บทที่ 1115 ได้รับการช่วยเหลือ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1115 ได้รับการช่วยเหลือ

บทที่ 1115 ได้รับการช่วยเหลือ

สถานที่แห่งนี้ยังมีคนรับใช้ซุกซ่อนไว้อยู่อีกจำนวนหนึ่ง

ตอนนี้คนเหล่านั้นกำลังตรวจตราไปรอบ ๆ เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวและเสียงกรีดร้องของจินซื่อข่าย พวกเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปทางนั้นทันที

เมื่อไปถึงก็เห็นว่านายน้อยของตนเองถูกเด็กคนนั้นใช้ดาบชี้หน้า แล้วพยายามหาทางหนีทีรอด นอกจากนี้แขนของเขายังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

จินซื่อข่ายเห็นคนรับใช้สองคนยืนอยู่นอกประตูด้วยความงุนงง และอดไม่ได้ที่จะตะโกน “ทำไมพวกเจ้ายังยืนบื้ออยู่อีก ทำไมไม่รีบลากตัวมันมา”

เมื่อคนรับใช้สองคนได้ยินคำพูดของจินซื่อข่าย พวกเขาก็ตอบรับอย่างฉับไวและรีบไปจับกู้หนิงผิงไว้

กู้หนิงผิงไม่ทันตั้งตัวและโดนคนเหล่านั้นคว้าคอเสื้อไว้อย่างรวดเร็ว

คนรับใช้สองคนชกหน้าอกของกู้หนิงผิงด้วยแรงมหาศาล กู้หนิงผิงปวดร้าวไปทั่วแผ่นออกและกระอักเลือดออกมา

แต่เขาต้องการช่วยถานอวี้ซู เขาจะต้องไหว… เขาจะต้องไหว!

ความเชื่อมั่นในใจของกู้หนิงผิงกำลังสนับสนุนตนเอง

คนรับใช้คนหนึ่งกอดรั้งเอวกู้หนิงผิงไว้ ในขณะที่คนรับใช้อีกคนทุบตีลงบนร่างของกู้หนิงผิง

จินซื่อข่ายเช็ดเลือดออกจากปากของเขาและพูดอย่างชั่วร้าย “ข้าจะทุบตีเขาให้ตาย”

ถานอวี้ซูแก้เชือกบนร่างกาย และรีบรุดขึ้นหน้าเพื่อช่วยเหลือกู้หนิงผิง

แต่ความแข็งแกร่งของนางในสายตาของคนรับใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาก้อนกรวดไปทุบหิน

เมื่อเห็นถานอวี้ซูก้าวไปข้างหน้าเพื่อทุบตีเขา คนรับใช้ก็เหวี่ยงถานอวี้ซูลงกับพื้น

ร่างกายของถานอวี้ซูกระแทกพื้นอย่างแรงและกระเด็นไปไกล

เมื่อเห็นว่าร่างกายของถานอวี้ซูกระแทกกับพื้น กู้หนิงผิงก็กระอักเลือดออกมาและคำรามว่า “อวี้ซู อวี้ซู”

อาอวี้ยังสะอื้นและคำรามด้วยน้ำตาที่ไหลอาบหน้า และร้องเรียกต่อไปว่า “คุณหนู คุณหนู”

ถานอวี้ซูรู้สึกเพียงว่ากระดูกของนางราวกับจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นพลางเช็ดเลือดที่ปากและมองไปที่กู้หนิงผิงอย่างเป็นทุกข์ จากนั้นก็หันศีรษะไปจ้องมองที่จินซื่อข่ายอย่างดุดันและเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “จินซื่อข่าย วันนี้ข้าจะต่อสู้กับเจ้า”

นางหยิบกริชออกมาจากแขนเสื้อแล้วพุ่งเข้าไปหาจินซื่อข่าย

จินซื่อข่ายรู้สึกตะลึงเล็กน้อยกับกู้หนิงผิงในตอนนี้ เมื่อเห็นถานอวี้ซูเดินไปข้างหน้าพร้อมกับกริช เขาก็ตื่นตระหนกและเตรียมจะเตะถานอวี้ซูเพื่อป้องกันตัว

เนื่องจากจินซื่อข่ายเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าโดยธรรมชาติ ในขณะที่ถานอวี้ซูเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่โต ถ้าเขาเตะนางจริง ๆ หากนางไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต

กู้หนิงผิงกังวลเกี่ยวกับถานอวี้ซู เมื่อเห็นว่าถานอวี้ซูหมดหวังและพร้อมจะตายไปพร้อมกับจินซื่อข่ายเพื่อตัวเขาเอง เขาจึงตะโกนอย่างเศร้าใจ “อวี้ซู อย่า…”

แต่มันสายเกินไป ถานอวี้ซูยกกริชขึ้นและพุ่งไปหาจินซื่อข่ายทันที

ในขณะนี้มีเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง

กู้หนิงผิงดิ้นรนกรีดร้องเสียงดังและเรียกชื่อถานอวี้ซู

ถานอวี้ซูราวกับจะบอกลากู้หนิงผิง นางแทงที่ไปจินซื่อข่ายโดยไม่หันกลับมามอง

ในขณะนี้ ร่างที่เร็วมากพุ่งเข้ามาจากข้างนอก

ร่างนั้นพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วและเตะเข้ากับร่างกายของจินซื่อข่าย ชายหนุ่มกรีดร้องออกมาและถูกเตะขึ้นไปในอากาศ ร่างกระแทกกำแพงและร่วงลงกับพื้นดัง ‘ตึ้ง’ และกระอักเลือดออกมา

ถานอวี้ซูที่เจอความว่างเปล่า ด้วยแรงที่พุ่งมากเกินไปจึงทำให้นางเซถลา แต่โชคดีที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บ

อาโม่รีบหันกลับมาและเห็นว่ากู้หนิงผิงถูกทำร้ายโดยคนรับใช้สองคน เขาจึงเตะคนรับใช้ที่กำลังทำร้ายกู้หนิงผิงออกไป

คนรับใช้อีกคนที่กอดเอวกู้หนิงผิงไว้ก็ตื่นตระหนก เมื่อเห็นคนมาใหม่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง

เขารีบปล่อยกู้หนิงผิงและกำลังจะวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อเอาชีวิตรอด

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังวิ่งออกไปข้างนอก เขาก็ลอยจากข้างนอกกลับเข้าไปในบ้านและร่วงลงบนพื้นอย่างแรง

“หนิงผิง อวี้ซู” กู้เสี่ยวหวานวิ่งเข้ามา และในที่สุดก็เห็นร่างกายของกู้หนิงผิงที่เต็มไปด้วยเลือด และถานอวี้ซูที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งรีบเข้าไปกอดกู้หนิงผิงที่ล้มลงกับพื้น

ถานอวี้ซูวิ่งไปด้านข้างของกู้หนิงผิง หยาดน้ำตาทำให้ดวงตาของนางพร่ามัว แต่เมื่อนางเห็นท่าทีวางใจของกู้หนิงผิง นางก็ร้องไห้อย่างโศกเศร้า

“พี่หนิงผิง…”

กู้หนิงผิงลืมตาของเขา และเมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกับคนอื่น ๆ เข้ามาและถานอวี้ซูยังสบายดี เขาก็ยิ้มให้ถานอวี้ซูด้วยความวางใจ ในขณะนี้เขากำลังจะหมดสติ แต่เขายังคงปลอบโยนถานอวี้ซู “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่เป็นอะไร”

หลังจากพูดจบ เขาก็หมดสติไป

“หนิงผิง!”

“ท่านพี่หนิงผิง!”

เมื่อเห็นกู้หนิงผิงหมดสติไป กู้เสี่ยวหวานก็ตะโกนอย่างกระวนกระวาย ถานอวี้ซูมองไปที่กู้หนิงผิงซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือด นางร้องไห้อย่างขมขื่น

เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงหมดสติ ฉินเย่จือจึงรีบไปตรวจสอบอาการของกู้หนิงผิง ปรากฏว่ากู้หนิงผิงหมดสติไปเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ชีวิตของเขายังไม่ตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นฉินเย่จือจึงพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ไปเถอะ พวกเรารีบไปหาหมอเร็วเข้า”

อาโม่อุ้มกู้หนิงผิงขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานและอาอวี้พยุงถานอวี้ซูและเดินออกไปข้างนอก

เมื่อทุกคนมาถึงลานบ้าน ทันใดนั้น เปลวไฟจากด้านนอกกำลังตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงกรีดร้องที่เร่งรีบที่ได้ยินมาถึงที่นี่

“เร็วเข้า พวกเขาอยู่ที่นี่ เร็วเข้า”

เมื่อพวกเขามาถึงลานบ้าน พวกเขาเห็นกลุ่มคนจำนวนมากล้อมรอบกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ผู้นำซึ่งเป็นชายวัยกลางคนมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ราวกับหมาป่าที่มองเห็นเหยื่อของมัน

คนรับใช้วิ่งเข้าไปในบ้านและอุ้มจินซื่อข่ายออกมา “นายท่าน นายน้อยอยู่ที่นี่ นายน้อยได้รับบาดเจ็บขอรับ”

เมื่อครู่จินซื่อข่ายถูกกู้หนิงผิงทุบตี จากนั้นเขาก็ถูกอาโม่เตะ ร่างจึงกระแทกกำแพงอย่างแรงจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากแล้วหมดสติไป

ผู้นำของคนที่มาคือ จินโหย่วกุ้ย

จินซื่อข่ายเป็นต้นกล้าเพียงหนึ่งเดียวของเขาในสามชั่วอายุคน เมื่อเห็นว่าจินซื่อข่ายหมดสติไปแล้ว ในขณะนี้เขาก็โกรธจัดและจ้องมองที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ อย่างดุดันราวกับว่าเขาต้องการที่จะลงทัณฑ์เลาะกระดูก*[1]

*[1] วิธีการทรมานนี้คือ การจับนักโทษขึงกับแท่นหรือเสา จากนั้นนำมีดขนาดเล็กมาแล่เนื้ออย่างช้าทีละนิด โดยที่เนื้อนั้นยังไม่ขาดจากร่างกาย นักโทษนั้นยังคงมีชีวิตอยู่และจะได้รับความทุกข์ทรมานจนกว่าจะเสียชีวิต

——————————————————————–