ตอนที่ 1088 ฆ่า
ทว่า ช้างศึกสวมเกราะป้องกันไว้ที่งวง การตวัดงวงดึงลูกธนูที่เล็กราวกับไม้เส้นสั้นๆ ออกเป็นเรื่องที่ยากราวกับเข็นครกขึ้นภูเขา
บนกำแพงเมืองผิงหยาง เมื่อพลธนูกลุ่มแรกยิงธนูไฟจนหมด พวกเขาก้มลงชุบลูกธนูลงในน้ำมันไฟอีกรอบ กลุ่มที่สองลุกขึ้นยืนแทนที่พวกเขา ลูกธนูไฟกลุ่มที่สองพุ่งทะยานไปกลางอากาศราวกับแหขนาดใหญ่ เปลวเพลิงลุกโหมจนท้องฟ้าเหนือเมืองผิงหยางราวกับทะเลเพลิง ลูกธนูเพลิงที่พุ่งไปกลางหิมะบนท้องฟ้ายามค่ำคืนทำให้ท้องฟ้าสว่างราวกับเป็นเวลากลางวัน
ช้างศึกขนาดใหญ่เหล่านั้นยังไม่ทันได้หยุดยืนนิ่ง ลูกธนูเพลิงชุดที่สองพุ่งลอยมาราวกับห่าฝน ถึงแม้ลำตัวของช้างจะมีเกราะเหล็กสวมป้องกันอยู่ ทว่า ลูกธนูเพลิงมากมายล้วนยิงโดนเสื้อเกราะของช้าง จากนั้นค่อยหล่นลงบนพื้น ลูกธนูเหล่านั้นล้วนมีไฟ ขอเพียงลูกธนูเพลิงสัมผัสโดนเสื้อเกราะบนลำตัวของช้าง ไฟต้องลุกโหมขึ้นอย่างแน่นอน
ช้างศึกส่ายศีรษะไปมาอย่างแรงจนแม่ทัพที่นั่งอยู่บนหลังของมันเกือบตกลงบนพื้น เขารีบหยิบขลุ่ยอันเล็กที่แขวนอยู่ที่อกออกมาเป่าไม่หยุด ช้างยักษ์ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้สงบนิ่งลงทันทีราวกับถูกมนต์สะกด พวกมันหยุดนิ่งราวกับไม่สนใจบาดแผลตามลำตัว ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากหนังที่ถูกไฟไหม้ พวกมันหันหลัง ถอยหนีไปทันที
ควานช้างที่นั่งอยู่บนหลังช้างใช้เสื้อผ้าของตัวเองดับไฟที่ยังคงลุกลามอยู่ตามลำตัวของช้าง
หลี่เทียนฟู่ซึ่งตกใจจนใบหน้าขาวซีดกับการอาละวาดของช้างยังมีสีหน้าหวาดกลัวไม่หาย นางกำขอบเสลี่ยงแน่น นางเห็นหลังคาของเสลี่ยงถูกธนูไฟยิงทะลุ ลูกธนูไฟดอกนั้นเฉียดผ่านศีรษะของนางปักลงบนไม้ทั้งสี่ด้านของเสลี่ยงเพียงนิดเดียวเท่านั้น
โชคดีที่หลังคาของเสลี่ยงเต็มไปด้วยหิมะ ไฟจึงไม่ได้ลุกโหมขึ้น เมื่อธนูไฟปักลงบนหลังคาเสลี่ยงไฟจึงมอดดับลงทันที ทว่า ลูกธนูไฟยังคงลอยมาทางพวกนางไม่หยุด ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันจะคร่าชีวิตของนางเมื่อใด
ช้างหันหลังกลับและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว พวกมันเหยียบบรรดาพลทหารบกจนเสียชีวิตไปหลายนายอย่างไม่สนใจ หลี่เทียนฟู่เกือบพลัดตกจากหลังของมันอีกครั้ง
บรรดาทหารที่ได้รับคำสั่งให้ถอยทัพพากันวิ่งหนีบนหิมะที่ลื่น พวกเขาไม่เพียงลื่นล้มลงบนหิมะจนถูกสหายร่วมทัพเหยียบซ้ำ พวกที่โชคไม่ดียังถูกช้างศึกเหยียบจนแบนอีกด้วย
หลี่เทียนฟู่กอดเสาไม้ของเสลี่ยงแน่น หญิงสาวหันกลับไปมองธนูไฟที่พุ่งตรงมาจากกำแพงเมืองไม่หยุด นางเห็นว่าธนูไฟเหล่านั้นพุ่งใส่เสื้อเกราะของช้างยักษ์เหล่านั้นไม่หยุดหย่อน จากนั้นตกลงบนพื้นเพราะไม่สามารถทะลุผ่านเสื้อเกราะเหล็กไปได้ ทว่า ไฟค่อยๆ ลุกลามไปตามเสื้อเกราะของช้างศึก แต่ไม่นานก็ดับลงเพราะไม่มีเชื้อเพลิงที่มากพอให้ลุกลามต่อ
หลี่เทียนฟู่กัดฟันแน่น ใบหูได้ยินเพียงเสียงลมพัดอย่างแรง ใบหน้าและหูถูกลมพัดจนแดงก่ำ นางหันไปตะโกนเสียงดังลั่น “ถอยพ้นระยะยิงธนูแล้ว! พวกเจ้ายังไม่หยุดอีกหรือ! ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่บนกำแพงเมืองนั่น นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะนำกองทัพช้างไปพังประตูเมืองผิงหยาง ขอเพียงพวกเราบุกเข้าไปได้ต้องจับตัวไป๋ชิงเหยียนได้แน่นอน! หากพวกเจ้าหนีกลับไปตอนนี้มีแต่จะพ่ายแพ้ ทว่า หากจับตัวไป๋ชิงเหยียนได้พวกเจ้าจะสร้างความดีความชอบยิ่งใหญ่ เทียนเฟิ่งของพวกเจ้าจึงจะได้ครอบครองดินแดนนแห่งนี้!”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
แม่ทัพเทียนเฟิ่งที่เอาแต่เป่าขลุ่ยเข้าใจความหมายที่หลี่เทียนฟู่ต้องการสื่อ ทว่า เขารู้ดีว่าหลี่เทียนฟู่เป็นเพียงสตรีเสียสติที่คิดแต่จะแก้แค้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
เทพเจ้าส่งสัญญาณเตือนเขานานแล้ว เขาควรรีบถอยทัพตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ควรโลภมาก! ครั้งนี้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวพากองทัพมาด้วย แม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่านางพากองทัพมาจำนวนเท่าใด ทว่า เมื่อนึกถึงขบวนสีดำที่เห็นตอนเจรจาเชื่อมไมตรี เขาเชื่อว่าคงมีจำนวนไม่น้อยแน่นอน!
เทียนเฟิ่งมาที่นี่เพื่อช่วยซีเหลียงขอตัวหลี่จือเจี๋ยคืนจากต้าโจว ที่สำคัญตอนนี้คือฤดูหนาว พวกเขายังไม่พร้อมทำสงครามในตอนนี้ หากบุ่มบ่ามเปิดศึกในตอนนี้ กองทัพช้างสามสิบตัวของพวกเขาคงไม่ได้เปรียบ
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ขณะที่แม่ทัพเทียนเฟิ่งตัดสินใจขี่ช้างพากองทัพเทียนเฟิ่งถอยทัพหนีโดยไม่สนใจคำกล่าวของหลี่เทียนฟู่ จู่ๆ ก็มีแสงจากคบเพลิงและเสียงตะโกนลั่นดังขึ้นทางทิศตะวันออกท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก
เฉิงหย่วนจื้อที่พาพลทหารม้าเร่งขี่ม้าไปดักล้อมกองทัพเทียนเฟิ่งและซีเหลียงได้ยินเสียงดังจึงหันไปมองทางเมืองผิงหยาง เขาเห็นลูกธนูไฟมากมายบนท้องฟ้าตกลงบนพื้นราวกับฝนดาวตก จากนั้นได้ยินเสียงร้องแหลมดังขึ้นท่ามกลางกลางคืนที่มืดมิด เขาตะโกนเสียงดังลั่น “จุดพลุ!”
ซือหม่าเผิงที่โดนลมพัดจนลืมตาแทบไม่ขึ้นรับคำ จากนั้นล้วงหยิบพลุส่งสัญญาณออกมาจากอก จุดขึ้นบนท้องฟ้า
“ฟิ้ว…ปัง…”
พลุสีแดงสว่างขึ้นกลางท้องฟ้า
ทหารกองทัพไป๋หนึ่งหมื่นห้าพันนายได้รับคำสั่งจึงกระชากบังเหียนม้าให้หยุดลง จากนั้นเปลี่ยนทิศทาง
ม้าเหงื่อโลหิตซึ่งเป็นม้าที่แข็งแกร่งที่สุดของหรงตี๋วิ่งทะยานท่ามกลางหิมะจนเหงื่อซึมไปทั้งร่าง พวกมันรู้สึกเลือดร้อนไปทั้งร่าง พ่นควันขาวออกมาจากจมูกไม่หยุด
เฉิงหย่วนจื้อขี่ม้าไปหยุดอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน จากนั้นเอ่ยเสียงเสียงดัง “จุดไฟ!”
ทหารกองทัพไป๋ซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าต่างพากันหยิบตะบันไฟ[1]ออกมา จากนั้นจุดไฟ
เมื่อแม่ทัพเทียนเฟิ่งที่พาทหารเทียนเฟิ่งและซีเหลียงถอยทัพหนีเห็นดวงไฟที่สว่างยาวเป็นหางมังกรราวกับไม่มีที่สิ้นสุดจึงเบิกตาโพลงพลางตะโกนลั่น “หยุดก่อน!”
ช้างศึกทั้งสามสิบตัวหยุดนิ่ง
ดวงตาของหลี่เทียนฟู่เป็นประกาย สีหน้าตื่นเต้นขึ้นทันที
“เห็นหรือไม่! จากสติปัญญาของไป๋ชิงเหยียน นางเดาจุดประสงค์ของเทียนเฟิ่งของพวกเจ้าออกนานแล้ว! คนที่สามารถโค่นล้มจักรพรรดิองค์เก่าลงจากบัลลังก์ได้จะเป็นคนอ่อนแอไร้ความสามารถได้อย่างไรกัน นางไม่ปล่อยให้เทียนเฟิ่งของพวกเจ้ามีโอกาสแน่! หากวันนี้เจ้าไม่ถือโอกาสที่ดีเช่นนี้จับตัวไป๋ชิงเหยียนให้ได้ ต้าเยี่ยนกับต้าโจวทำสัญญาเป็นพันธมิตรกันแล้ว เทียนเฟิ่งไม่มีทางได้ประโยชน์จากพวกนั้นแน่นอน”
แม่ทัพเทียนเฟิ่งที่พากองทัพช้างมาขบกรามแน่น
“ตอนนี้พวกเราอยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองผิงหยาง ไป๋ชิงเหยียนต้องพาทหารออกมาจับตัวพวกเราแน่ หากเจ้าสั่งให้กองทัพช้างบุกโจมตีประตูเมืองผิงหยางตอนนี้ พวกเราต้องจับตัวไป๋ชิงเหยียนได้แน่ เช่นนั้นพวกเราจึงจะมีโอกาสรอด!”
หลี่เทียนฟู่เห็นแม่ทัพเทียนเฟิ่งยังมีความลังเลจึงรู้ว่าเขาเชื่อฟังคำสั่งของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นก่อนหน้านี้ที่สั่งให้เขาช่วยซีเหลียงจับตัวหลี่จือเจี๋ยกลับไปเท่านั้น ห้ามเปิดศึกกับต้าโจวเด็ดขาด หลี่เทียนฟู่กล่าวอย่างร้อนใจ “ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนเริ่มก่อน พวกเจ้าจึงจำเป็นต้องทำสงคราม ฝ่าบาทของพวกเจ้าไม่มีทางโทษพวกเจ้าหรอก! วันนี้ข้าพาทหารมาหกพันนาย เทียนเฟิ่งของพวกเจ้ามีเพียงช้างสามสิบตัวและทหารอีกร้อยนายเท่านั้น พวกเจ้ายังกลัวสิ่งใดอีก! ซีเหลียงกำลังเสียสละกำลังคนของตัวเองช่วยเทียนเฟิ่งของพวกเจ้าจับตัวไป๋ชิงเหยียนอยู่นะ!”
แม่ทัพเทียนเฟิ่งผู้นั้นเงยหน้าขึ้น เขาขบกรามแน่นพลางก้มลงเป่าขลุ่ยอีกครั้ง เมื่อกองทัพช้างได้ยินเสียงขลุ่ยจึงพากันหันหลังเปลี่ยนทิศทางทันที
หลี่เทียนฟู่ที่นั่งอยู่บนหลังจากสัมผัสได้ว่าช้างกำลังหันหลังกลับ สีหน้าของนางส่อแววดีใจขึ้นมาทันที
“หันกลับ บุกโจมตีเมือง!”
“เทพเจ้าได้โปรดคุ้มครองบุรุษของซีเหลียงด้วย!”
หลี่เทียนฟู่ผุดลุกขึ้นยืนบนหลังช้าง ดวงตาสองข้างของหญิงสาววาวโรจน์ นางตะโกนออกไปท่ามกลางหิมะสุดเสียง
“วันนี้กองทัพของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะนำทัพออกจากเมืองมาสังหารพวกเราทุกคน! ภายในเมืองต้องว่างเปล่าไร้การป้องกันแน่นอน เทพเจ้ากำลังปกป้องทหารซีเหลียงของพวกเรา! เปิดโอกาสให้พวกเราบุกเข้าไปจับตัวจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพื่อแก้แค้นให้เสด็จพ่อของข้าและสหายของพวกเราทุกคน เทพเจ้ามองดูอยู่บนท้องฟ้า ช้างศึกบุกทำลายประตูเมือง จับเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวให้ได้! บุก!”
[1] ตะบันไฟ เครื่องมือจุดไฟของชาวจีนโบราณ สามารถจุดไฟได้โดยการเป่าเพียงครั้งเดียว