บทที่ 1073 กลับบ้าน
บทที่ 1073 กลับบ้าน
รถไฟมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกคนต่างคึกคักกันมาก
เพราะเรากลับไปพร้อมกับเรื่องรื่นเริง จึงมีความสุขอยู่แล้ว
หลังจากกินดื่มกันยังสนุกสนาน การเดินทางมาถึงสถานีรถไฟประจำอำเภอ
วันนี้เป็นวันที่ 23 ทุกคนขนข้าวของลงจากรถ
ไม่ได้กลับมานานมีการเปลี่ยนแปลงเยอะเลย แม้จะไม่ถึงขนาดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดี
หลี่จู้จื่อขับรถแทรกเตอร์มารับ
ภรรยาชายหนุ่มเป็นคนรอบคอบและมีน้ำใจมาก เธอปูเสื่อและผ้านวมอีกสองผืนทับบนพ่วงท้าย
“ทำไมเอาขึ้นมาเล่า ผ้าห่มดี ๆ แบบนี้ก็สกปรกเอาน่ะสิ!” คุณย่าซูตกใจ
“ป้าไม่ต้องห่วงนะครับ สกปรกก็ไม่เป็นไรหรอก เรามีปลอกผ้านวมด้วย ซักเอาก็ได้”
หลี่จู้จื่อยิ้มดีใจขณะช่วยขนสัมภาระ
“วันนี้อากาศหนาวมากเลยครับ ถ้าไม่ห่มผ้าจะแข็งก่อนถึงบ้านนะ”
“ภรรยาเธอใส่ใจเหมือนกันนะ” ซูเถาฮวาแย้มยิ้ม
“จริงครับพี่เถาฮวา เธอเป็นภรรยาที่ดีนะ ถึงจะฉุนเฉียวไปบ้าง แต่อย่างอื่นก็พึ่งพาได้”
ทุกคนได้ฟังพลันรู้สึกได้ว่าสองคู่นี้มีชีวิตที่ดีมาก
การเดินทางนั่งรถแทรกเตอร์ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจะเดินทางไปถึงหนานหลิ่ง
เมื่อถึงจุดหมาย ซูเสี่ยวเถียนก็กระโดดลง พร้อมกับลูบก้นทันที “ถนนเรายังไม่ถือว่าดีนะเนี่ย ไว้มีเงินเมื่อไรจะเอามาสร้างให้เอง”
ทุกคนหัวเราะครืน
“ก็จริงนะ มีมันประโยคหนึ่งที่เขาพูดว่าอะไรนะ? ถ้าอยากรวยต้องสร้างถนนก่อน!*[1] แล้วถนนเราก็ไม่ได้ดีเลิศเลยด้วย”
ในฐานะคนที่ใช้ชีวิตกับความกันดารนี้มานาน หลี่จู้จื่อจึงรู้ซึ้งดี
“แต่ระยะไกลเนี่ยสิ แถมไม่ดีเท่าที่เราใช้ทุกวันอีก โชคลาภหายหมด”
หลายปีมานี้หาเงินยากขึ้นเพราะปัญหาตรงนี้นี่แหละ
“อาสี่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าโรงงานเราหาเงินได้เหมือนเราสร้างถนนได้แน่นอน!”
ซูเสี่ยวเถียนกระโดดไปมาไล่ความเมื่อยล้า ขณะหัวคิดถึงอนาคตข้างหน้า
“เธอยังไม่เห็นฟาร์มหมูสินะ เลี้ยงดิบเลี้ยงดีเชียวละ พวกไก่ก็เริ่มวางไข่กันแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนอาเพิ่งเอาไปส่งในอำเภอเนี่ย!”
พอพูดถึงเรื่องนี้จู้จื่อก็มีความสุขทันที
ชีวิตเขาดีขึ้น แต่ชีวิตคนในหนานหลิ่งกลับไม่สู้ดีนัก
เพราะแบบนี้เลยโดนวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย
โชคดีที่ตอนนี้ทุกคนมีความหวังในการหาเงินแล้ว หลังจากนี้คงไม่พุ่งเป้ามาที่เขาแล้วละ
ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยหรอก แต่ธุรกิจที่ทำอยู่ทำได้แค่คนเดียวเนี่ยสิ
ถ้าร่วมกันทำก็ไม่ได้เงินเสียที
รากเหง้าเราอยู่ที่หมู่บ้าน หลี่จู้จื่อจึงจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้านเอาไว้
ช่วงนี้เลยพยายามช่วยเท่าที่จะทำได้
“คงจะดีถ้าฟาร์มเพาะพันธุ์ก่อนหน้านี้เราดำเนินการได้เนอะ หมู่บ้านคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก!”
พูดเรื่องนี้แล้วหวังเซียงฮวาก็ได้แต่เสียใจ
ตอนแรกตนตั้งใจจะต่อสัญญารับช่วงฟาร์มเอง แต่กลับต้องล้มเลิกเพราะเถียนเสี่ยวเหอ
และไม่คิดเลยว่าฟาร์มที่อุตส่าห์ตรากตรำทำมาจะโดนทำลายจนย่อยยับในเวลาอันแสนสั้น
“รองผู้อำนวยการฟาร์มของเราตอนนี้เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลฉางน่ะ เธอแต่งงานกับคนในหมู่บ้าน ความสามารถเป็นที่เลื่องลือมาก” หลี่จู้จื่อเอ่ย “ก่อนหน้านี้เธอก็เคยทำงานกับพี่สะใภ้ด้วยนะครับ”
“ใช่ ๆ เธอตั้งใจทำงานมากเลย ดูแลไก่กับหมูอย่างดี”
หวังเซียงฮวาตอบขณะขนสัมภาระทั้งหมดลงจากรถ
คนในบ้านได้ยินความเคลื่อนไหวข้างนอกจึงเดินกันออกมา
ฉีเหลียงอิงและซูเหล่าเอ้อร์กลับมาถึงเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้เตาไฟในบ้านและใต้เตียงถูกจุดไว้เรียบร้อย
ถึงไม่มีคนอาศัยมานานกว่าสองปี แต่หลังจากทำความสะอาดเก็บกวาดอย่างดีจึงไม่รู้สึกรกร้างอีกต่อไป
เพราะรู้วันเวลาที่จะกลับ หลาย ๆ คนที่สนิทกันจึงมารอจนเต็มห้องหลัก
จากนั้นเราจึงขนย้ายข้าวของเข้าบ้าน
คุณปู่ซูเห็นหลายคนรีบวิ่งออกมาทักทาย
“ไม่เจอกันตั้งสองปี ทำไมแกดูแข็งแรงขึ้นเนี่ย?” ปู่เจ็ดทอดถอนหายใจเมื่อเห็นอีกฝ่าย
ทั้งสองอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เติบโตมาด้วยกัน แต่ตอนนี้เหมือนปู่เจ็ดจะดูแก่กว่าคุณปู่ซูเยอะ
ชายชราลูบเคราด้วยนึกสงสัยว่า เพราะไม่ได้ลำบากหรือเปล่าเลยดูแข็งแรง
ซูเสี่ยวเถียนลอบยิ้ม
ถามว่าทำไมน่ะหรือ เพราะว่าเธอใช้วัตถุดิบยาคุณภาพสูงจากระบบเพื่อดูแลเองไม่ใช่หรือไงล่ะ?
ถ้าเธออยู่บ้านจะทำอาหารบำรุงไว้ดูแลคนที่บ้านเสมอ
ครั้งหรือสองครั้งอาจไม่ได้ผลมากหรอก แต่ถ้ากินบ่อย ๆ มันจะรู้ได้เอง
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะแหล่งน้ำผืนดิน*[2] ของเมืองหลวงนะ” สุดท้ายปู่เจ็ดก็หาเหตุผลให้ได้เท่านี้
เมืองหลวงเป็นดินแดนของจักรพรรดิ ได้รับพลังของมังกร แล้วจะไม่หล่อเลี้ยงผู้คนได้ยังไง?
ซูเถาฮวาและเสิ่นจื่อเจินเข้าไปทักทายผู้อาวุโสเช่นกัน
เมื่อเห็นฝ่ายหญิงก็ได้แต่ทอดถอนใจ และพร่ำรำพันว่าเถาฮวาดูสาวกว่าตอนอยู่หมู่บ้านอีก ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นคุณย่าแล้ว
และการสรรเสริญเสิ่นจื่อเจินผู้เป็นเสาหลักของประเทศและทำงานหนักเพื่อเกษตรกรไม่ใช่เรื่องยาก
บางคนเตือนให้เขารักษาสุขภาพด้วย
เสิ่นจื่อเจินตอบรับแล้วสอบถามเรื่องพืชผลของหมู่บ้าน รวมถึงปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
หลังจากพูดคุยอยู่สักพักก็เริ่มคุยเรื่องการแต่งงานระหว่างซูเสี่ยวเฉ่าและซูซานกง
ว่ากันว่าเด็กสองคนนี้เป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมา
สำหรับคนชนบทไม่มีคำไหนไพเราะได้เท่านี้แล้วละ และคุณปู่คุณย่าก็ดีใจที่ได้รับมาก
บางคนทอดถอนใจ เด็กที่เฝ้าดูแลมาตั้งแต่เล็กแท้จริงแล้วไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของซูฉางจิ่ว
ทั้งยังบอกเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก เพราะซูฉางจิ่วเลี้ยงดูมาหลายปี จึงรักเด็กคนนี้และสนับสนุนจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้
เมื่อเอ่ยถึงเด็กแล้ว ก็ต้องกล่าวถึงตัวอาจารย์เซี่ยหนาน
[1] อยากรวยต้องสร้างถนนก่อน หมายความว่า การคมนาคมที่สะดวกคือหนทางสู่ความร่ำรวย เนื่องจากสิ่งนี้สามารถขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้
[2] แหล่งน้ำผืนดิน หมายถึง สังคมวัฒนธรรมที่ต่างกัน จึงทำให้ความคิดและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป