บทที่ 1080 เยี่ยนอี้

บทที่ 1080 เยี่ยนอี้

จูหลานฮวาไม่ได้บอกสามี แต่คิดว่าเขาจะต้องเห็นด้วยแน่

และหลังจากที่คุยกับซูฉางจิ่ว อีกฝ่ายก็ตอบตกลงทันที

“น้องใหญ่ ควรตั้งชื่อเสี่ยวเฉ่าว่าอะไรดีล่ะ? เธอเป็นอาจารย์ เรื่องนี้น่าจะฝากไว้ได้นะ!”

“ก่อนหน้านี้ฉันตั้งให้เธอว่าเยี่ยนอี้ค่ะ”

แม้จะพลัดพรากไปจากลูกตั้งแต่แบเบาะ ทว่าตนก็ยังตั้งชื่อให้ลูกซึ่งเป็นชื่อที่ดูวิชาการมาก

“ถ้างั้นก็เรียกเยี่ยนอี้แล้วกัน ถึงจะแปลก ๆ แต่ดูมีการศึกษาอยู่นา!”

จูหลานฮวาตัดสินใจเลือกชื่อนี้ทันที

ส่วนซูเสี่ยวเฉ่าว่าฟังดูไพเราะ แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่

คงเพราะชินกับการถูกเรียกเสี่ยวเฉ่ามาตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่สบายใจเท่าไรที่ชื่อดูสูงส่งขนาดนี้

“หลังจากนี้ซูเสี่ยวเฉ่าจะมีชื่อเซี่ยเยี่ยนอี้แล้วนะ” ซูฉางจิ่วเห็นด้วย

แม้เซี่ยหนานจะไม่พูดว่าใครเป็นพ่อแท้ ๆ ของลูกสาว แต่เราคาดได้เดาว่าเธอคงไม่อยากพูดถึง

อย่างนั้นก็ใช้แซ่แม่เสียเลยแล้วกัน

“แต่ว่า พ่อคะ แม่คะ ฉัน…”

ซูเสี่ยวเฉ่า โอ๊ะ! ตอนนี้คือเซี่ยเยี่ยนอี้แล้ว หญิงสาวอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่พ่อหยุดไว้เสียก่อน

“เสี่ยวเฉ่า ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแล้วละ ถ้าลูกว่าชื่อมันไม่ดีงั้นก็ให้เป็นชื่อเล่นก็แล้วกัน”

ที่จริงเขาแค่พูดไปเฉย ๆ ลูกโตขนาดนี้แล้วยังต้องเรียกชื่อเล่นอีกหรือ?

ซูเสี่ยวเฉ่าแค่อยากบอกว่าปัญหาไม่ใช่ที่ชื่อ แต่ความรู้สึกคือเหมือนไม่ได้เป็นลูกพวกเขาอีกต่อไป

ซูฉางจิ่วขัดเอาไว้

“ต่อให้เปลี่ยนไป หนูก็ยังเป็นลูกสาวพ่อ”

เป็นลูกเราเหมือนเดิม แค่ไม่ได้เป็นน้องสามีของเถียนเสี่ยวเหอ

ช่วยไม่ได้นี่ ใครใช้ให้ตอนเราได้คนแบบนี้มาเป็นสะใภ้กันล่ะ?

“ไว้พรุ่งนี้พ่อจะพาไปทำเรื่องเปลี่ยนชื่อนะ”

ทะเบียนบ้านของซูเสี่ยวเฉ่ายังไม่ได้ย้ายไปที่เมืองหลวง ทีแรกว่าจะทำหลังแต่งงาน แต่ตอนนี้มีเรื่องเปลี่ยนชื่อเข้ามาอีก

โชคดีที่เด็กสองคนนี้กลับบ้านมาเพื่อจัดงานแต่งเฉย ๆ ด้วยทะเบียนบ้านฝ่ายชาย เลยต้องรีบกลับไปจดทะเบียนสมรสที่เมืองหลวงเท่านั้น

เรื่องเปลี่ยนชื่อไม่ใช่ปัญหา

ฝ่ายตระกูลซูรู้ข่าวก็ได้แต่ตกใจ

แต่พวกเขาทราบถึงเหตุผลแทบจะทันที

คุณปู่ซูถอนหายใจ “ลำบากสองคนนั้นแล้วละ ขนาดชื่อยังต้องเปลี่ยนเลย หลังจากนี้ลูกสาวได้กลายเป็นลูกบ้านอื่นแล้วจริง ๆ”

คุณย่าซูหันขวับ “คุณพูดจาแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย? เสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กกตัญญูมากนะ ต่อให้เปลี่ยนชื่อก็ไม่มีทางเลิกกตัญญูต่อสองคนนั้นหรอก”

ชายชราพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ยายเฒ่านี่เข้าใจทะลุปรุโปร่งจริง ๆ”

เสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ยินยอมให้ลูกใช้ชีวิตกับซานกงหรอก

แล้วดูลูกชายซูฉางจิ่วทั้งสองคนนั้นสิ พึ่งพาไม่ได้เลย แต่เสี่ยวเฉ่าดูแลพ่อแม่ในยามแก่เฒ่าได้

ไว้ค่อยไปคุยกับหลานชายทีหลังแล้วกัน

เสี่ยวเฉ่าต้องดูแลพ่อแม่ หลานชายเราจะคัดค้านไม่ได้

ฉางจิ่วเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก เสี่ยวเฉ่าเองก็ควรดูแลพ่อแม่เหมือนกัน

คนมักพูดว่า ‘บุญคุณที่ให้กำเนิดไม่มากเท่าบุญคุณที่เลี้ยงดู’

สองสามีภรรยาคู่นั้นเลี้ยงเสี่ยวเฉ่าเด็กที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดมาในยุคที่ยากลำบาก

เป็นบุญคุณที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าความลึกของทะเลเสียอีก!

ฝ่ายเถียนเสี่ยวเหอสูญเสียทั้งขึ้นทั้งร่อง โดนพี่สะใภ้ตบไม่พอยังโดนแม่สามีด่าอีก คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกน่าดู

ซูผิงอันเห็นภรรยาก็ได้แต่เงียบ ทำได้แค่ทำตามภรรยาปรารถนาเท่านั้น

ได้สามีส่งเสริม ฝ่ายภรรยายิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลมากเท่านั้น

“ไม่ได้การ สร้อยคอนั่นต้องเป็นของฉัน อายุจนปูนนี้แล้วยังไม่เคยได้ใส่เครื่องประดับเลยนะ!”

เธอกำหมัดแน่น ขบคิดว่าจะเอามันมายังไงดี

ในเมื่อซูเสี่ยวเฉ่ายังไม่สามารถครอบครองได้จนกว่าจะแต่งงาน งั้นก็รอวันนั้นเลยสิ

อันที่จริง ความคิดเธอค่อนข้างเรียบง่าย เพราะพ่อสามีอยากได้หน้า วันงานต้องไม่อยากเห็นหน้าตนแน่ ๆ

ต่อให้ก่อนแต่งทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าหลังแต่งจะทำไม่ได้เสียหน่อย

นังซูเสี่ยวเฉ่านั่นคงไม่เห็นแย้งด้วยซ้ำ

พอแต่งงานเสร็จ มีหน้ามีตาเมื่อไรก็ค่อยไปหาเจ้าตัวแล้วกัน เธอจะไปเอาของพวกนั้นมาให้ได้เลย!

ซึ่งเถียนเสี่ยวเหอไม่เคยคิดหรอกว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือเปล่า

ขอแค่ทำทีท่าไม่ยินยอมก็จะสร้างเรื่องให้เอง

เพราะตนเก่งเรื่องร้องไห้แหกปากมากอยู่แล้ว

พอสถานการณ์วุ่นวาย เดี๋ยวมันก็ให้มาเอง

ไม่เชื่อหรอกว่าลูกสะใภ้ใหม่จะกล้าทำให้ครอบครัวสามีขายขี้หน้า

แผนการของเถียนเสี่ยวเหอถือว่าดีมาก

แต่มันมีประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แผนการตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง’*[1] แต่เธอไม่ได้เรียนหนังสือเลยไม่เข้าใจหรอก

เย็นวันนั้น ครอบครัวเฉินจื่ออันก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านหนานหลิ่งในที่สุด

เขาไม่มีพ่อมีแม่ เลยปฏิบัติต่อผู้อาวุโสบ้านซูเสมือนพ่อแม่แท้ ๆ

เมื่อที่บ้านมีงานถ้ายุ่ง ๆ จะไม่ค่อยได้มากน่ะ แต่ถ้าว่างจะมาด้วยเสมอ

ครั้งนี้ย่อมไม่มีข้อยกเว้น

คุณย่าซูมองใบหน้าเหนื่อยล้าของคนทั้งสามพลางพึมพำ “ถ้างานเยอะก็ไม่ต้องมาหรอกลูก แม่รู้ว่าพวกลูกยุ่งแค่ไหนน่ะ!”

“งานแต่งซานกงทั้งทีผมจะไม่มาร่วมได้ยังไงกันละครับ?” เฉินจื่ออันยิ้ม “ซิ่วเอ๋อร์เองก็คิดถึงพ่อแม่ แล้วก็พวกพี่ ๆ ด้วย”

“ผมก็คิดถึงคุณตาคุณยายเหมือนกัน!” เจ้าเฉินซิ่วหย่วนรีบแสดงความรู้สึกด้วยเช่นกัน

“ทำไมจะทำอะไรต้องเจอลูกทุกทีเลย!” เฉินจื่ออันมองลูกชายด้วยสายตาโกรธ ๆ

แต่เด็กชายไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เขาเข้าไปกอดผู้เป็นยายด้วยความรักเพื่อให้เธอพึงพอใจ

คุณย่าซูเห็นหลานพลันใจละลายกับความน่ารักของเขา จึงกอดตอบเช่นกัน

ซูหม่านซิ่วมองลูกชายสลับใบหน้าดำทะมึนของสามีแล้วหัวเราะ

หลายปีที่ผ่านมา เฉินจื่ออันเอาแต่สงสัยว่าทำไมต้องมีลูกชายจอมจุ้นแทนที่จะมีลูกสาวด้วยล่ะ

มาทวงหนี้กันหรือเปล่าเนี่ย

แต่ความจริงเธอรู้ว่าสามีพึงพอใจกับการมีลูกชายนะ ไม่ว่าจะชอบลูกสาวมากแค่ไหน แต่ทุกคนต่างก็เห็นด้วยว่าลูกชายสืบทอดตระกูลได้น่ะ

“ยังจะมาหัวเราะอีก ดูเจ้าเด็กคนนี้ทำท่าทำทางสิ” เฉินจื่ออันคิดว่าไม่จำเป็นต้องอดทนกับลูกด้วยซ้ำ

ทว่าในขณะเดียวกันใบหน้าก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

[1] แผนการตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง หมายถึง การเปลี่ยนแปลงเป็นสัจธรรม แม้แต่สิ่งที่เราวางแผนไว้แล้วก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ

—————————————————————–