ตอนที่ 2407เค่อเอ๋อปรากฏตัว

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 2,407 : เค่อเอ๋อปรากฏตัว

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลย”

ได้ยินคำของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางยิ้มกล่าว “ในระนาบเซียนของข้า มีเพียงข้ากับสหายสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้”

“ดังนั้นเจ้าไม่ต้องงห่วงเรื่องที่จะมีใครนำทางคนของหรงปัวไปยังระนาบเซียนของข้าเพื่อล้างแค้น”

ครั้งนี้คนจากระนาบเซียนที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ นอกจากเขาแล้วก็มีคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เพียงหยิบมือเท่านั้น

ต่อให้ข่าวที่เขาฆ่าหรงปัวจะแพร่ออกไป และคนที่อยู่เบื้องหลังคิดฆ่าเขาล้างแค้นให้หรงปัว พวกมันก็ยากจะหาตัวเขาพบในแดนลับต่างสวรรค์อันกว้างใหญ่ไพศาล นอกจากนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเค้นความจากคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เพื่อหาที่ตั้งทางเข้าออกระนาบเซียน…

“อะไร?”

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงจางงยี่ หวังฉีกับหลิ่วเสวียก็ตกใจไม่น้อย

เพราะจากคำพูดเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน

หมายความว่ามีคนจากระนาบเซียนแค่ไม่กี่คนที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้!

“ต้วนหลิงเทียน กุญแจเปิดแดนลับต่างสวรรค์ของเจ้า…คงไม่ใช่กุญแจเปิดแดนลับต่างสวรรค์ดอกสุดท้ายที่พึ่งเปิดใช้งานหรอกนะ?”

จางยี่ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่ากุญแจเปิดแดนลับต่างสวรรค์ที่ข้าใช้มันใช่กุญแจดอกสุดท้ายที่เปิดใช้หรือไม่ แต่หลังจากที่ข้าเปิดใช้งานกุญแจบนระนาบเซียนข้า มันก็ปรากฏทางเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์และข้าก็เข้ามาในนี้ได้ทันที…”

สำหรับจางยี่ตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่คิดปิดบังเรื่องทั่วไป ต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

สำหรับเรื่องนี้แม้หวังฉีกับหลิ่วเสวียจะอิจฉาจางยี่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

เพราะสุดท้ายแล้วก็มีแค่จางยี่เท่านั้นที่ยืนหยัดข้างต้วนหลิงเทียนแม้ในห้วงเวลาแห่งความตาย

“ว่าแล้วเชียว!”

จางยี่พยักหน้า “ก่อนที่กุญแจเปิดทางเข้าแดนลับต่างสวรรค์ดอกสุดท้ายจะเปิดใช้งาน ถึงแม้กุญแจอีก 4 ดอกจะเปิดใช้ก่อน แต่ทางเข้าแดนลับต่างสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นจะถูกผนึกไว้ไม่ให้ใครเข้ามาได้น่ะ”

“มีเพียงกุญแจทั้ง 5 เปิดใช้หมดแล้วเท่านั้น ผนึกที่ขวางทางเข้าไว้ถึงจะเปิดออก”

จางยี่ตบมือดังฉาดกล่าวออก

“แบบนี้นี่เอง”

ได้ยินคำของจางยี่ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสงสัยก่อนหน้าก็ได้ถูกอธิบายทันที

ตอนแรกเขาเองก็สงสัยอยู่เชียว ว่าไฉนพอเขาเปิดใช้กุญแจแล้วถึงเข้ามาในนี้ได้ทันที รวมถึงมีคนอื่นๆจาก 4 ระนาบเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน

เขาเองก็งุนงงอยู่นานและหลงคิดไปไม่ได้ว่าอีก 4 ระนาบโลกียะที่เหลือจะบังเอิญเปิดใช้กุญแจพร้อมๆกันเลยเหรอ? เรื่องแบบนั้นมันน่าทึ่งนัก!

ทว่ามาตอนนี้ดูเหมือนผู้คนอีก 4 ระนาบอื่นได้ทำการเปิดใช้กุญแจมานานแล้ว

เพียงแค่ก่อนที่กุญแจทุกดอกจะถูกเปิดใช้ ทางเข้าแดนลับต่างสวรรค์จะถูกผนึกเอาไว้นี่เอง

“ถ้างั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระนาบอื่นๆจะมีผู้คนเข้ามามากมายแบบนี้…ที่แท้เป็นประตูทางเข้าถูกเปิดไว้เนิ่นนาน เพียงแค่ทางเข้ายังถูกผนึกเอาไว้นี่เอง…”

“แบบนี้ให้ปิดข่าวดีอย่างไร ร้อยถี่ย่อมมีหนึ่งห่าง…สักวันก็ต้องรั่วไหล! ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่จำนวนผู้ที่รู้ตำแหน่งทางเข้าแดนลับต่างสวรรค์ก็ยิ่งมีมาก…จากสิบเป็นร้อยจากร้อยเป็นพันสุดท้ายก็นับหมื่น…”

หนทางเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์นั้นสำคัญนัก ยิ่งเปิดไว้นานก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการพบเจอ

ยกตัวอย่างง่ายๆหากมีคนใช้กุญแจนี้มานานแล้ว แม้จะรู้ตำแหน่งแต่เข้าไปไม่ได้พวกมันก็ได้แต่จดจำตำแหน่งเอาไว้ก่อน

และถ้ามันใกล้ตายตกหรืออย่างไร ไม่พ้นมันต้องส่งต่อตำแหน่งทางเข้าแดนลับต่างสวรรค์ให้คนในขุมพลังทั้งครอบครัวตัวเองรับทราบ

เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครอยากให้ผลประโยชน์หลุดมือไป…

หากแต่ยิ่งผ่านไปนานเข้า คำกาลเวลาไร้ใดแน่นอนก็ไม่มีผิดเพี้ยน…ความลับใดๆก็ล้วนเสมือนเรื่องชวนหัวฉากหนึ่ง!

และอันที่จริงก็เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนเดาไว้ไม่มีผิด

ปัจจุบันผู้ที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ของระนาบอื่นนั้น ล้วนมาจากระนาบที่มีการเปิดใช้กุญแจไปก่อนทั้งสิ้น

ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ผู้คนในระนาบนั้นๆก็ล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของทางเข้าแดนลับต่างสวรรค์มากขึ้น ไม่นานหนทางเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรต่อไป

และเมื่อพวกมันทราบตำแหน่งที่ตั้งแล้ว พอพบว่าทางเข้าออกถูกผนึกยังไม่เปิด พวกมันก็เพียงทิ้งตราประทับหรือกลวิธีบางประการเอาไว้เพื่อแจ้งเตือนยามที่มันเปิดออก…

“ไปกันเถอะ”

ต้วนหลิงเทียนมองหุบเขาเบื้องล่างเล็กน้อย ค่อยหันไปกล่าวกับจางยี่

สำหรับหวังฉีกับหลิ่วเสวียนั้นเขาไม่เหลือบแลอะไร

“เอาสิ”

จางยี่พยักหน้าค่อยหันไปมองชวนหวังฉีกับหลิ่วเสวียข้างๆ “หวังฉี หลิ่วเสวีย พวกเราไปกัน”

หวังฉีกับหลิ่วเสวียรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้างเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะชายตาแลมาเพื่อชักชวน ทว่าพอได้ยินคำชวนของจางยี่พวกมันก็เร่งหันไปมองจางยี่พลางพยักหน้า แล้วติดตามมาทันที

พริบตาทั้ง 4 ร่างก็จมหายไปในม่านหมอกของหุบเขาเบื้องล่าง

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ กำลังล่วงล้ำเข้าสู่ม่านหมอกที่ปิดกั้นเซียนอมตะเสเพลนั้น

ที่ไหนสักแห่งของแดนลับต่างสวรรค์ ร่างชายชราที่กำลังเหินร่างข้ามพื้นที่ทะเลทรายพลันชะงักกลางหาว สีหน้ายังเปลี่ยนไปทันที

วูบ!

ขณะที่ชายชราชะงักร่างกลางหาวแล้ว มันก็ไม่รอช้าอะไรเร่งสะบัดมือ ก่อนปรากฏเศษแตกหักกองหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ เป็นกองไข่มุกวิญญาณที่แตกสลาย!

“นี่มัน…ไข่มุกวิญญาณของหรงปัว!!”

จังหวะนี้สีหน้าชายชราเปลี่ยนไปมหันต์ คำรามในลำคอเสียงต่ำอย่างดุร้าย “ผู้ใด! เป็นผู้ใดหาญกล้าฆ่าศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักห่านป่าของข้า!?!”

ชายชราที่กำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงผู้นี้ คือเซียนอมตะเสเพลจากระนาบคงสิงของหรงปัว

นอกจากนี้มันยังเป็นชนชั้นอาวุโสผู้เฒ่าของสำนักห่านป่า อันเป็นต้นสังกัดของหรงปัวอีกด้วย!!

ถึงแม้ว่ามันกับหรงปัวจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด…

แต่ในฐานะอาวุโสผู้เฒ่าของสำนักห่านป่า เมื่อได้รู้ว่ารุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดและเป็นความหวังของสำนักมันถูกฆ่า ไหนเลยมันจะไม่มีโมโหได้!

ต้องทราบด้วยว่าศิษย์ที่โดดเด่นเช่นหรงปัวนั้น สำนักห่านป่ามันเพียงพบพานได้ในรอบพันปี!

ทว่าตอนนี้ศิษย์ประเสริฐเช่นนั้นกลับถูกฆ่าตายแล้ว!!

ขณะเดียวกันในสถานที่ต่างๆที่อยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ ก็มีผู้ที่ตระหนักได้ว่าไข่มุกวิญญาณของหรงปัวแตกออกมากมาย

ในบรรดาผู้คนเหล่านี้รูปลักษณ์มีทั้งชายหนุ่มหญิงสาว ไม่เว้นกลางคนและผู้ชรา

อย่างไรก็ตามผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นเซียนอมตะเสเพลที่มาจากระนาบคงสิงเหมือนกันทั้งสิ้น

“ไอ้หนุ่มชุดม่วงผู้นี้เป็นใคร!?”

ขณะเดียวกันเหล่าเซียนอมตะเสเพลของระนาบคงสิงหลายคน ก็กำลังชมมองฉากเรื่องราวดั่งภาพยนตร์บนม่านแสงที่ฉายขึ้นกลางอากาศ

ฉากเรื่องราวในนั้นย่อมเป็นฉากเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าหรงปัวกับเฝิงหม่าน!

เหล่าเซียนอมตะเสเพลของสำนักห่านป่ามองจ้องร่างต้วนหลิงเทียนในม่านแสงตาเขม็งราวกับจะสลักทุกรายละเอียดลงในใจ

ในขณะที่เหล่าคนของสำนักห่านป่าของระนาบคงสิงกำลังเดือดเป็นฟืนไฟเพราะหรงปัวถูกฆ่าตาย และคิดใคร่หาตัวผู้ลงมือว่าเป็นใครแล้วจะล้างแค้น 9ชั่วโคตรนั้น!

“ฝะ…เฝิงหม่าน ถูกฆ่าตายแล้วจริงๆ?!”

เหล่าเซียนอมตะเสเพลของระนาบคงสิงที่อยู่ในแดนลับต่างสวรรค์กลุ่มอื่นๆก็หน้าเสียไปเป็นแถบ หากแต่เซียนอมตะเสเพลเหล่านี้มิใช่คนของสำนักห่านป่าไม่ แต่เป็นคนของอีกขั้วอำนาจของระนาบคงสิง!ในมือพวกมันล้วนถือไว้ด้วยไข่มุกวิญญาณที่แตกเป็นเสี่ยงกองหนึ่ง!!

ดุจเดียวกับหรงปัว

ลูกแก้ววิญญาณของเฝิงหม่านนั้นได้ถูกแจกจ่ายให้เหล่าคนในต้นสังกัดของมันทุกคนที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์

ทว่าฉากสะท้อนห้วงเวลาสุดท้ายที่เฝิงหม่านถูกฆ่าตาย ผู้ที่ได้แลเห็นมีแต่เหล่าเซียนอมตะเสเพลชนชั้นยอดฝีมือของขุมพลังต้นสังกัดมันเท่านั้น

“สารเลวน้อยน่าตายผู้นี้! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดยิ่งใหญ่มาจากไหนแต่ในเมื่อเจ้าหาญกล้าฆ่าศิษย์อัจฉริยะยากพบพานในรอบหมื่นปีของนิกายข้า เจ้าต้องตายไร้ที่ฝัง!!”

มองไปยังม่านแสงที่กำลังฉายภาพเรื่องราวการลงมือสังหารเฝิงหม่านของชายหนุ่มชุดม่วง เหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนที่ร่อนเร่ไปในแดนลับต่างสวรรค์พลันสบถออกมาด้วยอาฆาตเสียงเย็น บรรยากาศรอบกายยังเริ่มปริแตกด้วยไอพลังเกรี้ยวกราด

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย

ว่าตอนนี้เขาได้ตกเป็นเป้าของเซียนอมตะเสเพลอันทรงพลัง 2 กลุ่มที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

แต่เป็นธรรมดาว่าถึงจะรู้เรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่แยแสมันอยู่ดี

ก็อย่างที่เขาบอกจางยี่ไว้ก่อนหน้า

แดนลับต่างสวรรค์กว้างใหญ่ไพศาลนัก คนจากขุมพลังของหรงปัวและเฝิงหม่านจะไปตามหาเขาที่ไหน?

นอกจากนี้ต่อให้คนในขุมพลังของหรงปัวและเฝิงหม่านสืบจนรู้ว่าเขามาจากระนาบเซียนมันก็เท่านั้น พวกมันยังจะหาทางไประนาบเซียนของเขาได้หรือไง?

ดังนั้นเขาไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย

และต่อให้พบเหตุเปลี่ยนแปลง จนต้วนหลิงเทียนพบคนจากขุมพลังต้นสังกัดหรงปักับเฝิงหม่านจริง เขาต้องกลัวพวกมันด้วย?

ต้องทราบด้วยว่าอาศัยทุกสิ่งที่มีตอนนี้ หากต้วนหลิงเทียนใช้ออกเต็มกำลัง ด้วยมีกระบี่เซียนอมตะในมือให้ศัตรูเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ เขาก็ไม่กลัว!

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นพลังรบในปัจจุบันของเขาเท่านั้น!

ยังจะมีผู้ใดกล้าพูด…ว่าหากเวลาผ่านไปพลังต่อสู้ของเขาจะไม่ก้าวหน้าขึ้น?

ที่ไหนสักแห่งในแดนลับต่างสวรรค์

ฟุ่บบ!!

ปรากฏร่างบางหนึ่งขึ้นเหนือน่านฟ้าแถบภูมิประเทศหุบเขาอันแห้งแล้ง และยามเมื่อร่างบางนี้ปรากฏขึ้น ก็เสมือนทิวทัศน์โดยรอบจำต้องหม่นหมองลงหลายส่วน

นั่นเพราะเจ้าของเงาร่างอรชรนี้ กลับมีรูปโฉมงามล้ำสะกดใจนัก! อีกทั้งความรู้สึกท่วงท่าที่แผ่ออกยังให้บรรยากาศราวกับนางฟ้านางสวรรค์ที่หลุดพ้นโลกีย์วิสัยจากสวรรค์ชั้นฟ้ามาเยือนแดนดิน!!

เส้นผมสีดำขลับทอดยาวลงไปกลางหลังดั่งม่านน้ำตก ใบหน้ากระจ่างไร้ที่ติยากที่ใครมองแล้วจะละสายตาออกมาได้

อีกทั้งรูปร่างอ้อนแอ้นอรชนของนาง ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวด้วยอากัปกิริยาใดก็แลดูสง่างามทั้งตราตรึงนัก

“สวรรค์ ช่างเป็นสตรีที่งดงามเลิศภพจบแดนอะไรเช่นนี้!”

“มารดาของเรา! ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาทั้งท่าทางของนางช่างงดงามสมบูรณ์แบบยิ่ง…คำไร้ที่ติเป็นเช่นไรวันนี้ข้าได้รู้แจ้งแล้ว! มิทราบจริงๆว่าเทพธิดานางนี้ใช่มาจากระนาบเหยียนหวงของพวกเราหรือไม่?”

ห่างออกไปไม่ไกล มีร่างชายหนุ่ม 2 คนที่หยุดค้างกลางหาว และพากันเหม่อมองร่างงามที่กำลังเหินผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย สติสตังราวถูกกระชากออกจากร่าง

หลังจากนั้นไม่นานในแววตาของมันก็เต็มไปด้วยความปรารถนาอันร้อนแรงนัก!

ยังเป็นความปรารถนาอยากครอบครอง!

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

จากนั้นไม่นานร่างชายทั้ง 2 ก็เหินไปขวางร่างบางอันงดงามไร้ที่ติอย่างไม่รอช้า!

สตรีนางนี้มิใช่ใครอื่นหากแต่เป็น เค่อเอ๋อ ที่พุ่งเข้าแดนลับต่างสวรรค์ตามต้วนหลิงเทียนมา…

เป็นเวลาครึ่งปีแล้วที่เค่อเอ๋ออยู่ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้

ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา นางใช้มันไปกับการตามหาต้วนหลิงเทียนและคนของ 7 ทวราเที่ยงแท้คนอื่นๆ

‘หือ?’

เมื่ออยู่ดีๆก็เห็นร่างบุรุษสองคนพุ่งมาดักหน้าขวางทางเอาไว้ แม้โดยพื้นฐานแล้วเค่อเอ๋อจะเป็นสตรีใจดีอ่อนโยน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเผยทีท่าไมพอใจอยู่บ้าง

ถึงแม้ตลอดครึ่งปีที่ผ่านนางจะพบพานสถานการณ์เช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่นางก็มิอาจคุ้นชินกับมันได้จริงๆ…