บทที่ 1090 คนหลอกลวง

บทที่ 1090 คนหลอกลวง

“ลุงฉางจิ่วจำผู้อำนวยการหลี่ได้ไหมคะ ว่าเมื่อหลายปีก่อนท่านเลือกชาวบ้านจากหมู่บ้านเราไปทำงานที่โรงงานขนมไข่ในเมืองหลวงยังไงน่ะ?” ซูเสี่ยวเถียนเตือน

ซูฉางจิ่วลืมเรื่องสิบกว่าปีที่แล้วไปเสียสนิท

แต่พอได้หลานสาวเตือนก็จำได้ทันที

ตอนนั้นผู้อำนวยการหลี่มาหาคนงานจากหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนมารวมตัวกันแล้วเลือกคนที่ถูกสุขลักษณะที่สุดไปทำงาน

เขาถึงกับเหงื่อตก

เรื่องมันนานมากเลยนะ เขาลืมไปได้ยังไงเนี่ย?

“ลุงฉางจิ่วคำนึงถึงสุขอนามัยของคนในหมู่บ้านด้วยนะ เวลาเลือกต้องย้ำหลายรอบด้วยค่ะ”

“ลุงเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะเสี่ยวเถียน”

“เกรงใจกันเกินไปแล้วค่ะ หนูนึกขึ้นได้ก็เลยเตือน กันนี่แหละ ถ้าเราทำดีแต่เริ่มอนาคตจะเปิดโรงงานอื่นก็ไม่ยุ่งยากแล้ว”

เปิดโรงงานอีก?

บอกตามตรง เขาไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย

แค่ฟาร์มกับโรงงานในตอนนี้ก็ยุ่งยากพอแล้ว

ในบรรดาแปดหมู่บ้าน หนานหลิ่งของเรารุ่งโรจน์ที่สุดแล้วละ

“ที่จริงคนของเราเก่งนะคะ ถ้าใช้ความสามารถพวกนี้มาทำมาค้าขาย ก็ไม่ต้องกลัวขาดทุนหรอกค่ะ”

ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนฉลาด มีหรือที่จะไม่รู้ว่าซูฉางจิ่วคิดอะไร

ในเมื่อหนานหลิ่งเราทันสมัยกว่าชาวบ้าน งั้นก็ต้องรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้

แม้ไม่อาจเทียบได้กับหมู่บ้านที่ภายหลังจะมีชื่อเสียง แต่อย่างน้อยให้มีชื่อเสียงในมณฑลสักหน่อยก็ยังดี

“แล้วหลานว่าเราทำอะไรได้อีก?”

“โรงงานซอสพริกก็ได้นะคะ พริกหมู่บ้านเรากลิ่นหอมเป็นธรรมชาติมาก!”

เธอเคยคิดมาก่อนน่ะ

ทั้งสองสนทนากันจนคนรออย่างซูเสี่ยวซื่อเกือบหลับ ถึงเป็นอันเสร็จสิ้น

“อย่าพูดแต่เรื่องโรงงานนะคะ การค้าขายก็ควรพูดเหมือนกัน”

ซูฉางจิ่วพยักหน้าอีกครั้ง

ก็จริงนะ ต้องถามเรื่องเส้นทางทำมาค้าขายด้วย

“ให้พี่สี่บอกแล้วกันค่ะ เขารู้เรื่องกว่าหนู!”

ซูเสี่ยวเถียนยังมีเรื่องอยากคุยกับจูหลานฮวาและเซี่ยหนานอีก

ระหว่างที่ปล่อยชายทั้งสองคุยกัน เธอก็วิ่งไปคุยกับผู้ใหญ่อีกสองท่านที่อีกห้องหนึ่ง

ตอนนี้พวกเขานั่งบนเตียงเตากำลังเย็บปักถักร้อยอยู่ พอเห็นหลานก็เรียกให้ไปนั่งด้วยกัน

เด็กสาวขึ้นไปนั่งแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมขา

“ร้อนดีจังเลยค่ะ อุ่นมาก” เธอเอ่ยอย่างเริงร่า

ตอนคุยกับลุงฉางจิ่วเธอเขินเกินกว่าจะขึ้นไปนั่งบนเตียงเตาเลยอยู่ข้าง ๆ เตาไฟแทน

และในตอนที่จูหลานฮวากำลังจะเอ่ยต่อก็ได้ยินเสียงที่ประตูหลัก

เธอเปิดลูกกรงก่อนเห็นแขกเดินผ่านประตูเข้ามา

“เถียนเสี่ยวเหอ!”

จูหลานฮวานึกสงสัยว่าลูกสะใภ้มาทำอะไรที่นี่?

“พ่อคะ แม่คะ อยู่บ้านกันหรือเปล่า?”

เถียนเสี่ยวเหอเรียกเสียงดังลั่น

“อยู่!” จูหลานฮวาขมวดคิ้ว

ตอนนี้เป็นช่วงปีใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวมาหา

ซูผิงอันกับเด็ก ๆ ไม่ได้มา จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง

จูหลานฮวารู้สึกหนังตากระตุก

ต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ ถึงได้มาหากันแบบนี้

เถียนเสี่ยวเหอเบียดตัวผ่านม่านเข้ามา

พอเห็นเซี่ยหนานถึงกับยิ้มแฉ่งตาปิด

ซูเสี่ยวเถียนใคร่สงสัย อะไรทำให้เจ้าตัวยิ้มกว้างขนาดนั้นได้

ปกติจะชอบทำตัวเหมือนใครไปติดหนี้อย่างไรอย่างนั้นละ

อีกอย่างเคยได้ยินว่าช่วงปีใหม่จะไม่โผล่หัวมาหาพ่อแม่สามีเลย แล้ววันนี้นึกคึกอะไรขึ้นมาล่ะ?

“พี่สะใภ้วันนี้มาอวยพรปีใหม่ให้คุณลุงคุณป้าหรือคะ?”

เด็กสาวยกยิ้มใสซื่อ

ใบหน้าเถียนเสี่ยวเหอแข็งค้าง นังเด็กนี่อีกแล้ว เรื่องของชาวบ้านมันไปเกี่ยวอะไรกับเธอมิทราบ?

“ก็เพราะปีใหม่ไม่ใช่หรือไงเลยมาเยี่ยมน่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างอึดอัดใจ

“จะขึ้นมานั่งบนเตียงหรือนั่งขอบเตียงล่ะ?” จูหลานฮวาเอ่ยปากตรง

ถึงยังไงก็เป็นลูกสะใภ้ มีหลานชายให้ จะไว้หน้าลูกชายกับหลาน ๆ แล้วกัน

“ขอบเตียงแล้วกันค่ะ” เถียนเสี่ยวเหอวาดยิ้มบนใบหน้า แต่ใจด่ากราดไปแล้วไม่รู้กี่ชุด

ตนเป็นสะใภ้ของบ้านแท้ ๆ แต่ดันสู้นังซูเสี่ยวเถียนหลานสาวชาวบ้านไม่ได้เลยหรือ?

ต่อให้ทั้งสองตระกูลปรองดองเป็นเครือญาติ เรียกลุงป้าแต่มันก็แค่คำเรียกก็เท่านั้น!

สองคนนี้เลอะเลือนเข้าไปทุกวัน คงไม่ได้เห็นเป็นลูกสาวแท้ ๆ และรักมันหรอกใช่ไหม?

เหอะ! สมองคงฝ่อแล้วละ

ก่อนหน้านี้ก็เอาลูกสาวเซี่ยหนานมาเลี้ยง ตอนนี้คนลูกเจอแม่แท้ ๆ ก็สะบัดตูดหนีไปแล้ว

แล้วยังทำผิดซ้ำซาก ติดใจหลานบ้านซูอีก!

คงเพราะหลาย ๆ คนไม่ได้พูดอะไร บรรยากาศจึงค่อนข้างอึดอัด

เซี่ยหนานทนไม่ไหว “ที่บ้านสบายดีไหมคะ?”

แค่ถามไปตามมารยาท แต่เถียนเสี่ยวเหอดันมองว่าเป็นโอกาสเสียอย่างนั้น

เธอทำทีเป็นเช็ดหัวตา “คุณน้าเซี่ยคงยังไม่รู้ว่าบ้านฉันใช้ชีวิตกันยังไง… ข้าวปลาแทบไม่มีกิน หลายปีที่ผ่านมาคนอื่นมีแต่ชีวิตดีขึ้น ๆ แต่ไม่รู้ทำไมบ้านฉันกลับยิ่งย่ำแย่ลง ทำการทำงานอะไรไม่เคยประสบผลสำเร็จ!”

หนังตาจูหลานฮวากระตุกอย่างแรง รู้เลยว่าแขกไม่ได้เอาเรื่องดีมาฝาก ปีใหม่แท้ ๆ พูดจาอะไรเนี่ย? ใครย่ำแย่กันแน่?

เธอมองไปรอบ ๆ หาของที่พอประโยชน์เพื่อที่จะได้ใช้ขับไล่ลูกสะใภ้คนนี้

ตอนนี้เองที่เห็นไม้ปัดขนไก่ หญิงวัยกลางคนถือไว้ในมือเงียบ กำไว้แน่นรอเถียนเสี่ยวเหอพ่นเรื่องน่ารังเกียจ ตนก็พร้อมจะหวดแล้ว

แล้วทำไมถึงยังไม่ลงมือตอนนี้?

เจ้าตัวยังไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นสักหน่อยนี่?

เซี่ยหนานเองก็อึดอัดใจไม่ต่างกัน แค่ไม่ให้บรรยากาศมันแย่แล้วไหงอีกฝ่ายถึงคร่ำครวญให้ฟังล่ะ?

ที่ลำบากไม่ใช่เพราะตัวเองไร้ความสามารถหรอกหรือ?

ทำอะไรก็ไม่รุ่ง ว่ากันตรง ๆ เลยนะ มันเป็นเพราะไม่เก่งหรือไม่คิดจะทำเอง?

ช่วงนี้เหล่าชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น เซี่ยหนานย่อมรู้ดี

บ้านซูเป็นยังไง เถียนเสี่ยวเหอเป็นคนแบบไหนนี่ก็รู้เหมือนกัน

เดิมทีเป็นคนฉลาดมีความสามารถ แต่ใจเอาแต่คิดเรื่องหาเศษหาเลย

ว่าง่าย ๆ ก็คือเก่งเสียเปล่า

คนแบบนี้นี่แหละมีแต่จะล้มเหลวเท่านั้น

แต่พูดออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ

ซูเสี่ยวเถียนจ้องมองเถียนเสี่ยวเหอด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย อยากจะรู้นักว่าจะพูดจาหน้าด้านอะไรออกมาอีก