บทที่ 1074 บทส่งท้ายของปี

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1074 บทส่งท้ายของปี

บทที่ 1074 บทส่งท้ายของปี

เซี่ยหนานมาเยือนหมู่บ้านอยู่สองครั้ง

รอบก่อนไม่มีใครสังเกตการมาถึงของเธอ

แต่คราวนี้ต้องมาอยู่หลายวัน หลังจากซูฉางจิ่วกับภรรยาบอกว่าเธอคือแม้แท้ ๆ ของซูเสี่ยวเฉ่า หลายคนจึงรู้จัก

เซี่ยหนานเป็นคนสุภาพมากและเข้ากับคนในหมู่บ้านได้ดี

แถมตัวเธอเองยังประทับใจชาวบ้านด้วย เพราะได้ยินลูกสาวบอกเล่าถึงความเมตตาของพวกเขาบ่อย ๆ

หรือไม่ก็เสิ่นจื่อเจินและนักวิชาการท่านอื่น ๆ ก็สร้างอิทธิพลไว้ไม่น้อย หรืออาจจะลูกหลานตระกูลซูได้ดิบได้ดีหลังจากเรียนจบไป

ชาวบ้านเลยเคารพนักวิชาการเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้เองเลยทำให้เซี่ยหนานสนิทกับทุกคนมากขึ้น

ซูเสี่ยวเถียนนั่งอยู่ข้างเตา ผิงไฟให้ความอบอุ่นและฟังบทสนทนาอยู่เงียบ ๆ

นึกห่วงอยู่ว่าอาจารย์จะปรับตัวเข้าหาคนอื่นได้หรือเปล่า

เพราะท่านเป็นคนนิ่ง ๆ เข้าหาคนอื่นไม่เก่ง

แต่ไม่คิดว่าอาจารย์ที่ตั้งใจสอนอย่างจริงจังจะเข้ากับทุกคนได้ ทั้งยังได้รับการยกย่องอีกต่างหาก

อาจารย์คนอื่นมาเห็นจะตกใจกันไหมหนอ?

เหล่าสะใภ้ของตระกูลซูเข้าครัวทำอาหาร

ซูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกว่านั่งรถนานไปหน่อยเลยไม่อยากกินอะไร จึงวางมันฝรั่งและมันเทศย่างไว้ในเตารอกินทีหลัง

ทุกคนรู้งานดี พอใกล้ถึงเวลากินข้าวแล้ว จึงแยกย้ายกันกลับ คุณปู่เองคงรับแขกไม่ไหวเช่นกัน

คุณย่าซูถาม “เมื่อก่อนบ้านเราลำบาก อาหารอะไรก็ขาดแคลน แต่เดี๋ยวนี้จะอยู่กินด้วยกันสักมื้อไม่ได้เรอะ! ทำไมรีบกลับกันหมดเลยเล่า?”

สองสามีภรรยาเสิ่นอยู่ต่อเพราะขี้เกียจกลับไปทำอาหาร จึงอยู่กินข้าวด้วย

หญิงชราตอบรับทันที

ทีแรกคิดว่าหลังมื้ออาหารจะได้พักผ่อน แต่กลายเป็นว่ามีคนมาหากันเพียบ ตอนนี้ผู้อาวุโสจึงกลับไปพักผ่อน ส่วนเด็ก ๆ ก็มาหากันแทน

ส่วนซูซานกงออกไปไหนไม่รู้

หวังเซียงฮวาดุทั้งรอยยิ้ม “ได้เมียแล้วลืมแม่ไงละ ออกไปหาเสี่ยวเฉ่าที่บ้านผู้ใหญ่บ้านนั่นน่ะ”

แม้จะเป็นประโยคตำหนิ แต่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความรักในน้ำเสียง

หวนถึงวันคืนเก่า ๆ เวลาล่วงเลยมาจนถึงสี่ทุ่ม แขกเหรื่อกลัวเจ้าของบ้านเข้านอนช้าเลยรีบกลับ

ตระกูลซูนำของมาฝากเพียบเลย แต่เวลากระชั้นชิดไปหน่อยเลยตั้งใจว่าจะเอาไปแจกพรุ่งนี้แทน

สามีภรรยาเสิ่นแยกย้ายกลับบ้านด้วย ทุกคนต่างเดินทางมาเหนื่อย ๆ จึงแยกย้ายเข้านอน

ส่วนซานกงกลับมากี่โมงไม่มีใครรู้

ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันรุ่งขึ้นตระกูลซูตื่นแต่เช้า

รอบนี้ครอบครัวซูโส่วเวินไม่ได้มาด้วยเพราะลูกยังเด็ก

ส่วนคนอื่น ๆ มาพร้อมกันหมด บ้านจึงคึกคักและมีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน

สิ่งแรกที่ทุกคนทำหลังจากตื่นนอนคือทำความสะอาดบ้านและตกแต่งบ้านใหม่

อย่างที่คาด บ้านซูเถาฮวามาช่วยด้วยอีกแรง

หลี่จู้จื่อและภรรยามาสายกว่าหน่อย

แล้วก็มีคนเดินทางมาหา บางส่วนสนิทกับผู้ใหญ่ บางส่วนสนิทกับลูกชายบ้านนี้

แต่ก็มีบางส่วนที่มาเพราะชื่อเสียงของเรา

บ้านใหม่จะเป็นบ้านลูกชายตระกูลซูไว้นอน

ส่วนหลานชายไปนอนที่บ้านหลังเก่าของซูเถาฮวาแทน

คนเยอะงานย่อมเสร็จไว ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างเกือบจะเสร็จแล้ว

ซูเสี่ยวเถียนมองกลุ่มคนในห้อง พลันรู้สึกเหมือนบ้านเล็กไปหน่อย

“คุณปู่ บ้านเราเล็กไปหน่อยไหมคะ อนาคตกลับมาอีกคงอยู่ไม่พอแล้วนะ”

ไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้นะ แต่พอพี่ ๆ แต่งงานมีลูก ห้องแค่นี้ไม่พอให้เราอยู่กันหรอก

คุณปู่ซูคิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ทุกคนอยู่เมืองหลวงกันหมดเนี่ยสิ ถ้าจะสร้างใหม่ก็ไม่ค่อยคุ้มหรอก

“ก็เล็กอยู่นะ แต่เพื่อให้ซานกงแต่งงานเราเลยต้องไปนอนที่บ้านป้าเถาฮวาไง” ซูเสี่ยวซื่อแสดงความเห็น

เด็กสาวรู้สึกว่าถ้าปู่ย่าอยากกลับมาหลังเกษียณ บ้านเราตอนนี้อยู่ไม่ไหวหรอก

เพราะเป็นบ้านแบบเก่าอยู่มาหลายปี โครงสร้างเป็นแบบดินและไม้ เก่าไม่พอประสิทธิภาพการทนต่อความร้อนยังไม่ดีอีก

ทางที่ดีปรับปรุงสักหน่อยให้เป็นสไตล์อาคารตะวันตกก็ดีนะ

ผู้ใหญ่และหลานชายต้องมีห้องเป็นของตัวเอง

อย่างน้อยไว้ให้หลานชายหลานสาวคนละห้องด้วย

พอคำนวณแบบนี้ปุ๊บ ก็ไม่พอจริง ๆ นั่นแหละ

ถามลุงฉางจิ่วดีไหมนะว่ามีที่ดินปลูกบ้านอีกหรือเปล่า?

เวลากลับมาจะได้ไปบ้านใครบ้านมัน

ให้มารวมตัวกันทุกคนคงลำบากแย่

หลังจากแยกครอบครัวไปแล้ว เราก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันอีกต่อไป หากต้องมาอยู่ร่วมกันต้องมีเรื่องบาดหมางไม่น้อยแน่

เรื่องบ้านตัวเองเป็นยังไงเขารู้ดี คุณปู่เข้าใจที่หลานสาวจะสื่อ

เลยลังเลหากต้องซ่อมแซมบ้าน

แล้วถ้าจะทำก็ต้องยิ่งใหญ่อีก ไม่รู้ค่าใช้จ่ายพอไหม

ส่วนลูกชายทั้งสามไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว

เพราะเป็นเรื่องของรุ่นหลานแล้ว

“เสี่ยวเถียน เรายังไม่มีแผนกลับมาเดี๋ยวนี้อยู่รวมกันไปก่อนนะ!”

ถ้าภรรยาซานกงไม่ใช่เสี่ยวเฉ่า เราคงไม่กลับมาหรอก

แล้วอนาคตหลานคนอื่น ๆ คงจะได้ภรรยาเป็นคนต่างที่แน่

ตอนนี้ยังไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้า

แม้ใจคิดจะสร้างบ้านให้ปู่ย่า

แต่คงต้องรออีกสองสามปีนู่นแหละ

“พ่อ ถึงจะยังไม่ทำ แต่เรายื่นเรื่องขออนุมัติที่ดินสร้างบ้านก่อนได้นะ” ซูเหล่าต้าว่า

ถ้าไม่ได้ไปอยู่เมืองหลวงก็อาจได้รับการอนุมัติไปตั้งนานแล้วละ

กลับมาทั้งที่จัดการเรื่องนี้เลยแล้วกัน

นโยบายเริ่มเข้มงวดแล้ว อนาคตการดำเนินงานอาจลำบากขึ้น

คุณปู่ซูพยักหน้า

“ก็จริงนะ พวกท่านสามคนแยกบ้านกันแล้วด้วย ยื่นเรื่องไว้ก็เหมาะอยู่”

“ได้ครับ ไว้ปีใหม่เดี๋ยวไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านดู”

ซูเสี่ยวเถียนเดินไปหา “พ่อใหญ่ ตอนไปทำเรื่องขยายความไว้อีกด้วยนะคะ เพราะพวกพี่ ๆ โตแล้ว อยู่รวมกันไม่ไหวหรอกค่ะ”

ซูเหล่าต้าจ้องเขม็ง “พ่อโตขนาดนี้ไม่รู้ได้ยังไงล่ะเนี่ย?”

อนาคตลูกเราคงไม่กลับมาที่หมู่บ้านหรอก แต่ทำทิ้งไว้ก็ไม่มีปัญหา

“พ่อใหญ่ เราสร้างคนละหลังในนามเราเลยไหมครับ!”

ซูเสี่ยวซื่อได้ความคิดขึ้นมา เพราะบ้านเราก็เหมือนบ้านคนอื่น ๆ นั่นแหละ มีลูกเยอะแยะ ครอบครัวเขามีพี่น้องตั้งสี่คน

ซูเหล่าต้าดุ “คิดอะไรอยู่น่ะ หมู่บ้านหนึ่งเพิ่งจะมีที่ดินเท่าไรเอง? นี่คิดจะยื่นเรื่องสร้างเลยหรือ? ลุงฉางจิ่วได้ใช้หนังสือพิมพ์ทุบหัวแน่!”

ชายหนุ่มลูบหัวป้อย ๆ ไม่พูดอีกต่อไป

พอนึกถึงซูฉางจิ่วขึ้นมา ซูเหล่าต้าก็เหมือนคิดอะไรออก