ตอนที่ 271-1 รักษาหมิงซิว หวนคืนต้าเหลียง
ตอนที่เฉียวเวยกับจีหมิงซิวทำงานที่อยู่ในมือจนเสร็จกลับมาถึงปราสาทเฮ่อหลันก็เป็นเวลาพลบค่ำของวันที่สามแล้ว วั่งซูกับจิ่งอวิ๋นอวดของขวัญของตนเองกับบิดามารดาอย่างเบิกบานใจยิ่งนัก ใต้เท้าเจ้าสำนักทึ้งกลีบดอกไม้ที่ปลูกอยู่ในกระถางอย่างเคืองแค้น ใบหน้าดำทะมึนราวกับถ่าน
ทั้งครอบครัวกินข้าวด้วยกันอย่างสุขสันต์เปรมปรีดิ์ ยกเว้นใต้เท้าเจ้าสำนักที่เคืองแค้นและเศร้าเสียใจ เจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสองคนจูงอารองกับท่านตาทวดไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ เฉียวเจิงไปต้มยาให้เหอจั๋วที่ห้องครัว เหอจั๋วขจัดพิษไสยเวทในร่างออกไปหมดแล้ว แต่ร่างกายของเขาได้รับผลกระทบหนักหนายิ่งนักจึงจำเป็นต้องบำรุงให้มากสักหน่อย
เฉียวเวยกับจีหมิงซิวไปที่ห้องของจีอู๋ซวง
นับตั้งแต่ได้รับผลสองภพมา จีอู๋ซวงก็ขังตัวเองไว้ในห้องตั้งใจวิจัยยารักษาจีหมิงซิวเป็นเวลาหลายวัน ไม่รู้ว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
“ท่านหมอจี พวกข้าเข้าไปแล้วนะ” เฉียวเวยเคาะประตู
ความสัมพันธ์ระหว่างจีอู๋ซวงกับเฉียวเวยไม่ดีเท่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซาน ดังนั้นต่อให้วันนี้นางเห็นแก่หน้าจีหมิงซิว ยอมปฏิบัติตัวอ่อนโยนลงหน่อย แต่จะให้เรียกว่าท่านลุงก็เรียกไม่ออก แค่เปลี่ยนมาเรียกท่านหมอก็ประหลาดจะแย่แล้ว
จีอู๋ซวงกลับไม่สังเกตคำเรียกขานเหล่านี้ เขาเปิดประตูให้ทั้งสองคน
กลิ่นยาฉุนกึกลอยเข้ามาปะทะจมูก แล้วยังมีกลิ่นไหม้จางๆ ปะปนอยู่ด้วย
เฉียวเวยสูดจมูก “เจ้าทำอะไร ต้มยาจนไหม้หรือ”
จีอู๋ซวงตอบว่า “เข้ามาคุยกันเถิด”
ทั้งสองคนเข้ามาในห้อง กลิ่นยายิ่งเด่นชัด ต่อให้เป็นจีหมิงซิวผู้โตมากับการกรอกยาเข้าปาก ตอนนี้ก็ยังรู้สึกทนไม่ได้อยู่เลือนราง
จีอู๋ซวงเปิดประตูกับหน้าต่างทั้งหมด สายลมราตรีพัดเข้ามาเป่ากลิ่นในห้องให้จางลงบ้าง
เฉียวเวยเดินมาหน้าหม้อยา มองดูสมุนไพรบนโต๊ะกับยาลูกกลอนสีดำปี๋อีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “นี่เจ้าปรุงยาสำเร็จแล้วหรือยังไม่สำเร็จกันแน่”
จีอู๋ซวงได้ยินก็กวาดสายตามองนางอย่างเย็นชา “ต้องปรุงสำเร็จแล้วสิ”
เพียงแต่ทดลองนานมากจนเสียผลสองภพไปหลายผลก็เท่านั้น
เฉียวเวยจึงว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบเอาออกมาสิ!”
จีอู๋ซวงเดินไปหน้าหม้อยา แล้วเปิดหม้อยาออก เขาหยิบยาสีน้ำตาลที่ยังมีควันฉุยออกมาเม็ดหนึ่ง ตัวยาขนาดเท่าไข่นกกระทาครึ่งใบ ผิวเรียบเป็นมันวาว มีกลิ่นหอมอ่อน เขาส่งยาให้จีหมิงซิว “นายน้อย ท่านลองดู”
จีหมิงซิวยื่นนิ้วเรียวยาวดั่งหยกสลักออกมาหยิบเม็ดยาใส่เข้าปากเบาๆ
เฉียวเวยรินน้ำถ้วยหนึ่ง จีหมิงซิวจิบน้ำกลืนยาลงไป
จีอู๋ซวงกับเฉียวเวยมองเขาอย่างพร้อมเพรียง
“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” เฉียวเวยถาม
จีหมิงซิวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “อร่อยดีทีเดียว”
เฉียวเวย “…”
จีอู๋ซวง “…”
เนื่องจากไม่มีผู้ใดเคยทดลองยาสูตรนี้มาก่อน จึงไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วมันได้ผลหรือไม่ แล้วได้ผลมากเท่าใด ใช้เวลาเท่าใดจึงจะออกฤทธิ์ ทั้งสามคนรออย่างอดทนอยู่ในห้องราวครึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นจีหมิงซิวก็รู้สึกว่าภายในร่างเบาโหวง หน้าอกที่ร้อนระอุค่อยๆ เย็นลงอย่างช้าๆ
เฉียวเวยถอดหน้ากากของเขาออก แล้วจึงเห็นลวดลายรูปเปลวเพลิงดวงนั้นบนหน้าเขาจางลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หัวใจของเฉียวเวยเบิกบาน “ได้ผลแล้วจริงๆ!”
จีหมิงซิวยกฝ่ามือขึ้นมาลองโคจรกำลังภายในสายน้อย
เฉียวเวยจับจ้องเขา “ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
“ไม่มี” จีหมิงซิวเพิ่มกำลังภายในขึ้นเล็กน้อย กำลังภายในมหาศาลจากจุดตันเถียนถูกผลักทะลักทลายออกมา แต่เส้นลมปราณของเขาราวกับห้วงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ดูดซับกำลังภายในทั้งหมดที่ไหลบ่าออกมาจนสะอาดเกลี้ยง “ดูท่ายานี่…”
เพิ่งพูดได้ครึ่งเดียว หน้าอกของเขาก็สั่นสะท้านอย่างฉับพลัน กำลังภายในทั้งหมดที่สลายไปรวมกลับเข้ามาในจุดตันเถียนอย่างทบทวี สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปจนเขารู้สึกถึงความเจ็บแปลบสายหนึ่ง หัวคิ้วขมวดมุ่น ครางทุ้มต่ำออกมาหนึ่งคำ
เฉียวเวยมองเขาอย่างตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น”
จีอู๋ซวงแววตาวูบไหว คว้าข้อมือเขามาแล้วส่งกำลังภายในสายน้อยเข้าไปอย่างแผ่วเบา ไม่นานจีอู๋ซวงก็ชักมือกลับ สีหน้าเคร่งขรึม “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ยังไม่หายหรือ” เฉียวเวยถามอย่างงุนงง
“ข้าขอตรวจดูอีกสักหน่อย” จีอู๋ซวงตรวจดูอีกรอบ สีหน้าฉงนงงงวยยิ่งนัก “เหมือนจะดี แต่ก็เหมือนไม่ดี”
เฉียวเวยจึงบอกว่า “ดีก็ดี ไม่ดีก็คือไม่ดี มีอะไรเหมือนไม่เหมือน”
จีอู๋ซวงคิดครู่หนึ่ง “อาจจะใช้สมุนไพรเสริมผิดตัว ข้าจะลองอีกสักหน”
“ไม่ต้องลองแล้ว ไม่มีกระสายยา! เจ้าปรุงยาแก้ไม่สำเร็จหรอก”
เสียงของเฮ่อหลันชิงดังขึ้นที่ประตู
“ท่านแม่” เฉียวเวยเดินไปรับเฮ่อหลันชิงเข้ามา
จีอู๋ซวงหันไปมองนางแล้วถามอย่างประหลาดใจ “เมื่อครู่ท่านพูดถึงกระสายยา กระสายยาอะไร”
เฮ่อหลันชิงนั่งลงบนเก้าอี้แล้วบอกว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าฝ่ามือเก้าสุริยันเป็นวิชาเช่นไร”
เฉียวเวยทำท่านึก “ได้ยินว่าไม่ใช่วรยุทธ์ของจงหยวน
“แน่นอนว่าไม่ใช่” เฮ่อหลันชิงบอก
เฉียวเวยจึงถามว่า “เป็นของชนเผ่าถ่าน่าหรือ”
เฮ่อหลันชิงยิ้มจางๆ “ก็ไม่ใช่เหมือนกัน มันเป็นวิชาที่คนชื่อเนี่ยจิ่วหยางแห่งเผ่าเยี่ยหลัวสร้างขึ้นมา เผ่าเยี่ยหลัวรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งแล้วก่อตั้งราชวงศ์เทียนฉี่ เผ่าถ่าน่าในฐานะสายเลือดของโหราจารย์ปกครองราชสำนักที่เมืองหลวง ส่วนตระกูลเนี่ยในฐานะแม่ทัพกองหน้าของเผ่าเยี่ยหลัว ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่เสินเวย บังคับบัญชาสามกองทัพ เนี่ยจิ่วหยางเป็นแม่ทัพชั้นยอด น่าเสียดายคนผู้นี้จิตใจไม่เที่ยงธรรม เจ้าเล่ห์เพทุบายและโหดเหี้ยม จึงถูกปลดออกจากตำแหน่งขับไล่ออกจากกองทัพ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มท่องยุทธภพ ไม่นานก็สร้างวิชาฝ่ามือเก้าสุริยันขึ้นมา แรกเริ่มเรียกกันว่าฝ่ามือเก้าสุริยันเท่านั้น แต่เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือ ก็ไม่รู้ว่าลูกศิษย์ไร้ยางอายคนใดเปลี่ยนชื่อเป็น ‘วิชาฝ่ามือเทพเก้าสุริยัน’ อย่าเห็นว่าวิชาฝ่ามือนี้ฟังชื่อแล้วเหมือนวิชาฝ่ายธรรมะเชียว ความจริงมันชั่วร้ายอย่างที่สุด อาการบาดเจ็บภายในอย่างอื่นบำรุงไปเดี๋ยวก็ดีขึ้น แต่อาการบาดเจ็บภายในชนิดนี้ หากไม่ดึงพิษของฝ่ามือเก้าสุริยันออกมาก็ไม่มีทางรักษาหาย”
เฉียวเวยกอดแขนของเฮ่อหลันชิง “ถ้าเช่นนั้นจะดูดออกมาอย่างไร ต้องหายอดฝีมือผู้สูงส่งสักคน อย่างเช่นท่านแม่ใช่หรือไม่”
เฮ่อหลันชิงเหล่มองนาง “สาวน้อย ยกยอปอปั้นแม่ให้มันน้อยๆ หน่อย หากแม่ลงมือได้ก็ลงมือไปนานแล้ว ยังต้องรอมาจนถึงตอนนี้หรือ วรยุทธ์ที่แม่ฝึกเป็นวิชาที่ข่มกับฝ่ามือเทพเก้าสุริยัน หากบุ่มบ่ามลงมือ สิ่งที่จะได้รับบาดเจ็บก็คือร่างกายของสามีเจ้า พิษของฝ่ามือชนิดนี้ มีแต่คนที่ฝึกวิชาฝ่ามือเก้าสุริยันเท่านั้นที่จัดการได้ ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ วรยุทธ์ทั้งหมดของคนผู้นั้นก็จะถูกทำลายไปด้วย นี่คือจุดที่ชั่วร้ายของฝ่ามือเก้าสุริยัน”
เฉียวเวยคล้ายจะเข้าใจแล้ว “ท่านแม่หมายความว่า…ต่อให้พวกเราหาคนที่ใช้วิชาฝ่ามือเทพเก้าสุริยันพบ ช่วยหมิงซิวดึงกำลังภายในเก้าสุริยันสายนั้นออกมาได้ กำลังภายในที่หมิงซิวมีอยู่ในร่างรวมทั้งกำลังภายในของผู้อาวุโสทั้งหลายก็จะสลายหายไปพร้อมกันหรือ”
เฮ่อหลันชิงตอบว่า “พูดเช่นนั้นก็ได้”
เฉียวเวยเท้าคาง “ถ้าอย่างนั้นไยมิเท่ากับกลายเป็นคนไร้วรยุทธ์”
แววตาของจีหมิงซิวกลับสงบนิ่งอย่างประหลาด
เฮ่อหลันชิงกุมมือของบุตรสาวแล้วเอ่ยอย่างรักใคร่ “เจ้าอย่าเพิ่งท้อ สถานการณ์ที่ข้ากล่าวถึงเมื่อครู่เป็นกรณีที่ไม่มีผลสองภพกับเลือดของเพียงพอนวิเศษ ตอนนี้มีสองสิ่งนี้ ย่อมรักษากำลังภายในของหมิงซิวเอาไว้ได้”
ดวงตาของเฉียวเวยเป็นประกายใหม่อีกหน “เมื่อครู่ท่านแม่บอกว่าขาดกระสายยาไปตัวหนึ่ง ที่แท้ก็หมายความอย่างนี้นี่เอง! แต่…พวกเราจะไปหาคนที่ใช้วิชาฝ่ามือเทพเก้าสุริยันเป็นจากที่ใดเล่า”
เฮ่อหลันชิงเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าจะตามหาคนร้ายเมื่อตอนนั้นก็ได้ แต่หากหาไม่พบจริงๆ ก็ยังทำได้อีกวิธี”
“วิธีใดหรือ” เฉียวเวยถาม
เฮ่อหลันชิงมองจีหมิงซิว แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ให้หมิงซิวเรียนวิชาฝ่ามือเทพเก้าสุริยันด้วยตัวเอง เช่นนี้เขาก็จะบีบพิษของฝ่ามือในร่างออกมาได้ด้วยตนเอง”
เฉียวเวยลูบคางอย่างตกตะลึง “เรียนเอง…แล้วเรียนจากผู้ใดเล่า”
เฮ่อหลันชิงไม่ตอบลูกสาว แต่เอ่ยขึ้นว่า “จะตามหาคนที่ใช้วิชาฝ่ามือเทพเก้าสุริยันเป็นสักคนเร็วกว่า หรือว่าหาตำราลับของวรยุทธ์ชนิดนี้เร็วกว่า ก็ต้องดูพวกเจ้าแล้ว แม่แนะนำพวกเจ้าได้เพียงอย่างหนึ่ง”
เฉียวเวยขยับเข้ามาข้างกายมารดา “แนะนำอะไรหรือ”
เฮ่อหลันชิงตบหลังมือของลูกสาวแล้วหันไปมองจีหมิงซิว “ข้าได้ยินว่าตระกูลจีของพวกเจ้ามีเขตต้องห้ามแห่งหนึ่ง เจ้าเคยเข้าไปหรือไม่”
จีหมิงซิวตอบว่า “ไม่เคยขอรับ”
เฮ่อหลันชิงยิ้มจางๆ “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองเข้าไปหาดู ไม่แน่อาจจะได้อะไรบ้าง”
“ขอรับ” จีหมิงซิวตอบรับอย่างนิ่งสงบ
คนหนุ่มสุขุมได้ถึงระดับนี้ไม่ง่ายเลย หากเปลี่ยนเป็นตัวนางเอง ประเดี๋ยวมียาแก้ ประเดี๋ยวไม่มียาแก้ เกรงว่าคงโมโหจนขนพองแล้ว เฮ่อหลันชิงมองจีหมิงซิวอย่างพึงพอใจ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าอย่าได้กังวล อย่างมากที่สุดก็กินผลสองภพไปทั้งชีวิตก็กดพิษของฝ่ามือในร่างเจ้าได้แล้ว”
ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเฉียวเวยทำหน้าเคร่งทันควัน “ท่านแม่!”
เฮ่อหลันชิงจัดแขนเสื้อ “ได้ๆ ไม่รังแกสามีของเจ้าแล้ว แม่จะไปหาพ่อของเจ้า”
เฉียวเวยชวนจีหมิงซิว “ถ้าอย่างนั้น…พวกเราก็กลับกันเถิด”
จีหมิงซิวพยักหน้าแล้วสั่งจีอู๋ซวงว่า “ยาเมื่อครู่เจ้าปรุงขึ้นมาอีกเม็ด แล้วส่งไปให้หมิงเยี่ย”
“ขอรับ นายน้อย” จีอู๋ซวงตอบรับ
สองสามีภรรยากลับมาถึงห้อง
ระหว่างทางเฉียวเวยกังวลว่าเขาจะทรมาน จึงไม่กล้าส่งเสียงดังรบกวนเขานัก เดินตามเขาเข้ามาในห้องก็ถามประโยคหนึ่งว่าอยากอาบน้ำหรือไม่ เขาขานตอบมาคำหนึ่ง เฉียวเวยจึงช่วยหยิบเสื้อออกมาให้เขา เขารับเสื้อแล้วเดินไปที่น้ำพุร้อน
เรื่องที่แก้พิษไม่ได้ในทันที จะบอกว่าไม่รู้สึกอันใดเลยก็คงเป็นคำโกหก แต่หากจะบอกว่าเสียใจมากมายนักก็ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เสาะหาหนทางมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินว่าหายาแก้พิษพบ แต่ผลสุดท้ายกลับไม่ใช่ สถานการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งหลายหนแล้ว เขาพบบ่อยจนเคยชิน
ยิ่งไปกว่านั้นยาตัวใหม่ก็ช่วยควบคุมพิษของฝ่ามือกับกำลังภายในของเขาได้ดีมาก เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วเป็นความก้าวหน้าที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งแล้ว
คนต้องรู้จักพอจึงจะมีความสุข
จีหมิงซิวหลับตาลง เอนหลังพิงขอบสระอย่างเชื่องช้า
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังเข้ามาใกล้ หว่างคิ้วของเขาขมวดมุ่น แต่พอฟังออกว่าเป็นเสียงฝีเท้าของผู้ใด คิ้วก็ค่อยๆ คลายออกช้าๆ
เฉียวเวยเดินย่องเข้ามานั่งหลังร่างเขาแล้วก้มตัวลงมาชิดจรดริมหู ใช้เสียงแผ่วเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบเอ่ยว่า “นายน้อยหมิง ต้องการคนปรนนิบัติหรือไม่”
จีหมิงซิวถูกเสียงอันอ่อนโยนและมีเสน่ห์ของนางทำเอาหัวใจอ่อนยวบ เขาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ผินหน้ามองนาง