ตอนที่ 1096 ไม่เผชิญปัญหา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1096 ไม่เผชิญปัญหา

มู่หรงลี่รู้ว่ามารดาของตัวเองเป็นคนอ่อนแอ ดังนั้นตอนที่มู่หรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่แสดงละครว่าสองอาหลานไม่ถูกกัน มู่หรงลี่จึงแสร้งทำเป็นให้ความสำคัญกับตาของตัวเองแทน

ทว่า มู่หรงลี่รู้ความสามารถของตาตัวเองดี เขาไม่มีทางพาท่านแม่ของเขาหลบหนีออกมาจากวังโดยที่คนของท่านอาเก้าไม่รู้ได้อย่างแน่นอน

ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนลากตัวมู่หรงลี่ไปยังห้องหนังสือของมู่หรงลี่ นางปลดกระดุมเสื้อของมู่หรงลี่ออก เมื่อเห็นว่าบาดแผลเป็นเพียงแผลภายนอกจริงๆ จึงวางใจลง ทว่า ดวงตายังคงแดงก่ำอย่างอดไม่ได้

เมื่อเห็นว่ารอบกายไม่มีผู้ใดไทเฮาจึงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของบุตรชาย จากนั้นกล่าวขึ้น “ทีหลังจงจำไว้ให้ดีว่าอย่างเดินทางไปยังสนามรบที่มีแต่อันตรายนั่นอีก! เจ้าให้คนเก็บของแล้วกลับไปฉลองคืนสิ้นปีกับแม่ที่เมืองหลวงเดี๋ยวนี้!”

“ท่านแม่!” มู่หรงลี่มองมารดาอย่างตกตะลึง ท่านแม่ให้เขาเก็บของเดินทางกลับเมืองหลวงไปพร้อมนาง เมืองหลวงเกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ

มู่หรงลี่กุมมือมารดาจากนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว เขาเงยหน้ามองมารดาของตัวเอง

“เมืองหลวงเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือขอรับ ท่านแม่ไม่ต้องกลัว…ข้าอยู่นี่ขอรับ!”

ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนขยับริมฝีปากเล็กน้อย ทว่า นางกล่าวไม่ออก ได้แต่กล่าวเพียง

“เจ้ากลับไปเมืองหลวงกลับแม่เถิด เจ้าอยู่ที่แม่ไม่วางใจ”

“ข้าอยู่กับท่านอาเก้า ท่านแม่มีสิ่งใดต้องเป็นห่วงขอรับ”

“ก็เพราะ…” ไทเฮาชะงักคำกล่าว นางกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงไป น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตา

“หากเจ้ายังมีแม่อยู่ในใจ เจ้าจงกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับแม่!”

“ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักท่านแม่ ทว่า ตอนนี้ต้าโจวกับต้าเยี่ยนกำลังร่วมมือกันทำสงครามต่อต้านซีเหลียงและเทียนเฟิ่ง จักรพรรดินีแห่งต้าโจวที่กำลังตั้งครรภ์ยังอยู่ที่เมืองผิงหยางเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหาร ข้าเป็นชายแท้ๆ จะจากไปได้เช่นไรขอรับ” มู่หรงลี่ไม่เห็นด้วย

“ท่านแม่ มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ขอรับ ท่านปรึกษาท่านอาเก้าและข้าได้นะขอรับ…”

ไทเฮายังไม่ทันกล่าวสิ่งใดออกมาก็ได้ยินบ่าวรับใช้ด้านนอกเอ่ยทัก “ท่านอ๋องเก้า” ไทเฮาจึงรีบใช้แขนเสื้อซับน้ำตา หมัวมัวข้างกายของนางรายงานว่าอ๋องเก้ามาถึงแล้ว

ไทเฮาจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย “เชิญเข้ามาได้”

มู่หรงเหยี่ยนเดินเข้ามาด้านใน จากนั้นทำความเคารพไทเฮา “อาเหยี่ยนคารวะพี่สะใภ้ขอรับ เมื่อครู่ทูตของเทียนเฟิ่งเดินทางมาขอขมา เหยี่ยนสนทนากับเขาอยู่ในห้องหนังสือจึงไม่ได้ออกไปต้อนรับพี่สะใภ้ หวังว่าพี่สะใภ้จะไม่ถือสาขอรับ”

“ท่านอาเก้า” มู่หรงลี่ทำความเคารพมู่หรงเหยี่ยน

“อาเหยี่ยนนั่งลงเถิด” ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พยายามทำตัวให้เหมือนปกติที่สุด นางกล่าวขึ้น “ที่ข้าเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้โดยไม่ได้บอกให้พวกเจ้ารับรู้เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้พวกเจ้า ข้าแค่อยากมาฉลองคืนสิ้นปีกับพวกเจ้า จากนั้นพาอาลี่กลับเมืองหลวงก่อนเพราะราชสำนักต้องการจักรพรรดิ อาลี่คือจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน หากเขาเป็นอันใดขึ้นมาในสนามรบที่อันตรายเช่นนี้พวกเราคงรับผิดชอบไม่ไหว เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่”

มู่หรงเหยี่ยนเดินทางทำการค้าตามแคว้นต่างๆ มาหลายปี พบคนหลากหลายประเภท แม้พี่สะใภ้ของเขาจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากเพียงใด ทว่า มู่หรงเหยี่ยนจับพิรุธได้จากสายตาของนางอยู่ดี

“พี่สะใภ้โกรธเรื่องที่อาลี่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้หรือขอรับ”

มู่หรงเหยี่ยนอยากเปิดใจคุยกับคนในครอบครัว เขาไม่อยากกล่าววาจาอ้อมค้อมกับพี่สะใภ้ของตัวเอง มีสิ่งใดก็ควรกล่าวออกมาตรงๆ

“พี่สะใภ้ ที่นี่ไม่มีคนนอก หากพี่สะใภ้โมโหก็ทุบตีอาเหยี่ยนเถิดขอรับ! พี่สะใภ้เปรียบเสมือนมารดา ไม่ว่าพี่สะใภ้จะสั่งสอนอาเหยี่ยนเช่นไรอาเหยี่ยนจะน้อมรับไว้ขอรับ ทว่า อาเหยี่ยนคิดว่าอาลี่คือจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน ในฐานะบุรุษของตระกูลมู่หรง อาลี่ควรได้ไปเห็นสงครามจริงสักครั้งขอรับ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ที่สำคัญมีข้า เซี่ยสวินและเยว่สืออยู่ พวกเราไม่มีทางปล่อยให้อาลี่เป็นอันใดไปแน่นอนขอรับ บุรุษควรเสียเลือดหรือได้รับบาดเจ็บผิวเผินเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ท่านพี่และข้าล้วนไปออกรบในสนามรบทั้งสิ้น อาลี่คือจักรพรรดิของต้าเยี่ยน พวกเราจะปล่อยให้เขาเสี่ยงอันตรายไม่ได้ ทว่า อย่างน้อยก็ควรให้เขาได้เห็นสิ่งเหล่านี้กับตาของตัวเองขอรับ จะปล่อยให้เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงที่ศรีวิไลโดยไม่เผชิญปัญหาใดๆ เลยไม่ได้ขอรับ”

ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น นางรู้ดีว่ามู่หรงเหยี่ยนต้องการโน้มน้าวความคิดนาง ทว่า นางต้องยอมรับว่าเขากล่าวมีเหตุผล

ในเมื่อมู่หรงเหยี่ยนกล่าวออกมาตามตรง ไทเฮาจึงไม่คิดปิดบังอีกต่อไป นางหันไปกล่าวกับมู่หรงลี่

“เจ้าออกไปรอด้านนอกก่อน แม่มีเรื่องจะกล่าวกับท่านอาเก้าของเจ้า”

มู่หรงลี่มองไปทางมู่หรงเหยี่ยนอย่างลังเล ไทเฮาโมโหขึ้นทันที

“คำกล่าวของแม่ไม่มีความหมายแล้วหรืออย่างไร ต้องให้ท่านอาเก้าของเจ้าเป็นคนออกคำสั่งอย่างนั้นหรือ!”

มู่หรงลี่ทำความเคารพไทเฮาและมู่หรงเหยี่ยน จากนั้นเดินออกไปจากห้อง ทว่า กลับยืนเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องอยู่ด้านนอกตลอดเวลา

“พี่สะใภ้มีสิ่งใดเชิญกล่าวมาตามตรงได้เลยขอรับ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดที่กล่าวไม่ได้ขอรับ” มู่หรงเหยี่ยนมองไปทางไทเฮา “หากพี่สะใภ้คิดว่าเหยี่ยนทำสิ่งใดผิดไป พี่สะใภ้ตักเตือนมาได้เลยขอรับ”

ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นจนแทบฉีกขาด เมื่อคุมสติได้แล้วจึงกล่าวขึ้น “อาเหยี่ยน เจ้ารู้ดีว่าตอนที่ข้าแต่งงานกับพี่ชายของเจ้าต้าเยี่ยนมีสภาพเป็นเช่นไร ตอนนั้นต้าเยี่ยนมีแต่ปัญหา เสด็จพ่อสังหารเสด็จแม่ อีกทั้งต้องการสังหารพี่ชายของเจ้า ตอนนั้นข้าตั้งท้องได้สี่เดือนแล้ว ข้าหนีตายออกจากวังหลวงกลับไปยังตระกูลมารดาของตัวเอง ข้าใช้ความตายบีบบังคับให้ท่านพ่อยกทัพไปช่วยเหลือพี่ชายของเจ้าและเจ้า ข้าสูญเสียลูกคนแรกของข้าและพี่ชายของเจ้าไปในตอนนั้น ท่านพ่อของข้าเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นเช่นเดียวกัน…”

ไทเฮากล่าวถึงตรงนี้ก็เริ่มสะอื้นขึ้นทันที ร่างของนางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เหตุการณ์ของต้าเยี่ยนในตอนนั้นเปรียบเสมือนฝันร้ายของนาง ทุกครั้งที่ฝันถึงนางมักตกใจตื่นจนเหงื่อท่วมร่างตลอด

มู่หรงเหยี่ยนกำหมัดซึ่งแนบอยู่ข้างลำตัวแน่น เขาหวนนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดในตอนนั้น

ชายหนุ่มสะบัดชายชุดพลางคุกเข่าลงตรงหน้าไทเฮา “พี่สะใภ้ เหยี่ยนไม่เคยลืมขอรับ”

ไทเฮาเห็นท่าทีของมู่หรงเหยี่ยนจึงเอื้อมมือไปประคองร่างเขาขึ้นมาอย่างใจอ่อน น้ำตาของนางไหลพราก นางกล่างเสียงสะอื้น “ต่อมาอาเหยี่ยนเสนอตัวอย่างกล้าหาญว่าจะปลอมตัวเป็นพ่อค้าเดินทางไปทำการค้าตามแคว้นต่างๆ เพื่อสร้างแหล่งข่าวที่กว้างขวางให้ต้าเยี่ยน ตอนนั้นพวกเราต้องมอบเงินเกือบทั้งหมดของแคว้นเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้ต้าจิ้น ต้าเยี่ยนยากจนจนแคว้นแทบดับสูญ”

“พี่ชายของเจ้าไม่มีทางเลือกจำต้องคุกเข่าขอร้องให้ขุนนางและชาวบ้านช่วยกันรวบรวมเงินให้เจ้าเพื่อให้ต้าเยี่ยนผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ ตระกูลฝั่งมารดาของข้าบริจาคเงินเกือบทั้งหมดที่มีให้เจ้า ข้ามอบสินเดิมของข้าให้เจ้าทั้งหมดจนไม่มีเครื่องประดับติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว”

ไทเฮาจับป้ายหยกที่แขวนไว้ที่เอวซึ่งไม่รู้เปลี่ยนสายเชือกมาแล้วกี่เส้น

“ข้าเก็บไว้เพียงป้ายหยกที่พี่ชายของเจ้ามอบให้ข้าเป็นของหมั้นเท่านั้น”

“พี่สะใภ้” มู่หรงเหยี่ยนเงยหน้ามองพี่สะใภ้ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “เหยี่ยนไม่เคยลืมขอรับ”

แม้ต่อมามู่หรงเหยี่ยนจะหาสินเดิมของพี่สะใภ้มาคืนให้นางได้ทั้งหมด ทว่า มู่หรงเหยี่ยนไม่เคยลืมบุญคุณที่พี่สะใภ้เคยยื่นมือเข้าช่วยเหลือตอนยากลำบาก