บทที่ 1081 ซ่งเหวินปั๋ว

บทที่ 1081 ซ่งเหวินปั๋ว

งานแต่งงานของซูซานกงกับเซี่ยเยี่ยนอี้คึกคักเป็นอย่างมาก มีชีวิตชีวาก่อนตอนงานแต่งของคู่หลานคนโตเสียอีก

ความจริงที่ว่าตระกูลซูมีชีวิตที่ดีในเมืองหลวงและมีความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญหลายคนก็แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในบรรดาผู้นำ

ในวันงานมีผู้นำจากตำบลและอำเภอมาร่วมไม่น้อย

เหตุผลหลัก ๆ คือเป็นหน้าเป็นตาซูฉางจิ่ว

เพราะผู้นำบางส่วนก็รู้จักคนตระกูลซู

เมื่อตอนนั้นหลานชายทั้งสามของพวกเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยติดรวดเดียว และยังคงเป็นข่าวดีมาจนถึงทุกวันนี้

บางส่วนมีส่วนร่วมกับการชมเชยพวกเขาด้วยนะ

ผ่านมาตั้งหลายปี ถึงได้ยินว่าตอนนี้ได้ดิบได้ดีกันหมดแล้ว

เป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้าน ถือได้ว่านำความรุ่งโรจน์มาสู่อำเภอซางอวี๋เลยก็ว่าได้

ทว่าพอเข้าไปในประตูกลับตระหนักได้ถึงเจ้าสาวที่เป็นลูกสาวจากตระกูลเซี่ยแทน

พวกเขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ได้ยินข่าวมาผิดหรือเปล่า?

ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อมาแสดงความยินดีแก่ลูกสาวซูฉางจิ่วแต่งงาน แต่ดันเป็นเรื่องแบบนี้มันน่าอึดอัดนะ

ฝ่ายพ่อเจ้าสาวรู้เป้าหมายของกลุ่มผู้นำ จึงเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

“ผู้นำทุกท่านครับ รีบเข้ามานั่งในบ้านก่อนเถอะ เดือนนี้หน้าหนาวนะครับ อากาศข้างนอกหนาวมากเลย”

“ซางจิ่ว วันนี้ลูกสาวแต่งงานไม่ใช่หรือ ทำไมเป็นลูกสาวตระกูลเซี่ยเสียเล่า?”

หรือเจ้าสาวจะถูกเปลี่ยนตัวชั่วขณะ?

ไม่น่าใช่นะ ไม่งั้นทำไมซูฉางจิ่วดูมีความสุขแบบนี้ล่ะ

“ลูกสาวผมนี่แหละ ตอนนั้นผมเก็บเธอมาเลี้ยงน่ะ แต่ตอนนี้ได้เจอกับแม่แท้ ๆ แล้ว เลยไม่สามารถใช้แซ่ผมอีกต่อไปได้”

คำอธิบายสั้น ๆ ทำให้ทุกคนสบายใจ

ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นในงานแต่งสินะ

ในเมื่อมีแขกมาแสดงความยินดี ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม พวกคุณปู่ซูก็ต้องออกมาต้อนรับอยู่แล้ว

แม้เฉินจื่ออันจะมีตำแหน่งสูงกว่า แต่พวกเราเป็นแขก จึงต้องเข้าสังคมเช่นกัน

โชคดีที่เราฉลาดพอ จึงมีความเคารพต่ออีกฝ่ายมาก

เฉินจื่ออันเดินทางมาจากลี่เฉิง วิสัยทัศน์กว้างไกล เรื่องการพัฒนาตะวันตกเฉียงเหนือเทียบเขาไม่ได้หรอก

เขามีความรู้มากกว่าเจ้าหน้าที่ทางฝั่งนี้ไม่น้อย

แม้จะไม่ค่อยพูดเยอะ แต่ทุกครั้งมีใจความสำคัญทั้งสิ้น

ส่งผลให้ผู้นำตำบลและอำเภอที่มีหมอกหนาปกคลุมค่อย ๆ เห็นยอดใบเขาเขียวชอุ่ม มีความสุขมากจริง ๆ

“ขอบคุณมากครับเลขาธิการเฉิน ใคร ๆ ก็บอกว่าฟังคุณพูดดีกว่าอ่านหนังสือสิบปีเสียอีก มาวันนี้ผมได้เข้าใจเองแล้วละ”

คนที่เอ่ยคือซ่งเหวินปั๋ว นายอำเภอของอำเภอซางอวี๋

เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุอานามห้าสิบกว่า ไต่เต้ามาตั้งแต่ระดับล่างขึ้นมาทีละขั้น

เมื่อก่อนเขาประจำอยู่ที่อำเภอข้างเคียง แต่ย้ายมาซางอวี๋ได้ปีกว่าแล้ว

ตอนอยู่ที่เก่าใคร ๆ ต่างบอกว่าเขาทำงานดีมาก

ได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อท้องถิ่นไม่น้อย

แต่เพราะระดับการศึกษาต่ำ ซ่งเหวินปั๋วรู้ตัวว่าเขาอาจมาถึงได้แค่นี้

ตนได้แต่หวังว่าระหว่างดำรงตำแหน่ง จะสร้างรากฐานที่ดีให้กับอำเภอและทำอะไรเพื่อประชาชนได้บ้าง

เขาไม่มีทางเลือกมากนัก การสร้างความสัมพันธ์กับเบื้องบนก็เป็นเรื่องที่ยาก

วันนี้เป็นโอกาสหายากจึงรีบมาจากอำเภอเลย

เดิมทีเคยคิดอยากสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลซูไว้ก่อนแล้ว

แต่ไม่รู้ว่าลูกเขยบ้านนี้เป็นผู้นำระดับสูงอยู่ลี่เฉิง ถือว่าเป็นเรื่องน่าตกใจจริง ๆ

ลี่เฉิงกับอำเภอซางอวี๋ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกันหรอก

แค่ลี่เฉิงคือสถานที่แบบไหนล่ะ?

เป็นสถานที่ซึ่งประเทศชาติกำลังให้ความสนใจเชียวนะ

ยิ่งได้เป็นผู้นำของที่นั่นด้วยแล้ว อนาคตสดใสแน่นอน

นับว่าซ่งเหวินปั๋วคนนี้โชคดีเหลือเกินที่ได้ฟังความเห็นของคนแบบนี้ต่อหน้า

ถึงไม่เคยเดินทางไปที่ลี่เฉิงมาก่อน แค่ได้ยินคนพูดกันว่าช่วงเวลาไม่กี่ปีนี้บ้านเมืองพัฒนาไปยังระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้เลย

ตอนนี้กลายเป็นเมืองสมัยใหม่ไปเสียแล้ว

จากหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ กลายมาเป็นตัวเมือง ถ้าบอกเลขาธิการเฉินไร้ความสามารถเขาจะไม่เชื่อเด็ดขาด

เมื่อไม่นานมานี้เขายังคิดเลยว่าเมื่อไรจะพาเจ้าหน้าที่ในอำเภอไปดูการพัฒนาที่ลี่เฉิงบ้าง

บางทีเราอาจพบแนวคิดใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับการพัฒนาซางอวี๋ก็ได้นะ

แต่ไม่คิดว่าจะบังเอิญได้มาเจอกับตระกูลซู

ดีกว่าการเดินทางไปดูงานที่ลี่เฉิงด้วยตนเองมาก

ซ่งเหวินปั๋วรู้ตัวดีว่าด้วยสถานะตัวเองในตอนนี้ต่อให้ได้ไปจริง ๆ ก็คงไม่ได้พบกับผู้นำของที่นั่นได้หรอก

ด้วยนิสัยกล้าคิดกล้าทำ แม้หลาย ๆ อย่างที่พูดฟังดูไม่ได้คิดรอบคอบเสียเท่าไร แต่ก็ยังถือว่ามีประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่น

บางทีคงชอบในตัวซ่งเหวินปั๋ว เฉินจื่ออันจึงเต็มใจเสนอความเห็นเพิ่มไปอีก

“ทางเราก็ยินดีต้อนรับนายอำเภอซ่งเสมอ หากมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยี่ยนที่ลี่เฉิงนะครับ”

ไม่ใช่ประโยคทางการมากนัก แต่แสดงถึงความจริงใจ

เขามีความประทับใจต่อปุถุชนทั่วไปมาก

ถึงจะไม่ได้เก่งกาจแต่เป็นคนใส่ใจดี

ซ่งเหวินปั๋วตื่นเต้นมาก จนมือไม้ระเกะระเกะไปหมด

“แน่นอนครับ ๆ ผมหวังว่าจะได้ไปเยี่ยมเลขาเฉินที่ลี่เฉิงเช่นกันครับ!”

ตนไม่ได้โง่จึงรีบตอบรับไว้ทันที

“เดี๋ยวผมทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้แล้วกันนะ ถ้านายอำเภอซ่งมาลี่เฉิงเมื่อไรโทรมาแจ้งล่วงหน้าได้เลยนะครับ”

ซ่งเหวินปั๋วไม่คาดหวังเลยว่าอีกฝ่ายจะเข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้

ด้วยความที่ตนฉลาดพอ หลังจากขบคิดเล็กน้อยเป็นอันเข้าใจว่า เฉินจื่ออันชี้ให้เห็นว่าพ่อตาแม่ยายเป็นคนซางอวี๋ นี่ก็เพื่อเป็นหน้าเป็นตาน่ะ

ที่จริงอีกเรื่องที่ไม่รู้คือเฉินจื่ออันเคยทำงานที่ซางอวี๋มาก่อน

แต่ด้วยงานจึงทำให้ไม่รู้จักกัน

นอกจากนี้ยังมีอีกคนที่ไขข้อสงสัยให้กับพวกเรา

เสิ่นจื่อเจินเองก็ได้เสนอแนวคิดเรื่องการปลูกพืชเกษตรในอำเภอซางอวี๋เช่นกัน

ด้วยความที่เจ้าตัวเคยอาศัยอยู่ที่นี่ จึงรู้จักดินและสภาพอากาศในท้องถิ่นเป็นอย่างดี

อำเภอเราเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ด้านพัฒนาอุตสาหกรรมล้าหลังกว่าเขาเล็กน้อยและยังไม่เจอหนทางเหมาะ ๆ ด้วย

หลังจากได้รับประโยชน์จากสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เกษตรท่านนี้เสนอให้ฟัง เราจึงตัดสินใจจะจัดประชุมหารือเรื่องปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมหลังปีใหม่ทันที

ไหน ๆ ผู้นำก็พร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ถือเป็นโอกาสที่ดีเลย

สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ คำพูดในวันนี้จะทำให้อีกไม่กี่ปีข้างหมู่บ้านหนานหลิ่งรวมไปถึงอำเภอซางอวี๋ได้กลายเป็นอำเภอที่ร่ำรวยที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่โดยรอบ

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เจ้าบ้านและแขกเหรื่อต่างก็สนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง

ซ่งเหวินปั๋วรู้สึกว่าวันนี้ได้รับประโยชน์หลายอย่าง คุ้มค่าที่ได้เดินทางมาจริง ๆ

เขาตัดสินใจทันที ว่าหลังจากนี้นโยบายของอำเภอจะเอนเอียงไปทางหนานหลิ่งมากขึ้น

เห็นชายวัยกลางคนเฉินจื่ออันก็สบายใจ

ทุกคนสนทนาพาคุย ดื่มสุรานิดหน่อยไม่ได้เมามาย

หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นและแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว เหล่าผู้นำจำต้องไปแล้วแม้ใจจะไม่อยากเลยก็ตาม

ถึงอยากคุยกับคนใหญ่คนโตอีกนิด แต่ละอายใจเกินกว่าจะรบกวนต่อ

ในตอนที่จากไป ซ่งเหวินปั๋วครุ่นคิดว่าเมื่อไรจะมีโอกาสได้ฟังอะไรแบบนี้อีกนะ?