ดูแลเจ้าอย่างนั้นหรือ คุณหนูใหญ่คือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว เจ้าติดตามคุณหนูใหญ่จะไม่มีอนาคตที่ดีกว่าติดตามอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนอย่างนั้นหรือ!”

เซียวหรงเหยี่ยนเคยกล่าวเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียนแล้ว ชายหนุ่มอยากให้เยว่สืออยู่ปกป้องไป๋ชิงเหยียนและลูก ทว่า เขากลัวว่าแม่ยายต่งซื่อจะคิดว่าเขาส่งเยว่สือมาเป็นสายลับ เขาจึงได้แต่เก็บเยว่สือไว้ข้างกาย ทว่า เมื่ออยู่ด้านนอกเยว่สือจะแฝงตัวอยู่รวมกับองครักษ์คนอื่นๆ จึงไม่เป็นที่สะดุดตามากนัก

เยว่สือรู้ดีว่าองครักษ์ลับไป๋เห็นเขาเป็นพวกเดียวกันจึงเรียกเขามาคุยเช่นนี้ เยว่สือรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

เยว่สือโค้งกายคำนับองครักษ์ไป๋ “อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเคยช่วยชีวิตนายท่านของข้าไว้ครั้งหนึ่ง ทว่า นายท่านจากไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นเยว่สือจึงอยากอยู่รับใช้ข้างกายอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเพื่อตอบแทนบุญคุณแทนเจ้านายของข้า!”

ตั้งแต่ที่ตัดสินใจเก็บเยว่สือไว้ข้างกาย เซียวหรงเหยี่ยนเตรียมข้ออ้างไว้พร้อมแล้ว เยว่สืออ้างตามที่เขาเตรียมไว้ก็พอ ทว่า เยว่สือค่อนข้างรู้สึกผิดที่ต้องโกหกองครักษ์ลับไป๋ที่หวังดีต่อเขาเช่นนี้

เมื่อเห็นท่าทีรู้สึกผิดของเยว่สือ องครักษ์ลับอ้าปากแล้วเม้มปากลงอีกครั้ง เขาไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกไปดี เยว่สือคือเด็กดีที่รู้บุญคุณคน

องครักษ์ลับไป๋วางมือลงบนศีรษะของเยว่สือ กล่าวเพียงให้เยว่สือรักษาตัวให้ดี จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้อง

เยว่สือยืนนิ่งอยู่ที่เดิม โคมไฟที่แขวนอยู่ตรงระเบียงทางเดินสาดส่องกระทบใบหน้ารู้สึกผิดของเยว่สือจากทางหน้าต่าง

ครู่ใหญ่เยว่สือจึงเดินออกมาจากห้องตรงมุมลับตาคน เขามองดูเกล็ดหิมะตามพื้นที่ถูกแสงสีเหลืองนวลส่องกระทบ เยว่สือกำหมัดแน่น หากวันหน้าเจ้านายของเขาและคุณหนูใหญ่ได้อยู่ด้วยกัน เขาไม่รู้จะมองหน้าองครักษ์ลับไป๋ที่เชื่อใจเขาเหล่านั้นเช่นไร

เซียวหรงเหยี่ยนดื่มชาไปสองถ้วยจึงเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินจับมือชุนจือเข้ามาด้านใน

เซียวหรงเหยี่ยนมองดูใบหน้าสงบนิ่งของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพหญิงสาว “คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ…”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ชิงจู๋อยู่เฝ้าด้านนอก คนอื่นไม่ต้องตามเข้ามา ข้ามีเรื่องจะสนทนากับอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเป็นการส่วนตัว”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงปล่อยมือชุนจือออก

ชุนจือรีบถอยไปยืนอยู่นอกโถงรับรอง ปิดประตูให้ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านหลังเสิ่นชิงจู๋อย่างนอบน้อม ทว่า อดเหลือบมองไปทางด้านในไม่ได้

เว่ยจงที่ยืนถือแส้อยู่ฝั่งตรงข้ามกระแอมออกมาเล็กน้อย จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “แม่นางชุนจือ…”

ชุนจือรีบหันหน้ากลับทันที นางค่อนข้างหวาดกลัวเว่ยจง

เว่ยจงยังกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม “ฝ่าบาททรงทนหนาวไม่ค่อยได้ แม่นางชุนจือกลับไปอุ่นเตียงให้ฝ่าบาทก่อนดีกว่า เมื่อฝ่าบาทกลับไปจะได้รู้สึกสบาย”

“เจ้าค่ะ” ชุนจือประสานมือสองข้างไว้ที่หน้าท้อง เมื่อทำความเคารพเสร็จจึงเดินจากไปทันที

บัดนี้โถงรับรองที่ที่สว่างด้วยแสงจากโคมไฟปิดสนิท เว่ยจงและเสิ่นชิงจู๋ยินเฝ้าอยู่คนละด้านของประตู องครักษ์ที่อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนพามาด้วยยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินเพราะเกรงกลัวรังสีที่เยือกเย็นยิ่งกว่าหิมะซึ่งออกมาจากร่างของเสิ่นชิงจู๋ บรรยากาศบริเวณนั้นเงียบสงัดดฮณ๊ฯดฯฌซ,

เซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าไม่ได้เจอกันนานไป๋ชิงเหยียนคงคิดถึงเขามาก อย่างน้อยเมื่ออยู่กันสองต่อสองก็ควรกล่าวถ้อยคำหวานต่อกันบ้าง

ทว่า เมื่อพบหน้ากันเซียวหรงเหยี่ยนถามถึงไป๋ชิงเหยียนและลูกได้ไม่กี่คำ หญิงสาวกลับหยิบม้วนไม้ไผ่ออกมากาง จากนั้นนั้นกวักมือเรียกเขาเข้าไปใกล้ หญิงสาวเอ่ยถามเรื่องการปกครองแบบประชาธิปไตยและสาธารณรัฐที่จีโฮ่วบันทึกไว้หลายคำถามติดต่อกัน

เซียวหรงเหยี่ยนถอดหน้ากากออก เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่กำลังชี้ตัวอักษรซึ่งบันทึกอยู่บนม้วนไม้ไผ่ด้วยท่าทีจริงจังท่ามกลางแสงไฟ ใบหน้างดงามของหญิงสาวเปล่งประกายท่ามกลางแสงไฟ โดยเฉพาะดวงตาคู่งามคู่นั้นเปล่งประกายราวกับแสงรุ้ง ช่างน่ามองจนถอนสายตาไปที่อื่นไม่ได้

เซียวหรงเหยี่ยนยิ้มพลางประคองให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าหญิงสาว เอื้อมมือไปลูบท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มจับที่วางแขนของเก้าอี้ทั้งสองข้างพลางลุกขึ้นยืน ใช้ปลายจมูกสัมผัสกับปลายจมูกของไป๋ชิงเหยียน จ้องมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่สะท้อนเด่นกลางแสงไฟนิ่งด้วยแววตาล้ำลึก น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา

“ไม่เจอกันนาน อาเป่าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับบันทึกของจีโฉ่วได้ยินเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนจึงเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่ม หญิงสาวได้สติขึ้นมาทันที

ไม่รู้เป็นเพราะแสงไฟหรือไม่ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าน้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากกว่าเดิมจนใจของนางเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้

ทั้งสองอยู่แนบชิดกันมาก ลมหายใจสอดประสานกัน หญิงสาวได้กลิ่นกายที่คุ้นเคยของชายหนุ่มอย่างชัดเจน ฝ่ามือของไป๋ชิงเหยียนคันยุบยิบ ใบหูแดงระเรื่อขึ้นทันที หญิงสาวพยายามควบคุมความเขินอายของตัวเอง มองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยท่าทีปกติ “ย่อมคิดถึงอยู่แล้ว”

เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัดเซียวหรงเหยี่ยนกุมมือไป๋ชิงเหยียนไว้หลวมๆ ก้มหน้าจุมพิตหลังมือของหญิงสาวเบาๆ จากนั้นจับมือของหญิงสาววางไว้บนบ่าของตัวเอง ก้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของหญิงสาว

เมื่อปลายจมูกของเซียวหรงเหยี่ยนสัมผัสกับปลายจมูกของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง หญิงสาวกลั้นลมหายใจ ยังไม่ทันจุมพิต หญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองไร้เรี่ยวแรงไปหมด

ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวเอื้อมมือไปกุมข้อมือหนาของเซียวหรงเหยี่ยน เงยหน้าตอบรับสัมผัสของชายหนุ่ม

ไป๋ชิงเหยียนกำลังตั้งครรภ์เซียวหรงเหยี่ยนจึงไม่กล้าจุมพิตอย่างดูดดื่ม เขาไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเด็กในท้องหรือไม่ กลัวว่าตัวเองจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้จนเผลอทำร้ายไป๋ชิงเหยียนและลูก