ตอนที่ 2412ครึ่งก้าวเซียนอมตะเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล7ทัณฑ์

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 2,412 : ครึ่งก้าวเซียนอมตะ เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์?

ก่อนหน้าตอนได้ยินจางยี่บอกว่าในแดนลับต่างสวรรค์คราวนี้ มีอัจฉริยะคนที่ร้ายกาจไม่ต่างอะไรจากอัจฉริยะจากหมู่บ้านเกาเหล่า ต้วนหลิงเทียนก็พูดไม่ออก…

ทว่าพอได้ยินคำ ฮัวกั่วซาน ออกมาต้วนหลิงเทียนก็ถึกับต้องอึ้งไปทันที!

(ฮัวกั่วซาน = ภูเขาผลไม้และดอกไม้)

“นับว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องร้ายกาจไม่ทิ้งกันจริงๆ…”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางยิ้มเจื่อนๆ

“ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะเคยได้ยินเรื่องฮัวกั่วซานมาด้วยสินะ?”

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จางยี่จะรู้ได้ว่าต้วนหลิงเทียนรู้จักฮัวกั่วซาน! หาไม่แล้วไฉนยังกล่าวคำ ศิษย์พี่ศิษย์น้องร้ายกาจไม่ทิ้งกัน?!

ต้องรู้ด้วยผู้ก่อตั้งฮัวกั่วซานกับหมู่บ้านเกาเหล่าสนิทกันไม่ต่างใดจากพี่น้อง!

ทั้งคู่แม้ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่ก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน!

แต่เมื่อจางยี่รู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนเคยถือครองเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็ไม่แปลกอะไรที่ต้วนหลิงเทียนจะมีโอกาสได้สนทนาเรื่องราวกับวิญญาณประจำเจดีย์อย่างอีกาทองคำ 3 ขา

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะรู้เรื่องของระนาบเหยียนหวงหรือดาวเหยียนหวงบ้างมันก็ไม่แปลกใจอะไรอีก

“อืม ข้าเคยได้ยินผู้เฒ่าหั่วพูดถึงน่ะ”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าและ ‘โยนหม้อก้นดำ’ ไปให้ผู้เฒ่าหั่ว เรียกว่าหลังจากนี้หากเป็นความรู้ของดาวเหยียนหวงเขาจะโยนให้ผู้เฒ่าหั่วทั้งหมด!

“จากที่ผู้เฒ่าหั่วเคยเล่าให้ฟัง ฮัวกั่วซาน เคยปรากฏตัวตนที่โดดเด่นมาก…เห็นว่าตัวตนดังกล่าวเรียกว่าราชาวานร!”

“หากข้าเดาไม่ผิด ผู้ที่ก่อตั้งฮัวกั่วซันก็คือราชาวานรผู้นั้นใช่หรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนถามจางยี่

“ใช่แล้ว”

จางยี่พยักหน้ากล่าวว่า “ไม่ว่าจะฮัวกั่วซานก็ดี หมู่บ้านเกาเหล่าก็ดี แต่ก่อนล้วนอยู่ในดาวเหยียนหวงทั้งสิ้น…อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ฝึกตนมีจำนวนมากเข้า พลังวิญญาณฟ้าดินบนดาวเหยียนหวงก็เริ่มร่อยหรอ สุดท้ายก็ไม่อาจรั้งอยู่เพราะไร้หนทางก้าวหน้า”

“กล่าวได้ว่าเมื่อผู้ฝึกตนของดาวเหยียนหวงเริ่มอพยพเข้าสู่ท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวเพื่อหาที่พักใหม่…ทั้งผู้คนของหมู่บ้านเกาเหล่ารวมถึงเหล่าลิงจ๋อของฮัวกั่วซาน ก็ทำเหมือนขุมพลังอื่นๆในดาวเหยียนหวง เดินทางเข้าสู่ท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวอันไร้ขอบเขต…”

“และไม่ว่าจะเป็นฮัวกั่วซานหรือหมู่บ้านเกาเหล่า ก็ไม่ต่างใดจากสำนักเทียนซือของข้า พวกเรามีมรดกตกทอดกันมาอย่างยาวนาน…แน่นอนว่ามีขุมพลังในระนาบเหยียนหวงมากมายที่ร้ายกาจนัก แต่ก็ยากจะเทียบกับพวกเราได้”

จางยี่กล่าวต่อ

“ในหมู่บ้านเกาเหล่ากับฮัวกั่วซาน ล้วนมีครึ่งก้าวเซียนอมตะที่พลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ดำรงอยู่…”

ต้วนหลิงเทียนมองถามจางยี่ “แล้วในสำนักเทียนซือของเจ้าเล่าจางยี่ มียอดอัจฉริยะครึ่งก้าวเซียนอมตะที่อายุน้อยกว่าร้อยปีหรือไม่?”

“มี 2 คน”

จางยี่พยักหน้าตอบคำ ก่อนที่แววตาจะเผยประกายคมกล้ากล่าวออก “พลังฝีมือของทั้งคู่มิใช่อะไรที่ครึ่งก้าวเซียนอมตะธรรมดาจะเทียบได้…หากทว่าเทียบกับยอดฝีมือของฮัวกั่วซานกับหมู่บ้านเกาเหล่าแล้ว ยังคงด้อยกว่า…”

“อย่างไรก็ตามแม้ทั้งคู่จะมีพลังฝีมืออ่อนด้อยกว่า แต่พลังฝีมือก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์”

จากนั้นสีหน้าอารมณ์จางยี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นท่าทีผิดแปลกไปของจางยี่ทันที จึงอดถามออกมาไม่ได้ “เจ้า…ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจอัจฉริยะทั้ง 2 ของสำนักเทียนซือเจ้าเท่าไหร่สินะ?”

“ใช่”

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน จางยี่ก็ไม่คิดปิดบัง กล่าวเล่าออกมาด้วยสีหน้าท่าทีมีโมโห “ข้าไม่ชอบขี้หน้าพวกมัน! อันที่จริงตอนแรกข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพวกมันหรอก แต่มีครั้งหนึ่งที่พวกมันพี่น้องมาลัดคิวเพื่อชิงภารกิจหนึ่งไปจากข้า จึงทำให้มีเรื่องขัดใจกันขึ้น…หลังจากนั้นเป็นต้นมาพวกมันก็เริ่มหาทางกลั่นแกล้งข้า”

“หากข้าไม่เจอหน้าพวกมันก็แล้วไป…แต่ถ้าโชคร้ายเจอหน้าพวกมันๆก็หาเรื่องรังแกข้าทุกที แล้วแต่ละทีก็ไม่ใช่เบาๆ…”

แม้วาจาท้ายประโยคของจางยี่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนหรือหลิ่วเสวีย ย่อมสัมผัสได้ถึงความอัปยศอดสูและความเกลียดชังอันไร้ขอบเขตที่แฝงไว้ในนั้นชัดเจน…

โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียนยังเห็นได้ชัดว่าสองหมัดของจางยี่กำแน่นจนเล็บจิกเนื้อหลั่งโลหิตออกมา

“พวกมันชื่ออะไร”

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบ กล่าวถาม

“จางอวิ๋นเถิง จางอวิ๋นเฟย”

จางยี่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน

“จางอวิ๋นเถิง จางอวิ๋นเฟย ข้าจะจำไว้…”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ากล่าวคำ “หากวันหลังข้าเจอพวกมัน ข้าจะหาความเป็นธรรมให้เจ้า”

สำหรับจางยี่คนนี้ต้วนหลิงเทียนถูกชะตาไม่น้อย จึงเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นสหายคนหนึ่ง

ในสายตาเขา

ฆ่าคนล้างแค้นให้เพื่อนหน่อยจะเป็นไรไป!

“ไม่จำเป็น”

ทว่าหลังต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ จางยี่ก็กล่าวปฏิเสธออกมาโดยตรง “ต้วนหลิงเทียนข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีคิดช่วยข้า…แต่ข้าอยากแก้แค้นพวกมันด้วยตัวของข้าเอง!”

วาจากล่าวคำของจางยี่รอบนี้ น้ำเสียงช่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยวนัก!

และนี่คือเหตุผลที่ทำให้มันเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้!

“ได้สิ”

เมื่อเห็นว่าจางยี่เองก็ไม่ย่อท้อและมีความทะเยอทะยานของตัว เคารพมิสู้ทำตาม ต้วนหลิงเทียนจึงไม่คิดจะกล่าวถึงเรื่องนี้อีกต่อไป

“หลิ่วเสวีย…”

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองหลิ่วเสวียข้างๆ แล้วถามว่า “ข้าจำได้ว่ามหาระนาบโลกียะที่เจ้าอยู่เรียกว่าระนาบฉีอวิ๋น…แต่ข้าไม่รู้ว่าในระนาบฉีอวิ๋นของเจ้ามีอัจริยะครึ่งก้าวเซียนอมตะที่อายุน้อยกว่าร้อยปีแต่พลังฝีมือเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพลอยู่หรือไม่?”

ในระนาบเหยียนหวงของจางยี่มีครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์อยู่ถึงสอง

เขาเลยเชื่อว่าระนาบฉีอวิ๋นของหลิ่วเสวีย หรือระนาบคงสิงของหรงปัวกับเฝิงหม่านที่เขาฆ่าตายไปไม่เว้นระนาบโหมหลัว ก็น่าจะมีครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพลอยู่เหมือนกัน

ผู้ที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ครานี้ มาจาก 5 ระนาบโลกียะที่แตกต่างกัน

ยกเว้นระนาบเซียนของต้วนหลิงเทียนแล้ว ที่เหลือทั้ง 4 ล้วนเป็นมหาระนาบโลกียะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เหยียนหวง ฉีอวิ๋น คงสิง โหมหลัว

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้พบกับคนที่มาจากระนาบเหยียนหวง ฉีอวิ๋น คงสิงแล้ว คงเหลือแต่เพียงระนาบโหมหลัวระนาบเดียวเท่านั้น

‘ไม่รู้ว่า..2 กลุ่มที่คิดช่วงชิงกระบี่เซียนอมตะในซากวิหารแห่งนั้น ใช่เป็นคนของระนาบโหมหลัวรึเปล่า…’

ต้วนหลิงเทียนลอบถามตัวเองในใจ

หลังจากที่เขาปรากฏกายออกไปชิงกระบี่เซียนอมตะมาหน้าตาเฉยแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบจากไปไหน แต่เข่นฆ่าสังหารทุกคนจนเหี้ยน และแม้เขาจะเค้นถามเรื่องราวจากพวกมัน แต่เขาดันลืมถามว่าพวกมันมาจากระนาบอะไรกันบ้าง…เพราะตอนนั้นใครจะสนความเป็นมาของคนตายกันล่ะ?

อย่างไรก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่เขามั่นใจได้เต็มสิบส่วน

พวกมันไม่ใช่คนของระนาบเซียนแน่นอน!

เพราะนอกจากตัวเขาเองแล้ว ผู้คนจากระนาบเซียนที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ มีแค่สหายใน 7 ทวาราเที่ยงแท้ของเขาแค่ไม่กี่คนกับข้ารับใช้อย่างเฉินอี้หรูเท่านั้น…บางทีอีกราวๆปีครึ่งหลังจากนี้ถึงจะมีคนนอกที่ไม่ใช่ 7 ทวาราเที่ยงแท้เข้ามาอีกคน

แต่ว่านั่นก็เป็นคนรู้จักของเขาอีกเช่นกัน

ก่านหรูเยี่ยน!

พี่สาวฝาแฝดของภรรยาเขาเอง

“มีสิ”

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หลิ่วเสวียก็รีบตอบทันที ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวที่นางรู้ให้ต้วนหลิงเทียนฟังอย่างละเอียด เรื่องราวเกี่ยวกับครึ่งก้าวเซียนอมตะชนชั้นสุดยอดอัจฉริยะของระนาบฉีอวิ๋นของนาง

ผู้ที่ถูกเรียกหาว่าสุดยอดอัจฉริยะครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้น แน่นอนว่ามีอายุไม่ถึงร้อยปี

ยิ่งไปกว่าพลังฝีมือยังเทียบได้กับขอบเขตเซียนอมตะเสเพล!

ที่อ่อนแอที่สุดยังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์!

ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!

“แบบนี้พูดได้ว่า…ในระนาบของพวกเจ้าทั้งคู่ ไม่มีครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังฝีมือทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์อยู่เลยน่ะสิ?”

หลังได้รับฟังข้อมูลจากหลิ่วเสวียกับจางยี่ครบแล้ว ต้วนหลิงเทียนอดหยีตามองถามทั้งคู่เรื่องนี้ไม่ได้

“นั่นก็ไม่แน่นัก”

ได้ยินคำถามดังกล่าวจางยี่พลันส่ายหัวกล่าวตอบออกมาก่อน ค่อยอธิบายเพิ่มเติมว่า “คนจากหัวฮั่วซานที่ข้าเคยบอกเจ้าว่าร้ายกาจกว่าคนของหมู่บ้านเกาเหล่าและมีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ผู้นั้นน่ะ…ที่จริงนั่นเป็นพลังฝีมือของมันเมื่อ 10 ปีก่อน…”

“ตอนนี้ผ่านไปก็ 10 ปีแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพลังฝีมือของมันก้าวหน้าขึ้นบ้างหรือไม่…ในระนาบเหยียนหวงของข้า เป็นมันที่มีโอกาสแข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์มากที่สุดแล้ว”

จางยี่กล่าวตอบ

“มีโอกาสทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์…”

ได้ยินคำของจางยี่ สองตาต้วนหลิงเทียนอดหดหยีลงไม่ได้ ยังเผยประกายวาบหนึ่ง

ต้องทราบด้วยว่าพลังฝีมือระดับนั้น มันเทียบได้กับเขาก่อนที่จะได้รับกระบี่เซียนอมตะ

“แล้วแบบนี้…มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ ที่อีก 2 ระนาบที่เหลือจะมีตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามเพิ่มเติม

“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามจบคำ จางยี่ก็ส่ายหั่วกล่าวตอบออกมาเป็นมั่นเหมาะ “ลำพังแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะร้ายกาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ ก็เป็นอะไรที่ท้าทายสวรรค์มากแล้ว…ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีอยู่จริง!”

เรียกว่าเรื่องนี้จางยี่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจถึงที่สุด

“ครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้น หากมียอดสมบัติสวรรค์ในครอบครอง พลังฝีมือจะเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์…หากเชี่ยวชาญเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลก ก็สามารถยกระดับพลังได้อีก 1-2 ขีดขั้น แน่นอนว่าหากมีเวทย์พลังจู่โจมของระนาบเทวโลกด้วยก็จะยิ่งร้ายกาจมากขึ้น”

“หากทว่า…ขีดจำกัดก็จะอยู่ที่เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เท่านั้น!”

“สำหรับเวทย์พลังป้องกันจากระนาบเทวโลกหรือเวทย์พลังท่าร่างนั้น…เพียงทำให้เจ้าสามารถเอาตัวรอดได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น เรื่องจะให้มีพลังอำนาจทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์มันเป็นไปไม่ได้เลย…”

“กล่าวได้ว่า…ต่อให้เป็นตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ร้ายกาจเพียงใด หากยังไม่ได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียนก็ไม่มีทางทรงพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์…”

“อย่างดีก็ได้แค่มีพลังจู่โจมทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ แต่สามารถหลบหนีและเอาตัวรอดจากตัวตนเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เท่านั้น”

จางยี่กล่าวมุมมองของตัววเองออกมา ด้วยหมายอธิบายเรื่องราวให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจอย่างละเอียด

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจสิ่งที่จางยี่จะสื่อ…

เพียงแค่ว่าปฐมเวทย์กลืนกินของเขามันทรงพลังจนเหนือสามัญสำนึกของจางยี่ไปก็เท่านั้น!

เพราะสุดท้ายแล้วจากคำของผู้เฒ่าหั่ว ปฐมเวทย์กลืนกินของเขา ต่อให้เป็นในระนาบเทวโลก ก็จัดเป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับสูง!

ต่างจากเวทย์พลังสนับสนุนทั่วๆไปของระนาบเทวโลก ที่เพียงยกระดับพลังขอบเขตเซียนอมตะเสเพลให้เพิ่มขึ้นมาได้แค่ขั้นเดียว…

“เว้นแต่…ครึ่งก้าวเซียนอมตะผู้นั้นจะถือครองเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกทั้งสายโจมตีและสนับสนุนระดับสูง รวมถึงมียอดสมบัติสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อทุ่มพลังทั้งหมดลงมือจู่โจมออก ก็อาจมีพลังอำนาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์…”

“แต่…เรื่องแบบนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย!”

เสียงจางยี่ยังคงดังสืบต่อ…