บทที่ 1089 แม่ลำเอียงนี่นา

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 1089 แม่ลำเอียงนี่นา

บทที่ 1089 แม่ลำเอียงนี่นา

ต่อให้ไม่เหี่ยวเฉาก็ใช้การไม่ได้อยู่ดี!

เหมือนว่าตนจะเป็นคนเดียวที่แก่สุดในบ้าน แล้วเงินน้อยสุดด้วย

น้องสี่กับน้องเล็กไม่ได้คุยกันอีกต่อไป

น้องห้ามีหออีหมิง ปู่ย่าบอกไว้นานแล้ว และรายได้ทั้งหมดจะแบ่งให้สองผู้อาวุโสทั้งสองครึ่งหนึ่ง และที่เหลือทั้งหมดยกให้ซูเสี่ยวอู่

เพราะเขาอยู่ในกองทัพเลยไม่ได้ออมเงินไว้เลย เจ้าหกเจ็ดแปดเก้ายังเด็กอยู่ก็จริง แต่มีเงินเก็บเยอะแยะเลย

แม้หลายปีที่ผ่านมาตนจะมีเงินพอสมควร แต่ค่าเรียนวาดภาพแพงมาก เงินอุดหนุนปีต่อปีที่ทางมหาวิทยาลัยให้ยังไม่พอด้วยซ้ำ

แถมยังไม่อยากเผยแพร่ภาพวาดที่ยังไม่เสร็จดีด้วย ต่อให้มีคนมาขอซื้อก็ไม่คิดจะขาย

ช่างมัน ใครใช้ให้เราเลือกเส้นทางนี้กันล่ะ

คนในแวดวงชอบพูดว่าอาชีพจิตรกรเป็นพวกไส้แห้ง แต่พอตายได้จะรวยเอง

ซูเสี่ยวเถียนมองพี่รองที่ยืนเงียบ “พี่รองไม่ได้จนนะ พี่มีหุ้นของหลู่เซียงเซียงที่ลี่เฉิงอยู่ไง”

ชายหนุ่มไม่คิดว่าน้องจะพูดแบบนั้นจริง ๆ

ตอนไหนเนี่ย ทำไมเขาไม่เห็นรู้เลย?

“ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย?”

“ไม่ได้ล้อเล่นนะ เพราะพี่ช่วยโรงงานหนูไว้ไม่น้อย หนูก็เลยให้หุ้นส่วนกับพี่สิบเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่แรกเลย”

“แต่ไม่ได้บอกเฉย ๆ กะว่าจะให้เป็นของขวัญวันแต่งงานค่ะ”

เด็กสาวยิ้มหวาน ประโยคของเธอทำพี่ชายตัวแทบลอย

ถึงจะไม่รู้ว่าโรงงานทำกำไรได้ขนาดไหน แต่ไม่มีทางแย่แน่นอน เพียงหุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ก็เห็นเค้าลางความเป็นเศรษฐีแล้ว

“เพิ่งรู้เลยว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพี่ ส่วนซูเสี่ยวซื่อน่ะหรือ เหอะ ๆ…”

ซูเสี่ยวซื่อ “…”

พี่ชายตัวเองพูดจาแบบนี้มันผิดไหม?

เราเกิดจากท้องเดียวกันไม่ใช่หรือไง?

เอาเถอะ จะอะไรก็ไม่สำคัญหรอก นอกจากน้องเล็ก ก็มีเงินนี่แหละที่สนิทกับเขาที่สุดแล้ว!

คุณย่าซูได้ยินบทสนทนาพลันรู้สึกไม่ยินยอมเท่าไร

แต่เธอเป็นคนใจกว้าง

หลานสาวเป็นคนเก่ง แต่คงไม่สามารถอยู่ข้างกายไปตลอดชีวิตได้ อยากไปก็ไปเถอะ!

“ได้สิ เดี๋ยวย่าทำอาหารเตรียมไปให้กินระหว่างทาง ไม่ยอมให้หลานรักลำบากหรอกนะ!”

หลังจากนั้นคุณย่าซูพร้อมสะใภ้และลูกสาวก็ลงมือทำงาน เป็นงานใหญ่กว่าตอนที่ทำให้ซูหม่านซิ่วเสียอีก!

ลูกสาวคนโตมองหญิงชราด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ดูแม่สิคะ พอเป็นเรื่องเสี่ยวเถียนแล้วลำเอียงตลอดเลย”

คุณย่าซูเอ่ยเคือง ๆ “โตขนาดนี้แล้วยังมาทะเลาะกับเด็กอีก สู้ซิ่วหย่วนไม่ได้เลยนะ!”

ทุกคนในครัวหัวเราะลั่น

“หม่านซิ่วอย่าไปแข่งกับเสี่ยวเถียนเลย ในใจแม่น่ะ หลานมาก่อนเสมอแหละ!”

หวังเซียงฮวาตบไหล่ปลอบ

“พี่ไม่อิจฉาเลยหรือคะ?” เธอเบิกตากว้าง

ที่พูดเพราะเป็นกังวลว่าพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองจะไม่ชอบใจที่แม่เป็นแบบนี้น่ะ

คงไม่ดีถ้าบ้านเราวุ่นวายเพราะเรื่องแค่นี้แน่ ๆ

“อิจฉาทำไมล่ะ? พี่เองก็ชอบเสี่ยวเถียนเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสะใภ้สามไม่ยินยอมป่านนี้เอามาเป็นลูกสาวแล้วละ มีอะไรจะยกให้เสี่ยวเถียนหมดเลย!”

ซูหม่านซิ่ว “…”

ที่ผ่านมากังวลไปเพื่ออะไรเนี่ย?

“ตอนนี้บ้านเราอยู่ดีกินดีแล้ว ต้องขอบคุณเสี่ยวเถียนเขาเลยจ้ะ ทั้งฟาร์มของพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ ร้านเนื้อตุ๋นที่พี่เปิด ล้วนแต่เป็นผลงานเสี่ยวเถียนนะ”

ฉีเหลียงอิงคลี่ยิ้ม

“หากไม่ได้เด็กคนนี้ ป่านนี้บ้านเราก็คงทำไร่ทำนาหากินไปวัน ๆ นั่นละ”

ด้วยความที่เมื่อก่อนลำบากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คิดหมด ตอนนี้สุขสบายแล้ว มีเงินมีทองมากมาย ถึงจะยุ่งไปหน่อยแต่เวลานับเงินก็มีความสุขดี

ซูหม่านซิ่วโล่งใจมากขึ้น ขอแค่พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองไม่ติดใจอะไร บ้านเราย่อมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้

คุณย่าซูดูภูมิใจไม่น้อย “ดูลูกซิ ชีวิตคงลำบากสินะ มา! เดี๋ยวแม่ให้เนื้อชิ้นนี้แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าสนแต่หลานไม่สนใจลูกตัวเองเลย!”

ว่าจบก็ยัดเนื้อเข้าปากซูหม่านซิ่ว

หลังจากกินข้าวเสร็จ ซูเสี่ยวเถียนก็เดินทางไปหาผู้ใหญ่บ้าน

เธอเดาว่าคงเป็นเรื่องตั้งโรงงานจึงพาพี่สี่ไปด้วย

อากาศเย็นเฉียบ ถึงชายหนุ่มจะไม่อยากขยับตัวไปไหน แต่ยังคงเดินตามน้องสาวไปอย่างร่าเริง

เขาคิดว่าควรทำตัวให้ดี และมุ่งมั่นที่จะเป็นพี่ที่ดีด้วย

ช่วยไม่ได้ บ้านเราลูกหลานหลายคน แข่งกันดุเดือดยิ่งกว่าวงการธุรกิจเสียอีก

“เสี่ยวเถียนว่าพี่สี่ดูแลดีไหม?” ชายหนุ่มหนาวจนแทบกระโดดโหยง “ทำไมหนาวขนาดนี้เนี่ย? หิมะจะตกแน่เลย!”

เด็กสาวมองฟ้าขมุกขมัว รู้สึกว่าเหมือนจะตกจริง ๆ

“พี่สี่ดูแลดีอยู่แล้วค่ะ!” เธอเอ่ยอย่างจริงใจ

ในบรรดาพี่ ๆ ก็คิดว่าตัวเองดีที่สุดทั้งนั้น จะไปเท่าเทียมกันได้ยังไงล่ะ?

ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกมีความสุขมาก

ระยะทางจากบ้านซูไปไม่ไกลนัก เดินห้าหกนาทีก็ถึง

เพราะอากาศหนาว ทั้งสองจึงรีบสับเท้าอย่างไวว่องไม่นานก็มาถึงจุดหมาย

สองสามีภรรยาซูและเซี่ยหนานอยู่บ้านกันครบ

ซูฉางจิ่วเห็นเด็กสาวมาก็ดีใจมาก

“เสี่ยวเถียนมาแล้วหรือ โอ๊ะ! เสี่ยวซื่อก็มาด้วย?”

“ลุงฉางจิ่วเรียกหนูมาเพราะจะคุยเรื่องปัญหาในหมู่บ้านใช่ไหมคะ?”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า เด็กคนนี้ฉลาดมาก ไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าประเด็นได้ทันที

“หนูไปดูฟาร์มมาเมื่อหลายวันก่อนค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร หมูชุดแรกจะพร้อมเชือดในเดือนสองไม่ก็สามนี้ค่ะ แล้วก็หลังจากอุปกรณ์ของโรงงานแปรรูปอาหารมาถึงแล้ว เราก็สามารถเริ่มดำเนินการได้เช่นกันค่ะ”

“ตอนนี้มีเรื่องอื่นให้ห่วงนิดหน่อยค่ะ”

“เรื่องอะไรหรือ?”

“ปัญหาสุขอนามัยอาหารในโรงงานค่ะ”

ที่โรงงานในเมืองหลวงเธอให้เหลยเกาเชาเป็นคนดูแลด้านนี้

ถึงคนงานส่วนใหญ่จะคัดเลือกจากหมู่บ้าน แต่ปัญหาด้านนี้ร้ายแรงพอสมควร

ต้องทำให้มีความมั่นใจเท่านั้น หากเกิดขึ้นจริง ๆ จะส่งผลต่อโรงงานมาก

“ปัญหาเรื่องสุขอนามัย?”

ซูฉางจิ่วไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

—————————————————————–